เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 106 ขายบ้านไม่ได้นะ
บทที่ 106 ขายบ้านไม่ได้นะ
บทที่ 106 ขายบ้านไม่ได้นะ
น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงในตอนนี้หนึ่งจินมีราคาห้าเหมา น้ำมันถั่วเหลืองแปดเหมา และของพวกนี้รวมกันเป็นราคาหกหยวนสามเหมา
เฉินจื่ออันคิดจะแย่งจ่าย แต่ถูกคุณย่าซูห้ามไว้
“ไม่ได้หรอก นี่เป็นครั้งแรกที่คนแก่อย่างฉันมาซื้อของที่สหกรณ์ในอำเภอ ฉันต้องจ่ายเอง”
ซูหม่านซิ่วหัวเราะ ก่อนส่งสัญญาณให้เฉินจื่ออันไม่ต้องสนใจ และปล่อยให้แม่ของเธอจัดการเอง
นับตั้งแต่ที่บ้านซูหยิบตั๋วจักรเย็บผ้า ตั๋วจักรยาน และตั๋วอีกจำนวนมากออกมา ซูหม่านซิ่วรู้สึกว่าชีวิตครอบครัวเธออาจจะดีกว่าที่คิด
เฉินจื่ออันทำอะไรไม่ถูก จึงทำได้เพียงทำตามความปรารถนาของคุณย่าซูเท่านั้น
หญิงชราจ่ายเงินและตั๋วอย่างระมัดระวังให้กับพนักงานขายของสหกรณ์ ก่อนจะเอ่ยถาม “มีขนมขบเคี้ยวอะไรไหม? ฉันอยากซื้อให้ลูกสาวสักหน่อย เธอกำลังตั้งท้องอยู่”
ตอนที่พูดออกมา เธอรู้สึกว่าหัวใจมันฟูฟ่องไปหมด
พอพนักงานขายได้ยินสิ่งที่คุณย่าซูพูด เธอก็ชื่นชมความจริงที่ว่าคุณย่าซูรักลูกสาวอย่างสุดซึ้ง
เธอคลี่ยิ้ม “คุณป้าคะ มีคนไม่เยอะเลยนะที่รักลูกสาวขนาดนี้เหมือนคุณ!”
พอเห็นแม่เฒ่าท่านนี้ ชีวิตท่านคงไม่ค่อยดีนัก แล้วก็คงไม่ง่ายด้วยที่จะเลี้ยงดูลูกสาวคนนี้
“เป็นคนให้กำเนิดมา ถ้าไม่รักลูกสาวแล้วจะให้ใครรักเล่า” คุณย่าซูยิ้ม
“มีอาหารกระป๋อง แล้วก็มีขนมไข่ คุกกี้วอลนัต แล้วก็มีผลไม้กวนกับน้ำตาล บ้านท่านอยากได้อะไรคะ” พนักงานขายแนะนำทีละอย่าง
“อาหารกระป๋องไม่ดีเท่าไร ไม่ดีเท่าผลไม้บ้านเราด้วย ซิ่วเอ๋อร์ แม่ให้พี่สามเอาตระกร้าลูกแพร์อ่อนมาให้ลูกด้วย งั้นเราซื้อขนมไข่หนึ่งจิน คุกกี้วอลนัตหนึ่งจิน ส่วนผลไม้กวนกับน้ำตาลอย่างละครึ่งจิน”
ตอนนี้คุณย่าซูเป็นคนใจกว้างมาก ลูกสาวอายุสามสิบแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะตั้งครรรภ์ด้วย จึงไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียว
พนักงานขายตอบรับหนึ่งเสียง แล้วจัดแจงของทั้งหมดให้หญิงชรา
คุณย่าซูใช้สอยทั้งเงินและตั๋วอย่างไม่มีลังเล
พนักงานขายไม่แปลกใจ และจะตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้สินะ
หญิงชราดูเหมือนเกิดในครอบครัวยากจน ทั้งยังมีกลิ่นอับส่งออกมาจากร่างกาย น่าจะมาจากชนบท ทว่ากลับใช้ตั๋วตั้งมากขนาดนี้จับจ่ายซื้อของโดยไม่ลังเล
รักและห่วงใยลูกสาว ทั้งยังใช้เงินและตั๋วอย่างไม่ลังเล ทำไมแม่เฒ่าแบบนี้ถึงไม่ใช่แม่ของเธอบ้างนะ?
“คุณแม่คะ ทำไมซื้อของเยอะจัง? หนูโตขนาดนี้แล้วนะ กินข้าวเฉย ๆ ก็พอค่ะ ทำไมต้องซื้อขนมขบเคี้ยวด้วย” ซูหม่านซิ่วพร่ำบ่น ทว่าในใจรู้สึกอิ่มเอิบ
ความคิดก่อนหน้านี้ที่ว่าพ่อแม่ไม่สนใจ หัวใจอันว่างเปล่าได้ถูกเติมเต็ม
เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก!
“ซิ่วเอ๋อร์ พอตั้งครรภ์แล้วจะกระหายเป็นพิเศษนะ ลูกอยากกินอะไรบอกแม่เลย แม่จะไปหามาให้ พวกพี่สะใภ้เป็นคนใจกว้าง เรื่องแค่นี้ไม่ใส่ใจหรอก” คุณย่าซูปลอบใจซูหม่านซิ่ว
“คุณอาคะ เสี่ยวเถียนก็จะดูแลอาด้วยนะ!” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวอย่างเร่งรีบ
ตอนนี้เองที่เธอเข้าใจว่า ทำไมช่วงนี้ถึงจับสลากได้พวกขนมและของที่คล้ายกันมากนัก ที่แท้ก็รออยู่ตรงนี้นี่เอง
เฉินจื่ออันหัวเราะลั่นพลางลูบผมหลานสาว “อาใหญ่มีหนูดูแลแบบนี้ อาเขยก็วางใจแล้ว!”
“ไว้กลับไปจะเก็บตั๋วเพิ่มอีกสักหน่อย แล้วก็ทำเสื้อผ้าสักสองชุดให้เด็กที่จะคลอดมาด้วย” คุณย่าซูพูดเสริม “ผ้าห่มจะเป็นผืนที่เสี่ยวเถียนเคยใช้มาก่อน เพราะหลานเป็นเด็กที่โชคดี ใช้ผ้าปูที่นอนของเธอ เด็กที่จะเกิดมาจะได้รับพรไปด้วย”
เรื่องนี้ซูหม่านซิ่วเห็นด้วยอย่างมาก เดิมทีคิดจะกลับไปบอกพ่อแม่และพวกพี่สะใภ้ช่วงเดือนมกราคม พอถึงตอนนั้นก็จะขอเสื้อผ้าสักสองชุดที่เสี่ยวเถียนเคยใส่ ไม่คิดว่าแม่จะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
คุณย่าซูเดินไปรอบ ๆ หอบหิ้วของไม่น้อยกลับบ้านรวมถึงใช้เงินในมือไปเพียบ ทว่าภายในใจกลับสุขล้น เดินไปตามทางด้วยความตื่นเต้น
หลังจากออกจากประตูสหกรณ์ เฉินจื่ออันเห็นว่าตกกลางวันแล้ว จึงพูดขึ้น “ทำไมพวกเราไม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกันล่ะครับ!”
แม่ยายและพี่ชายภรรยาเดินทางเข้าเมืองด้วยความยากลำบากไม่น้อย ควรได้กินอาหารดี ๆ เสียหน่อย
“ไม่ได้หรอก ฉันกะว่ากลับไปจะไปทำอาหารให้หม่านซิ่วน่ะ เธอชอบกินบะหมี่ที่ฉันทำที่สุด”
“คุณแม่คะ วันนี้ฉันอยากกินเกี๊ยวค่ะ ได้ไหมคะ?” ซูหม่านซิ่วเอ่ยขึ้นในทันใด
เธอรู้สึกว่าทำไมตนเองเป็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้? ก่อนหน้านี้กินไม่อิ่มยังผ่านมาได้เลย แต่ตอนนี้กลับเลือกกินเสียอย่างนั้น
แต่คุณย่าซูและคนอื่น ๆ ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้อง
“ได้สิจ๊ะ แม่เพิ่งซื้อเนื้อมาพอดี กลับไปจะสับหมูแล้วห่อทำเป็นเกี๊ยวให้นะ ผักที่บ้านยังมีไหม? หัวไชเท้า ผักกาดขาวอะไรพวกนี้?” คุณย่าพูดย้ำ
“แม่ครับ ให้ผมซื้อเนื้ออีกสองจินไหม?” เฉินจื่ออันรีบพูด
ตามกฎของที่นี่แล้ว ปกติต้องเรียกพ่อแม่ภรรยาว่าคุณลุงคุณป้า แต่พ่อแม่ของเฉินจื่ออันเสียชีวิตไปหมดแล้ว จึงเรียกคุณปู่คุณย่าซูว่าพ่อแม่ไปโดยปริยาย
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เกี๊ยวเนื้อล้วนอร่อยดีแต่มันแพงไป ใส่ผักสักหน่อยจะได้ประหยัดด้วย” คุณย่าซูรีบส่ายหัว
“แต่พวกแม่มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่กินอะไรดี ๆ หน่อยสักหน่อยล่ะครับ!” เฉินจื่ออันกล่าวอย่างจริงใจ
“กินเกี๊ยวเนื้อไม่ดีตรงไหนเล่า? ไป ๆ รีบกลับบ้าน แม่ต้องรีบทำอาหารให้ซิ่วเอ๋อร์ด้วย!”
คุณย่าซูกระปรี้กระเปร่าเต็มไปด้วยพลังงาน นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเปี่ยมล้นนัก
หลังจากกลับไป คุณย่าซูตรงไปห้องครัวเพื่อทำอาหาร ซูเหล่าซานเสนอตัวช่วย แต่เฉินจื่ออันไม่เห็นด้วยแล้วเข้าไปช่วยด้วยตัวเอง
ซูเสี่ยวเถียนเห็นต้นพุทราในลานบ้านเลยเริ่มสนใจขึ้นมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปเล่นใต้ต้นพุทรา
“เสี่ยวเถียน รีบเข้ามาในบ้านเถอะ ข้างนอกมันหนาวนะ!” ซูหม่านซิ่วตะโกนเรียก
“อาใหญ่ หนูขอเล่นสักพักนะคะ ถ้ารู้สึกหนาวแล้วจะรีบเข้าไปค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนรีบตอบ
เธออยากคุยกับต้นพุทรา เพื่อดูว่าที่สวนแห่งนี้เมื่อก่อนเป็นอย่างไรบ้าง มีที่ดี ๆ อะไรบ้างหรือเปล่า
ตอนนี้อาใหญ่ตั้งครรภ์แล้ว ต้องได้รับการดูแล
ซูเสี่ยวเถียนถูต้นพุทราและพูดคุยกันครู่หนึ่ง ไม่เพียงแต่ได้รู้ว่าทุกอย่างที่นี่ราบรื่นดี แต่ยังรู้ถึงเรื่องราวโดยรอบด้วย
เรื่องราวในอำเภอดีกว่าในชนบทมาก โดยเฉพาะปีนี้
ซูเสี่ยวเถียนได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่อยากรู้ แล้วก็ได้ยินจากต้นพุทราว่ามีของดี ๆ ฝังอยู่ใต้สวนแห่งนี้ ได้ยินมาว่ามีหยกและเครื่องลายครามด้วย
แต่ตอนนี้เอาของพวกนี้ออกมาไม่ได้แล้ว เธอจึงตัดสินใจไม่พูดเรื่องนี้ออกมาทั้งหมด
ตอนที่กลับเข้าบ้านมาก็พูดกับอาใหญ่ “อาใหญ่คะ บ้านหลังนี้เป็นมงคลมากค่ะ คุณอาห้ามขายมันเด็ดขาดนะคะ”
ซูหม่านซิ่วหัวเราะร่วน “บ้านหลังนี้อยู่สบายมาก อาไม่ขายแน่นอนจ้ะ อีกอย่างไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครที่ไหนยอมขายบ้านมาก่อนเลย”
ไม่กี่ปีนี้ยอดซื้อขายบ้านเกือบจะซบเซา และคนหลายคนต่างกำลังรอให้รัฐจัดสรรบ้านให้
รอกระจายรัฐเมื่อไร ก็เฝ้าฝันอยากจะให้ครอบครัวใหญ่อัดกันอยู่ในห้องเล็ก ๆ ห้องนี้
บ้านของเฉินจื่ออันถูกทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษ ส่วนเหตุผลที่ต้นตระกูลเฉินมีสนามเล็ก ๆ แห่งนี้ไว้ ซูหม่านซิ่วก็ไม่รู้เหมือนกัน
แน่นอนซูเสี่ยวเถียนพูดไม่ได้หรอกว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าระบบเศรษฐกิจแบบตลาดจะไม่อนุญาตให้มีการซื้อขายบ้านมากเกินไป
“แต่บ้านหลังนี้ดีนะคะ อาใหญ่จำไว้นะ!”
ซูหม่านซิ่วไม่คัดค้านที่หลานยืนกรานว่าบ้านหลังนี้ดี
มันดีขนาดนั้นเลยหรือ?
“ได้จ้ะ อาเข้าใจแล้ว สาวน้อยรู้เยอะจริง ๆ แม้แต่บ้านดีไม่ดีก็รู้ด้วย!” ซูหม่านซิ่วยิ้ม
เธอรู้สึกว่าเสี่ยวเถียนน่ารักจริง ๆ เธอยังคิดอีกว่าคงจะดีถ้าลูกของเธอน่ารักแบบนี้บ้าง!