เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1036 อยากจะแย่งมาให้ได้
บทที่ 1036 อยากจะแย่งมาให้ได้
บทที่ 1036 อยากจะแย่งมาให้ได้
เสี่ยวเถียนรู้จักชายคนนี้ เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ
ชื่อข่งซิงกั๋ว หลังเรียนจบเจ้าตัวไม่อยากกลับบ้านเกิดจึงเลือกอยู่ในเมืองหลวงแทน
เขาดูเป็นคนธรรมดา ๆ หน้าตาเรียบ ๆ ให้ความรู้สึกแบบนักวิชาการรุ่นอาวุโส
แต่ไม่คิดเลยว่าจะชอบกินเผ็ด
เสี่ยวเถียนยิ้มบาง ๆ แล้วมองไปทางคนอื่น
บางคนหน้าตาบิดเบี้ยว ดูก็รู้ว่ากินเผ็ดไม่ได้
บางคนน้ำมันเขรอะปาก ดูก็รู้ว่าชอบ
และมีบางคนที่กินอย่างระมัดระวัง รวมถึงตัวเหลยเกาเชาด้วย
กลุ่มนี้คงเข้าใจถึงความคิดของเสี่ยวเถียน
นี่คือการศึกษาถึงรสชาติของปัญหาน่ะ
เสี่ยวเถียนหยิบคากิขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วค่อย ๆ ละเลียด
รวม ๆ แล้วรสชาติดี
แต่มันไม่น่าสนใจอย่างที่ต่งเยี่ยนอันบอกนั่นแหละ
รสเผ็ดเสียจนกลบกลิ่นอื่นไปหมด
สำหรับคนกินเผ็ดคงไม่ใช่ปัญหา แต่คนไม่กินหรือกินได้เล็กน้อยคงรับไม่ไหว
เธอรู้สึกว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่ตัวพริก
ชาติที่แล้วเธอเคยทำงานโรงแรมและเคยทำงานในครัวมาบ้าง ต่อให้เป็นพริกชนิดเดียวกันรสชาติก็ยังแตกต่างอยู่ดี
บางชนิดมีความเผ็ด บางชนิดจะมีกลิ่นหอมทิ้งไว้ในปากหลังจากเคี้ยว
ซึ่งความเผ็ดส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากทั่วประเทศมาจากเสฉวนกับฉงชิ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องกลิ่นหอม
ส่วนพริกที่ต่งเยี่ยนอันเลือกมาไม่ตรงกับเงื่อนไขนี้เลย
ถึงเราจะแก้อัตราส่วนอื่น ๆ ได้ แต่ใช้วัตถุดิบเดิมดีกว่าปล่อยให้รสพริกนำโด่งแบบนี้น่ะ
แล้วเราควรไปซื้อที่ไหนล่ะ?
เด็กสาวตกอยู่ในภวังค์
เหลยเกาเชาเห็นเจ้านายขมวดคิ้วก็พอจะเดาออกว่าเจ้าตัวเจอปัญหาแล้ว
ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเด็กอายุสิบกว่าปีรู้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง
เรียกได้ว่าผู้มีความสามารถรอบด้านด้วยซ้ำ!
ทำไมเด็กเก่ง ๆ แบบนี้ไม่ได้อยู่ในครอบครัวเรานะ?
เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าผู้อำนวยการเหลยคิดอะไร เพราะตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะใช้พริกชนิดไหนดี
จากนั้นก็จำได้ว่าที่บ้านเกิดมีพริกอยู่ชนิดหนึ่งที่เคยกินอยู่ มันไม่ได้เผ็ดเยอะแต่กลิ่นหอม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก
ต้องลองดู
เรื่องพริกแก้ได้แล้ว เสี่ยวเถียนตั้งใจชมต่อ
ความเผ็ดมีความหวานน้อยไปหน่อย ทำให้รสชาติมันติดค้าง
พอกินแล้วจะรู้สึกร้อน ใช้ไม่ได้
เธอเจอข้อบกพร่องทีละอย่าง
ด้วยความที่กินแต่อาหารดี ๆ มาตั้งแต่เด็กจึงถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหาร
ในไม่ช้าก็พบปัญหาทั้งหมด
ทุกคนกินกันคนละชิ้น ส่วนข่งซิงกั๋วฟาดไปสองชิ้นแล้ว ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนกวาดสายตามอง
พวกเขารู้ว่ามื้อนี้ไม่ได้มากินเฉย ๆ
ยังมีคำถามทดสอบด้วย
แต่ไม่รู้เจ้านายจะถามอะไร
หลังจากเจ้านายหยิบประเด็นขึ้นมาถก ทุกคนได้แต่โล่งใจ
ปัญหานี้จัดการง่ายมาก พวกเราตอบได้
ฝ่ายลูกน้องไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ทั่วไปอยู่แล้ว ตัวเสี่ยวเถียนเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน
แล้วก็ไม่มีความคิดจะหลอกเจ้านายเลยด้วย
ทุกคนเริ่มสนทนาและแสดงความคิดเห็นกับคากิรสเผ็ดจานนี้
เสี่ยวเถียนยกยิ้มมุมปาก
ทุกคนอธิบายอย่างละเอียด
อย่างที่คาดไว้ว่าขึ้นอยู่กับรสนิยมคนกิน บ้างว่าเผ็ดไป บ้างว่าเผ็ดไม่พอ บ้างว่าจืดไปหน่อย น่าจะใส่ฮวาเจียวเข้าไปอีก
สรุปแล้วคำตอบล้วนหลากหลาย
ต่งเยี่ยนอันจดข้อมูลใส่บันทึก
เธอตื่นเต้นมาก จดทั้งความพึงพอใจของทุกคน และส่วนที่ต้องแก้ไข
ถือว่าเป็นการศึกษาที่ดีสำหรับคนทำวิจัยครั้งแรกเช่นเธอ
จากที่จดมามีหลาย ๆ อย่างใช้ไม่ได้
เธอเชื่อว่าความคิดบางส่วนไม่ได้มีประโยชน์กับรสชาติเท่าไร แต่บางเวลาอาจเอามาพัฒนาโอกาสในอนาคตได้
เช่นถ้าใส่ฮวาเจียวพอ จะกลายเป็นรสชาติใหม่หรือเปล่า?
เสี่ยวเถียนวิเคราะห์เนื้อหาที่มีประโยชน์จากคำตอบ
ด้วยความสามารถอันแข็งแกร่งในการเรียนรู้และจดจำข้อมูลจึงไม่จำเป็นต้องจด
เธอแยกแยะความคิดในหัวได้หมด
บทสนทนากินเวลาครึ่งชั่วโมง
ตอนหวังเซียงฮวามาเสิร์ฟอาหารก็ไม่ลืมบอกให้หลานจบบทสนทนาไว้ไปคุยวันอื่นแทน
หลังจากคุยเรื่องคากิเสร็จ ทุกคนเริ่มลงมือกินข้าวอย่างเป็นทางการ
คากิรสเผ็ดยังคงได้รับความนิยมเช่นเดิม
แม้คะแนนที่ให้จะไปในทางไม่ค่อยพอใจ แต่สิ่งแรกที่พวกเขากินคือคากิรสเผ็ดจานใหญ่
จากนั้นก็มีหมูตุ๋นมันเยิ้ม ๆ สีดอกกุหลาบ
หมูตุ๋นติดมันในซอสแดงเข้มข้นอาจไม่น่าสนใจสำหรับคนยุคปัจจุบัน แต่สำหรับยุคนี้เป็นที่ดึงดูดใจมาก
ยิ่งหมูตุ๋นสูตรลับเฉพาะของตระกูลซูเราอร่อยไม่มีใครเทียบได้เลย
ทุกคนกินด้วยความกระตือรือร้น ชมไม่หยุด
จากนั้นก็อาหารจานผักไว้ตัดเลี่ยน
ทุกคนมีความคิดเดียวกัน ทำไมอาหารจานผักธรรมดา ๆ ถึงอร่อยขนาดนี้ล่ะ?
ในเมื่ออร่อยก็ต้องกินอีก
เดี๋ยวจะขาดทุนเอา
จากนั้นตะเกียบจึงเริ่มขยับไว้ขึ้น
นอกจากคากิแล้ว เสี่ยวเถียนกินมะเขือเทศ แตงกวา และแป้งทอดไส้กุยช่ายเท่านั้น นั่นก็อิ่มมากแล้วละ
พวกเหลยเกาเชาเคยคิดว่าอาหารในโรงงานว่าอร่อยแล้วนะ แต่ที่กินอยู่มันเทียบไม่ได้เลย
“เจ้านาย อาหารอร่อยมากครับ!” เหลยเกาเชาชม “อยากรู้จักจังว่าใครทำ เผื่อจะชวนมาทำอาหารที่โรงงานได้”
เสี่ยวเถียนปิดปากหัวเราะ “คงไม่ได้หรอกค่ะ แม่ใหญ่ของฉันทำเอง เธอเป็นคนดูแลฟาร์มแล้วก็เป็นหนึ่งในเจ้าของด้วยค่ะ!”
เหลยเกาเชาผิดหวัง
“ที่จริงเชฟในโรงงานถือว่าเก่งนะคะ แต่ทำไมกับข้าวหม้อใหญ่ ๆ มันถึงอร่อยไม่เท่าหม้อเล็ก ๆ ก็ไม่รู้”
ข้าวหม้อใหญ่ไม่ว่าใครทำก็ไม่อร่อยหรอก
เหลยเกาเชาเริ่มคิด
สร้างความสัมพันธ์ดีไหม แบบว่ามากินข้าวที่นี่ทุก ๆ สองสามวันน่ะ?
น่าจะได้มั้ง?
แต่จะไม่เอาคนอื่นมาด้วยหรอกนะ แอบมาคนเดียวพอ
ไม่ใช่คนเดียวที่มีความคิดแบบเดียวกับเหลยเกาเชา
เรียกได้ว่าแทบทุกคนเลยดีกว่า