เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1064 วันหยุด
บทที่ 1064 วันหยุด
บทที่ 1064 วันหยุด
เวลายุ่งหัวหมุน วันเวลามักผ่านไปเร็วเสมอ
ชั่วพริบตาเดียว หิมะก็ตกถึงสองรอบแล้ว
ท่ามกลางลมหนาว ภาคการศึกษาได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ถ้าเป็นนักศึกษาคงทราบกันดีว่าช่วงสอบปลายภาคเป็นอะไรที่ยุ่งมาก
ห้อง 314 ย่อมไม่มีข้อยกเว้น ทุกคนง่วนกับการทบทวนบทเรียน
ปกติพวกเรามักจะทำงานหาเงินกัน แต่ก็ไม่ปล่อยให้การเรียนล่าช้านะ
หลังจากทบทวนเนื้อหาอย่างบ้าคลั่ง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดีเยี่ยม
นอกจากซูเสี่ยวเถียนผู้ชั่วร้ายที่คว้าอันดับหนึ่ง คะแนนสอบคนอื่น ๆ ก็ถือว่าดีมาก
หลังจากสอบเสร็จ พอผลคะแนนออก ทุกคนต่างก็โล่งใจ
ฝ่ายฮั่วซือเหนียนที่ปรึกษาของเรานำข่าวดีมาฝากว่า ซูเสี่ยวเถียน จ้าวหงเหมย เฉียนเสี่ยวเป่ย และฉู่เยว่ทั้งสี่คนได้รับทุนการศึกษาด้วย
ถึงไม่ได้เยอะแต่ก็ไม่ได้น้อยนะ ตั้งแปดสิบหยวนแน่ะ
ไม่ว่าใครได้เงินย่อมดีใจทั้งนั้น
แม้จะทำมาค้าขายหาเงินได้พอสมควร
แต่คำว่า ‘ทุนการศึกษา’ มันสร้างความภาคภูมิใจต่างกันนะ!
“พวกเธอสี่คนได้ทุนการศึกษาเลยนะ ไม่พิจารณาเลี้ยงเพื่อนบ้างหรือ?” หลี่เจี้ยนหงตะโกนคนแรก
“ได้ ๆ พวกเธออยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวเลี้ยงเอง”
เสี่ยวเถียนยิ้ม ขณะรับเงินสดมา
“ไปเมืองอาหารว่างกัน ช่วงสอบไม่ได้ไปตั้งหลายวัน คิดถึงรสชาติหมาล่าทั่งแทบแย่” จ้าวหงเหมยเอ่ยอย่างเริงร่า
“ดูความไม่ได้เรื่องของเธอสิ นี่คือเจ้านายเสี่ยวเถียนผู้มั่งคั่งเชียวนะ จะกินแค่หมาล่าทั่งจริงหรือ?”
ฉู่เยว่หัวเราะ
“แล้วเธออยากกินอะไรล่ะ? ขาหมูไหม?” จ้าวหงเหมย
“ฉู่เยว่ชอบกินขาหมูมากเลยนะเนี่ย ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ากินไปขนาดนั้นไม่อ้วนได้ยังไง!” หลี่เจี้ยนหง
“ถ้าออกกำลังแบบเพื่อนทุกวัน น้ำหนักลดอยู่แล้วจ้ะ!”
สาว ๆ หัวเราะครื้นเครง
ก่อนจะเดินทางไปยังเมืองอาหารว่างของมหาวิทยาลัย
ร้านค้าที่คัดสรรมาอย่างดี ทุกคนจึงเลือกของที่ชอบได้แล้วมานั่งล้อมโต๊ะกินด้วยกัน
ถ้าอยากกินเนื้อก็ไม่ใช่ปัญหา ขนมปังไส้เนื้อก็มี ร้านซูอาหารตุ๋นของเสี่ยวเถียนก็มีไม่ใช่หรือ?
ในขณะเดียวกัน นักศึกษาบางส่วนก็ยุ่งกับการเก็บข้าวของเตรียมซื้อตั๋วกลับบ้าน บางส่วนก็แวะมากินข้าวที่ร้านให้อิ่มหนำสำราญใจ
ธุรกิจที่ร้านไม่ได้ดีเหมือนก่อนหน้านี้ ถึงจะไม่ร้าง แต่ก็ไม่แน่นขนัด
เสี่ยวเถียนเดาว่าสองสามวันคงถึงเวลาปิดแผงเตรียมกลับบ้านช่วงปีใหม่แล้วละ
จูหลานฮวาเดินเข้ามาหา
“เสี่ยวเถียน ป้าซื้อตั๋วไว้แล้วว่าจะเดินทางกลับบ้านมะรืนนี้นะ”
“ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยหรือคะ จะได้ซื้อของด้วย”
“มันเดินทางไกลมากเลยน่ะ ไม่ต้องซื้อกลับไปหรอก”
ถึงลูกสาวจะแต่งงานก่อนปีใหม่ แต่คนเป็นแม่ควรเตรียมสินสอดเอาไว้ ถ้าจะซื้อของก็ไม่รู้สองสะใภ้ที่บ้านจะสร้างวีรกรรมอะไรให้อีก
ไม่ต้องพิธีรีตองมากหรอก หลังปีใหม่ก็ซื้อได้แล้วก็เอาไปไว้ที่บ้านลูกสาวเลย
“ไม่อยากซื้ออะไรไปให้คุณลุงกับเด็ก ๆ หน่อยหรือคะ?”
“เสี่ยวเฉ่าซื้อไว้แล้ว วันหยุดนี้จะกลับไปกับป้าด้วยน่ะ ของเยอะถือไม่ไหวหรอก!” ใบหน้าคนเป็นป้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ซูเสี่ยวเฉ่ากลับไปด้วยไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อาจารย์เซี่ยหนานน่าจะเหงาเนี่ยสิ
ตอนนั้นเองก็ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น
“น้องเซี่ยบอกว่าเดี๋ยวกลับไปด้วย ช่วยเตรียมงานแต่งให้เสี่ยวเฉ่าน่ะ”
เสี่ยวเถียนกระจ่างทันใด
ที่แท้ก็ตกลงกันไว้แล้ว
ชาวบ้านไม่รู้เรื่องซูเสี่ยวเฉ่า หากบอกว่าจะแต่งงานกับซูซานกงน่าจะถูกนินทาแน่นอน
แต่ถ้าอาจารย์เซี่ยหนานกลับไปด้วย ไม่น่ามีปัญหาหรอก
เพราะเป็นลูกสาวบุญธรรมนี่นา ไม่ได้มีปัญหาตรงไหน
นอกจากจะนินทาไม่ได้ด้วยแล้วยังอิจฉาอีกต่างหาก
“แบบนี้ก็ดีเลยค่ะ ปล่อยอาจารย์อยู่คนเดียวคงไม่ดีเท่าไร!”
หลายปีที่ผ่านมาท่านเหงามามากพอแล้วละ
ไปหนานหลิ่งด้วยกันเสียเลย มีพี่เสี่ยวเฉ่าอยู่ด้วยทุกวันจะได้ผ่อนคลาย
“ก็จริงนะ น้องเซี่ยคงลำบากมาหลายปี ตอนนี้มีเสี่ยวเฉ่าแล้วคงรู้สึกดีขึ้นแล้วละ”
จูหลานฮวาสนิทกับเซี่ยหนานมานาน จึงมีความเห็นใจต่อกันมากเป็นพิเศษ
แถมเสี่ยวเฉ่าก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้วด้วย แต่หญิงสาวก็ยังคงกตัญญูต่ออีกฝ่ายในฐานะแม่บุญธรรม ทำให้ปมในใจคลี่คลายแล้ว
คุยได้ไม่เท่าไรฟ้าเริ่มมืดแล้ว จูหลานฮวาจึงเก็บข้าวของและเตรียมกลับบ้าน
พรุ่งนี้จะไม่มีการเปิดร้าน เธอจึงเก็บกวาดทำความสะอาด ก่อนเก็บไว้ในห้องเก็บของล็อกกุญแจอย่างดี
พวกเสี่ยวเถียนเองก็เดินทางกลับเช่นกัน
พวกเธอเตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้ และตอนนี้กำลังเก็บข้าวของอยู่
เฉียนเสี่ยวเป่ยถูกทางหอเรียกไว้เพราะมีจดหมายส่งมาหา
หญิงสาวหัวใจเต้นรัว รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
แต่ก็ยังตัดสินใจลงไปอ่าน
แค่เปิดจดหมาย ร่างกายก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
แววตารื้นไปด้วยน้ำ แต่ไม่ได้ไหลลงมา
ทุกคนเห็นความโศกเศร้าได้ทันที
หรือเกิดอะไรขึ้นกับที่บ้าน?
พวกเธอกลับไปหาเพื่อนทันที
“เสี่ยวเป่ย เกิดอะไรขึ้น?” หลี่เจี้ยนหงโอบไหล่เพื่อนสนิท
“มีอะไรหรือเปล่า? ถ้ามีบอกเราเถอะ จะได้ช่วยกันได้นะ” จ้าวหงเหม่ยเป็นกังวล
ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน หรือเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ?
เสี่ยวเถียนคิดว่าไม่น่าเกิดเรื่องอะไรอย่างที่ว่าหรอก
หัวฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมา แต่ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
เสี่ยวเป่ยไม่ได้กลับบ้านตั้งสองวันหยุดยาวแล้วนะ ที่บ้านไม่คิดถึงเลยหรือ?
“ที่บ้านส่งจดหมายมาบอกว่าให้อยู่ทำงานที่เมืองหลวงต่อน่ะ ปีใหม่ให้ส่งกลับไปหาด้วย!”
เฉียนเสี่ยวเป่ยกลั้นไม่ไหวจนน้ำตาไหลออกมา
นึกว่าที่บ้านจะคิดถึงกันบ้าน แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะคิดไปเองฝ่ายเดียว
พวกเขามองเธอเป็นเครื่องทำเงิน ไม่ใช่คนในครอบครัวด้วยซ้ำ
พวกเขาบอกที่บ้านมีหนี้ท่วมหัว ค่าตั๋วก็แพงเลยให้อยู่ทำงานหาเงินเก็บเงินให้ที่บ้าน
เธอไม่กลับมาปีกว่าแล้ว เพราะที่บ้านไม่ยอม เอาแต่ให้ทำงานหาเงิน
ให้หาเงินไม่ได้มีปัญหาหรอกนะ แต่ทำไมไม่ถามถึงกันเลยล่ะ?
แค่คำทักทายประโยคเดียวก็ได้