เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1072 ไม่หลงลืมรากเหง้าของตน
บทที่ 1072 ไม่หลงลืมรากเหง้าของตน
Content Warning: มีการกล่าวถึงความคิดฆ่าตัวตาย
บทที่ 1072 ไม่หลงลืมรากเหง้าของตน
ซูเสี่ยวเถียน หลานบุญธรรมคนนี้กตัญญูต่อพวกเขามาก ๆ
แม้แต่ลูกหลานคนอื่นในตระกูลซูยังเคารพผู้อาวุโสทั้งสองเช่นกัน
แม้เราจะใช้ชีวิตกันสองคนตายาย แต่เพราะมีความสัมพันธ์ตรงนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง เราจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดสักนิด
อวี่รุ่ยหยวนซื้อของกิน ของใช้ และเสื้อผ้าให้ซูเสี่ยวเถียนเพียบ
“ที่หนานหลิ่งช่วงนี้คงหนาวมาก เสื้อผ้าฝ้ายที่ย่าซื้อให้หนูเหมาะเอาไปใส่ที่นั่นนะ”
“อันนี้เป็นบูตหนังรุ่นใหม่ล่าสุดเลย สวยมาก ๆ ใส่คู่กับเสื้อได้”
“ส่วนกระโปรงขนสัตว์ตัวนี้ไว้ใส่ตอนพี่ชายหนูแต่งงานจ้ะ…”
อวี่รุ่ยหยวนพาหลานมาดูเสื้อผ้าที่ซื้อมาให้
“คุณย่า ทำไมถึงซื้อเสื้อผ้าให้หนูล่ะ หนูว่าซื้อให้ย่ากับปู่เพิ่มสักสองชุดดีกว่านะคะ” ซูเสี่ยวเถียนรอให้ย่าบุญธรรมกล่าวจบถึงค่อยเอ่ย
“ให้พวกเราซื้อมาใส่เองหรือ? ก่อนหน้านี้ก็มีที่หนูส่งมา ไหนจะของพี่ชายหนูอีก ใส่แทบไม่ทันแล้วจ้ะ แล้วปู่กับย่าก็ยังได้เสื้อผ้าจากโรงงานป้าเถาฮวาส่งมาให้อีกหลายตัวด้วยนะ”
อวี่รุ่ยหยวนว่าพลางชี้เสื้อผ้าบนร่างกาย บอกได้เลยว่าสองสามีภรรยาอาวุโสคู่นี้ไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าเลย
เมื่อก่อนพวกเขาไม่รู้จักกันหรอก แต่เพราะได้มาอยู่กองชุมชนหงซินจึงสนิทกันมากขึ้น มากกว่าเครือญาติแท้ ๆ เสียอีก
ที่จริงเด็กสาวไม่ได้ห่วงว่าปู่ย่าบุญธรรมจะไม่มีเสื้อผ้าใส่หรอก แค่อยากให้ท่านเก็บเงินไว้ใช้เองไม่ใช่เอามาใช้กับเธอหมด
“น่าเสียดายจัง ปู่กับย่าสุขภาพไม่ค่อยดีเลยไม่กล้าเสี่ยงตามไปด้วยน่ะ ไม่งั้นนะได้ไปเยี่ยมเยียนแล้วละ”
คงเพราะพวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายในหมู่บ้านหนานหลิ่ง ไร้ความทุกข์ทรมานจึงคิดถึงที่นั่นอยู่เสมอ
“ปีใหม่คนเดินทางเยอะมากค่ะ แถมยังหนาวอีก ถ้าอยากไปเที่ยวไว้ฤดูใบไม้ผลิหน้าเราไปกันนะ”
ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม เธอรับรองได้เลยว่าเทียบกับฉือเก๋อแล้ว สองสามีภรรยาตู้ร่างกายแข็งแรงกว่าเยอะ
ไว้มาอีกรอบตอนฤดูใบไม้ผลิก็ไม่สาย
“ไว้ปีใหม่ค่อยว่ากันเถอะ ถ้าไปได้แล้วไปแน่จ้ะ ได้ยินว่าที่นั่นกำลังจะสร้างฟาร์มเพาะพันธุ์กับโรงงานแปรรูปอาหารด้วยใช่ไหม หลังจากนี้น่าจะดีขึ้นแล้วละ”
ตู้ถงเหอก็ร่วมสนทนาอีกคน
เมื่อก่อนตอนใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไม่ต้องเผชิญเรื่องทุกข์ทรมาน ว่ากันตรง ๆ เพราะชาวบ้านจิตใจดีน่ะ
หากไปอยู่ที่อื่นคงไม่มีอะไรแบบนี้หรอก
“สมพรปากนะคะ หวังว่าชีวิตพวกเขาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน”
การสร้างโรงงานแปรรูปอาหารเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ขอแค่ทุกคนร่วมใจกันทำงานอนาคตข้างหน้าย่อมไม่ไกลเกินเอื้อม
หม้อทองคำใบแรกยากเสมอ แต่ถ้ามีฟาร์มกับโรงงานหมู่บ้านเราทำได้แน่
แล้วหลังจากนั้นจะยากหรือเปล่านะ?
คงเพราะซูเสี่ยวเถียนกำลังจะกลับ หลากหลายหัวข้อจึงวนเวียนอยู่แต่ในหัว
บ้านปู่ย่าบุญธรรมอยู่ใกล้บ้านเธอมาก เด็กสาวจึงเดินกลับตอนมืดได้
พริบตาเดียวก็ถึงเวลาออกเดินทาง
คุณย่าซูทำความสะอาดบ้านเรียบร้อย
ทีแรกว่าจะเขียนกลอนคู่ติดไว้ด้วย เลยฝากกุญแจไว้ที่สองสามีภรรยาตู้ไว้ช่วยดูแล
ครอบครัวเสิ่นจื่อเจินซื้อตั๋วกลับกับเราด้วยเช่นกัน
สองปีนี้เราไม่มีข้อจำกัดเรื่องตั๋วมากมายอีกแล้ว แค่อาศัยเส้นสายก็สามารถซื้อตั๋วนอนแบบนุ่มได้ทันที
มันนอนสบายกว่าตั๋วนอนแบบแข็งมาก ซูเสี่ยวเถียนเห็นปู่กับย่าอายุเยอะ พยายามอย่าให้พวกท่านเดินทางลำบากจะดีที่สุด
แน่นอนว่าเรื่องแค่นี้บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนเงินทองหรอก
ชายชราเอาแต่พึมพำ ๆ ว่าราคามันแพง
ถึงจะบ่น แต่ก็รู้ว่านี่คือผลของความขยันพวกหลาน ๆ
ในยุคนี้การออกเดินทางไปไหนมาไหน ตั๋วนั่งแบบแข็งสักใบก็หายากแล้ว
เห็นผู้โดยสารหลาย ๆ คนนอนใต้เก้าอี้รถไฟ บางคนก็นอนอยู่มุมตู้นู่น
บ่นไปเท่าไรก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ไม่ได้กลับมาตั้งสองปี หลาย ๆ คนก็ตื่นเต้นกันมาก
แม้แต่เสิ่นจื่อเจินยังตื่นเต้นเลย
“อาจารย์เสิ่น ทำไมคุณตื่นเต้นกว่าผมเนี่ย” ซูเหล่าซานนึกสงสัยยามมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของอีกฝ่าย
เสิ่นจื่อเจินระเบิดเสียงหัวเราะ “กองชุมชนหงซิน โอ๊ะ ตอนนี้ต้องเรียกว่าหมู่บ้านหนานหลิ่งสินะ คือสถานที่ผมได้รับชีวิตใหม่น่ะ”
จากนั้นก็มองซูเถาฮวาด้วยสายตามีเลศนัย
ตอนนั้นตนโดนภรรยาและลูก ๆ หักหลังเลยต้องมาอยู่หมู่บ้านหนานหลิ่งด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
หากไม่ได้ความอบอุ่นของชาวบ้านมอบให้ อนาคตเป็นยังไงคงไม่สามารถบอกได้
ทีแรกเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ
ทว่าหลายสิ่งหลายอย่างกลับตาลปัตร จนกระทั่งได้เจอกับความสงบสุขในที่สุด
ซูเถาฮวาอดเขินไม่ได้เมื่อได้เห็นสายตาสามี
รอบนี้พวกเขาไม่ได้พาลูกมาด้วย เลยสนทนากับคนตระกูลซูได้โดยไม่ต้องกังวลมากนัก
ส่วนคุณปู่ซูมีรอยยิ้มอยู่เสมอเมื่อเล่าเรื่องเก่า ๆ ให้คุณย่าซูฟัง
ซูเสี่ยวเถียนสัมผัสได้ถึงความคิดถึงและรักที่มีต่อบ้านเกิดของพวกท่าน
เธอเริ่มคิดแล้วว่าการพามาอยู่เมืองหลวงเป็นความคิดที่ผิดหรือถูก
คนมักพูดว่า ‘สูงสุดคืนสู่สามัญ’ คนแก่ทุกคนคงมีความคิดเหมือนกันหมดใช่ไหม?
สมัยหนุ่มสาวชีวิตย่อมไม่แน่นอน
แต่เมื่อแก่ตัวลงก็อยากกลับไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ที่บ้านเกิดใช่ไหมล่ะ?
เธอไม่รู้ว่าปู่ย่าคิดแบบนั้นหรือเปล่า
แต่ครอบครัวเราไม่ได้ใช้ชีวิตที่นั่นแล้ว ทิ้งไว้แค่สองคนตายายสบายใจที่ไหนละ
ถ้าไม่สามารถทำตามที่พวกเขาปรารถนาได้ งั้นก็ช่วยพัฒนาที่นั่นให้ชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้นเถอะ!
ปู่ย่าเองก็คงหวังเช่นนั้นเหมือนกัน
เธอคุยกับซูเสี่ยวซื่อเงียบ ๆ เผื่อจะมีหนทางอื่นในการพัฒนาไว ๆ
ที่จริงยุคนี้หลาย ๆ หมู่บ้านมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วแล้วละ
แม้เธอจะมีความเข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ต้องศึกษาอย่างรอบคอบกับพี่สี่ผู้เชี่ยวชาญในการทำงาน
ชายหนุ่มในตอนนี้มีแต่ความคิดจะหาเงิน ด้วยเหตุนี้ ตลอดการเดินทางพวกเธอจึงทำแผนการส่งเสริมการพัฒนาหมู่บ้านหนานหลิ่งไว้ด้วย แม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาสูงอยู่
ถ้าชาวบ้านร่วมมือกัน ภายในสี่หรือห้าปีนี้หนานหลิ่งจะกลายเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยแน่
หลังจากคุยกันเสร็จ พวกเธอก็หันไปคุยกับคนอื่น
แน่นอนว่าคุณปู่ซูรู้สึกตื่นเต้นมากกับเรื่องนี้มาก พลันเอ่ยชมสองหลานไม่หยุดปาก
“เด็กดี ตัวเองได้ดีแต่ไม่เคยลืมบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลย!”
“ถ้าเด็ก ๆ ที่นั่นเหมือนพวกหลานคิดถึงบ้านเกิดของตน ยังต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?”
ซูเสี่ยวเถียนยิ้มหวาน คุณปู่ซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้จริง ๆ ด้วย