เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1083 ความเข้าใจในระดับสูง
บทที่ 1083 ความเข้าใจในระดับสูง
บทที่ 1083 ความเข้าใจในระดับสูง
ตอนมาถึงก็ได้ยินเสียงคึกคักดังออกมาจากตัวบ้าน
จูหลานฮวายิ้ม “น้องใหญ่ฟังดูสิ ฉลองปีใหม่ต้องแบบนี้!”
จะบอกไม่อิจฉาก็คงโกหก ตระกูลซูรักษาความสัมพันธ์อันกลมเกลียวมาจนถึงทุกวันนี้ได้เป็นอะไรที่หาได้ยากในหมู่บ้านเรามาก
“ทุกคนต้องเข้าใจกันถึงจะมีน้ำใจต่อกันสินะคะ บางทีพวกเขาคงเข้าใจกันและไม่ได้สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นัก” เซี่ยหนานว่า
เธอรู้จักตระกูลซูมานานแล้ว และรู้ด้วยว่าพวกเขามีความห่วงใยต่อกัน ไม่คิดเรื่องหยุมหยิม
นี่คงเป็นพื้นฐานของครอบครัวที่มีความสามัคคีสินะ
“ก็จริงนะน้องใหญ่ แต่ไม่รู้ว่า…”
จูหลานฮวาไม่ได้พูดต่อ
ลืมเรื่องเครียด ๆ ไปให้หมดดีกว่า แล้วมาสนุกกับปีใหม่กัน
ซูเสี่ยวเถียนเดินออกมาจากแขกที่มาเพิ่มพอดี จึงรีบเข้าไปต้อนรับ
“มากันแล้วหรือคะ รีบเข้ามาเร็ว ทุกคนกำลังรออยู่เลย”
อากาศด้านในคงร้อนไปหน่อย ใบหน้าเสี่ยวเถียนถึงแดงก่ำดูน่ารักมาก
สีหน้าเซี่ยหนานอ่อนลงขึ้นเยอะยามเห็นเด็กสาว
ทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องโถง อุ่นสบายไม่น้อย
คนเยอะแยะ คึกคักกันมาก
บนเตียงเตามีโต๊ะหนึ่งตัว ข้างล่างสองตัว บนนั้นมีจานเมล็ดแตงโม ถั่วลิสง ผลไม้ต่าง ๆ โหยวกั่วจือ*[1]อีกนิดหน่อย แล้วก็มีชาอุ่น ๆ กับสุราหมักหอมหวน
ทุกคนสนทนาพาคุย หัวเราะครื้นเครง บ้างดื่มชา บ้างดื่มสุรา บ้างกินผลไม้ บรรยากาศกลมกลืนเป็นอย่างมาก
ซูฉางจิ่วรู้สึกขมขื่น
ไม่ให้อิจฉาได้ยังไงกัน?
แบบนี้สิคือการเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่ฝั่งเขาอ้างว้างหดหู่เหลือเกิน!
บ้านเงียบเหงา ไม่มีผู้คนเลย
“ฉางจิ่วเอ๊ย พวกเธอกับอาจารย์เซี่ยหนานอุ่นตัวที่เตียงเตาก่อนสิ”
คุณปู่ซูเห็นอีกฝ่ายจึงเอ่ยเรียก
ซูฉางจิ่วไม่รักษามารยาทอีก เดินตรงไปนั่งข้าง ๆ ทันที
แต่ผู้หญิงทั้งสองปฏิเสธ
“พวกเรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่ช่วยเหลือได้หรือเปล่า”
“อาจารย์เซี่ยนั่งลงเถอะค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนรินชาให้
“ฉันไปช่วยงานในครัวดีกว่า ถึงจะทำไม่เป็น แต่งานอื่น ๆ ยังช่วยได้นะ”
เซี่ยหนานแน่วแน่มาก
ฝั่งพวกผู้ชายนั่งคุยกันบนเตียงเตา
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูฉางจิ่วได้เฉลิมฉลองปีใหม่ร่วมกับตระกูลซู เขาไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แต่นั่งฟังเสียส่วนใหญ่
พอได้ยินก็ตื่นตาตื่นใจมาก
หัวข้อหลัก ๆ จะพูดถึงเรื่องการพัฒนาในอนาคต แผนการสำหรับอนาคต ไม่ได้พูดเรื่องชาวบ้านอะไรทั้งสิ้น
นี่คือความแตกต่างสินะ
จู่ ๆ ก็เข้าใจความหมายที่อาจารย์เซี่ยหนานพูดไว้แล้ว เป็นความเข้าใจในระดับสูงสินะ
คุณปู่ซูพูดน้อย แต่ทุกประโยคที่เอ่ยออกมามีประโยชน์มาก ทำให้ทุกคนตื่นตัวได้ดี
เฉินจื่ออันยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว ได้คำแนะนำของเขาเด็ก ๆ บ้านนี้ไปได้ไกลแน่
แต่ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ลูกชายทั้งสามของตระกูลแตกต่างไปจากคนในหมู่บ้านกันนะ?
ความรู้ของพวกเขาในตอนนี้เกินกว่าที่ผู้ใหญ่บ้านเช่นตนจะเทียบเคียงได้
ยอมรับเลยว่าตัวเองตามหลังเขาอยู่จริง ๆ!
ซูฉางจิ่วดื่มชาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
“ทุกคนมาพร้อมกันแล้วสินะ ใกล้ได้เวลาอาหารส่งท้ายปีแล้วละ”
เมื่อท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง คุณปู่ซูซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวได้เอ่ยขึ้น
“คุณปู่ ผมไปจุดประทัดนะครับ”
ซูเสี่ยวจิ่วลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปยังล้านบ้าน
การจุดประทัดในวันส่งท้ายปีเก่าเป็นประเพณีเก่าแก่น่ะ ปกติเด็ก ๆ จะเป็นคนทำ
เพื่อไม่ให้น้อยหน้า เฉินซิ่วหยวนจึงรีบตามออกไปด้วย
“พี่เก้ารอด้วยครับ ผมอยากไปจุดประทัดด้วย!”
ซูเสี่ยวปาหยิบธูปแล้วส่งให้ซูเหล่าต้า
ตามธรรมเนียมปฏิบัติของคนรุ่นก่อน ช่วงปีใหม่เราจะกราบไหว้บรรพบุรุษและอัญเชิญเทพเจ้ามา ซึ่งเป็นหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวน่ะ
แต่เนื่องจากการควบคุมอย่างเข้มงวดช่วงนั้นเลยทำให้ทุกคนต้องแอบ ๆ ทำแทน
แต่สองปีให้หลัง นโยบายต่าง ๆ ก็เริ่มผ่อนปรนขึ้นมาก ธรรมเนียมพวกนี้จึงได้กลับมาทำอีกครั้ง
คุณปู่ซูแก่แล้ว ลูกชายคนโตจะจัดการให้ไม่ใช่เรื่องผิด
ใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็จุดประทัดจนเสร็จ
ฝ่ายผู้หญิงเริ่มเสิร์ฟอาหาร
ทุกคนจะมีจานสีแดง วางพร้อมกับถ้วยด้วยความระมัดระวัง
งานเลี้ยงส่งท้ายปียังคงหรูหราเช่นเคย
หมู่บ้านหนานหลิ่งไม่ได้ขาดแคลนอะไรอีกแล้ว
แต่ไม่มีพวกอาหารทะเลนะ ถึงซูเสี่ยวเถียนจะมีแต่คงหยิบออกมาไม่ได้หรอก
เรามีไก่ เป็ด ปลา หมู เนื้อแกะ และเนื้อวัว
มีอาหารจานผักเป็นถั่วงอกขาว ๆ มะเขือเทศลูกใส แตงกวาฉ่ำ ๆ และหัวไชเท้าเขียวราวหยก พวกผู้ใหญ่นำมาจัดแต่งบนจานดูน่ากินมาก
ต่อให้เป็นอีกยี่สิบปีข้างหน้า ก็ไม่ถือว่ามื้อนี้เลวเลย
ซูฉางจิ่วไม่รู้เลยว่าอาหารส่งท้ายปีของตระกูลซูจะหรูขนาดนี้
ปลาที่เขานำมาดูจืดชืดไปเลย
“วันนี้ผมได้เข้าใจอะไรเยอะแยะเลยครับ ลุงชวน ขอรบกวนสักมื้อนะครับ”
ไหน ๆ ก็มาแล้วก็อยู่กินมันเลย
“ลุงฉางจิ่ว หลังจากนี้คนในหมู่บ้านจะได้กินอาหารส่งท้ายปีเยอะ ๆ แบบนี้แน่นอนค่ะ”
ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างมีความสุข เธอหยิบสุราออกมาแล้วรินให้โต๊ะคุณปู่ซู
“เสี่ยวเถียนรู้จักพูดจริง ๆ ได้ยินแล้วสบายใจจัง”
ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน ความปรารถนาสูงสุดของซูฉางจิ่วคือทุกคนในหมู่บ้านมีชีวิตที่ดี
แล้วประโยคที่หลานบอกก็ถูกใจเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยหนานเห็นอาหารแล้วยังตกใจ
เมื่อก่อนตอนฉลองปีใหม่ เธอทำอาหารแค่สองสามอย่างนั่งกินอยู่คนเดียว ไม่เคยคึกคักแบบนี้มาก่อน
“ฉันไม่ได้คึกคักแบบนี้มาหลายปีเลยค่ะ ปีนี้ถือได้ว่าเป็นปีแห่งครอบครัวเลยนะคะ”
ทีแรกก็ฟังดูตลกอยู่หรอก แต่ทุกคนกลับรู้สึกเศร้า
จินตนาการได้เลยว่าการใช้ชีวิตตัวคนเดียวมันลำบากมากแค่ไหน
ยิ่งเป็นวันรวมญาติแบบนี้ด้วย บ้านทุกหลังมีแต่ความสนุกสนานครื้นเครง ส่วนเธออยู่คนเดียวไม่รู้ผ่านมันมาได้ยังไง
“ตอนนี้ไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ หลังจากนี้ปีใหม่มาฉลองที่บ้านเรากันจ้ะ” คุณย่าซูจับมือเซี่ยหนาน แล้วเอ่ยอย่างใจดี “ช่วงปีใหม่จะเป็นช่วงเวลาที่บ้านเราคนเยอะที่สุด แต่ปีนี้ก็ยังไม่ครบอยู่ดีเนอะ”
เซี่ยหนานสับสน มองโต๊ะทั้งสามตัวที่ตั้งอยู่ นี่ยังไม่ครบหรือ?
อ้อ หลานชายคนโตซูโส่วเวินกับครอบครัวมาไม่ได้เพราะลูกยังเด็ก
แล้วถ้าครบจะเท่าไรกันเนี่ย?
“อาจารย์เซี่ย ยังมีปู่ย่าบุญธรรม คุณปู่ฉืออยู่ที่เมืองหลวงนะคะ พวกท่านอายุเยอะแล้วจึงไม่ได้มาด้วย แล้วก็ครอบครัวพี่ใหญ่ เพราะลูก ๆ ยังเด็กน่ะ”
“อาจารย์เซี่ย ผมเองก็ฉลองปีใหม่ที่บ้านคุณลุงหลายปีเหมือนกันครับ ตอนนี้ชินแล้วละ อีกเดี๋ยวคุณก็ชินนะ!” เสิ่นจื่อเจินเอ่ยอย่างเริงร่า
ตั้งแต่มาเมืองหลวง ด้วยความที่บ้านเขาอยู่ไกลจึงไม่เคยมาฉลองปีใหม่กับตระกูลซูเลย
แต่ตนรู้ว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันต้องสนุกมากแน่ ๆ
เหมือนจะเป็นนิสัยที่ติดมาตอนอยู่หงซินน่ะ
เรื่องเก่า ๆ ไม่ต้องพูดถึงหรอก แค่อยากให้อาจารย์เซี่ยหนานได้รู้ไว้น่ะ
อีกฝ่ายพยักหน้า
“งั้นหลังจากนี้คงต้องอยู่ฉลองปีใหม่ที่บ้านนี้แล้วละค่ะ!”
แต่ตนรู้ว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันต้องสนุกมากแน่ ๆ
เหมือนจะเป็นนิสัยที่ติดมาตอนอยู่หงซินน่ะ
เรื่องเก่า ๆ ไม่ต้องพูดถึงหรอก แค่อยากให้อาจารย์เซี่ยหนานได้รู้ไว้น่ะ
อีกฝ่ายพยักหน้า
“งั้นหลังจากนี้คงต้องอยู่ฉลองปีใหม่ที่บ้านนี้แล้วละค่ะ!”
[1] โหยวกั่วจือ เป็นขนมทานเล่นที่มีชื่อเสียงของเฉิงตู ทำจากแป้งข้าวเหนียว นำไปทอดแล้วใส่น้ำตาลแดง โรยด้วยงาขาวตบท้าย กรอบนอกนุ่มใน ตัวแป้งไม่มีไส้
—————————————————————–