เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1084 ตัดสินใจ
บทที่ 1084 ตัดสินใจ
บทที่ 1084 ตัดสินใจ
เซี่ยหนานผ่านอะไรมาเยอะ แม้ภายนอกจะดูเย็นชา แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนใจกว้างมาก
ลูกสาวเพียงคนเดียวยกให้บ้านซูไปแล้ว ฉลองที่บ้านเขาไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเสียหน่อย!
อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งหลายปี เธอย่อมปรารถนาที่จะอยู่กับคนอื่น ๆ มากกว่าอยู่คนเดียวอยู่แล้ว
เซี่ยเยี่ยนอี้สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ที่คนในครอบครัวมอบให้กับแม่ เธอประทับใจจนน้ำตาเกือบไหลออกมา
ถึงเวลาที่ใช้ร่วมกับแม่ผู้ให้กำเนิดจะสั้น แต่ตนก็สัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวและอ้างว้างที่อีกฝ่ายต้องเผชิญได้
ไม่ใช่แค่ตนหรอกที่กังวลว่าหลังแต่งงานไปจะทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียวได้ยังไง
แต่ไม่คิดเลยว่าคุณย่าซูจะคิดเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เซี่ยเยี่ยนอี้สาบานเลยว่าจะเป็นสะใภ้ที่ดี กตัญญูต่อผู้ใหญ่ในบ้าน และดูแลน้อง ๆ ทุกคน
ซูซานกงเห็นสีหน้าภรรยามีหรือจะไม่เข้าใจ แต่ทุกคนมองกันอยู่จึงไม่ได้พูดอะไรมากทำได้แค่บีบมือเบา ๆ เท่านั้น
สองหน่อเสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วเห็นพอดี เลยแอบหัวเราะกันเงียบ ๆ
บ้านเราไม่มีโทรทัศน์จึงอดดูรายการพิเศษฉลองปีใหม่ ทำให้ซูเสี่ยวเถียนเสียใจเล็กน้อย
อีกสิบปีข้างหน้า คนจะไม่ค่อยรอดูกันแล้วละ
แต่ยุคนี้ถือเป็นงานเฉลิมฉลองทางด้านวัฒนธรรมอย่างไม่ต้องสงสัย
โชคดีที่คนในบ้านคุยกันเยอะ เลยคึกคักไม่หยอก
แม้แต่ซูฉางจิ่วที่เกร็ง ๆ ในตอนแรก ภายหลังเริ่มเสียงดังมากขึ้น รู้เลยว่าเขากำลังกลมกลืนไปกับบรรยากาศ
“ลุงชวน ผมได้ยินคนเขาบอกว่าในเมืองมีโรงเรียนภาคค่ำด้วย ไม่รู้ว่ามีกี่แห่ง ไว้กลับไปบอกให้พวกหนุ่มสาวที่ดูใช้ได้ไปเรียนสักหน่อยแล้วครับ!”
“อาจารย์เสิ่น ผมได้ยินว่าคุณพัฒนาเมล็ดพันธุ์ใหม่อีกแล้วใช่ไหม ไว้เป็นผลประโยชน์แก่หมู่บ้านอีกแล้วหรือเปล่าครับ!”
“เลขาเฉิน ขอบคุณมากเลยนะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ โรงงานเราคงไม่สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นแบบนี้หรอก”
“เหล่าซานเอ๊ย แกมีลูกสาวที่เก่งจริง ๆ นะ ถ้าไม่มีเสี่ยวเถียนหมู่บ้านเราคงไม่มาถึงจุดนี้ได้หรอก”
หลังจากดื่มเข้าไปไม่น้อย ซูฉางจิ่วก็เริ่มพูดมาก หลัง ๆ แทบจะพูดคนเดียวเสียแล้ว
เห็นสามีเป็นแบบนั้น จูหลานฮวาอยากเข้าไปปลอบเหลือเกิน แต่ก็รู้ว่าวันนี้เขารู้สึกไม่สบายใจ กำลังตรอมใจอยู่ในความมึนเมา
ไหน ๆ ก็สิ้นปีแล้ว ดื่มไปเลยแล้วกัน แค่รู้ตัวว่าพูดอะไรอยู่ก็พอ
“พี่ฉางจิ่ว ถึงจะสร้างโรงงานแล้ว แต่เรื่องการพัฒนาในภายภาคหน้าจำต้องศึกษาด้วยนะ เพราะเรื่องนี้ไม่มีคนช่วยนะ!”
“ใครว่าไม่มีล่ะ ฉันคิดว่าปีใหม่จะลาออกแล้ว แต่ผู้นำตำบลเขาไม่เห็นด้วยน่ะสิ”
“งั้นทำไปก่อนแล้วกันครับ จะเอาแบกขึ้นหลังม้า*[1]ทีเดียว” เฉินจื่ออันยิ้ม “นายอำเภอซ่งก็ถือว่าซื่อสัตย์นะครับ เป็นโอกาสดีในการพัฒนาเลย”
ซูฉางจิ่วพยักหน้า
นาอำเภอซ่งถือว่าใช้ได้ เขามีชื่อเสียงมาจากอำเภอเคียงข้างมาก่อนและตอนนี้ย้ายมาอยู่ซางอวี๋ ใคร ๆ ก็บอกว่าเก่ง
มีคนทำงานเก่ง ๆ แบบนี้ผู้นำในตำบลคงมีแรงจูงใจมากขึ้น บางทีขอบเขตที่เขาดูแลอย่างซางอวี๋คงได้พัฒนาจริง ๆ
“ดูที่คุณพูดซิ ทำไมไม่รู้จักพูดบ้างเลย ฉันอยู่เมืองหลวงมีทั้งป้าทั้งน้อง ๆ คนอื่นอีก ไหนจะน้องใหญ่เซี่ยก็ด้วย ไม่ต้องห่วงหรอก!”
เป็นสามีภรรยากันมาตั้งนาน จะไม่เข้าใจความคิดสามีได้ยังไง?
ที่พูดแบบนี้เห็นได้ชัดเลยว่าตัดสินใจแล้ว
อันที่จริง ตนก็ไม่อยากให้เขาตามมาหรอก แค่ห่วงว่าอยู่บ้านคนเดียวจะไม่มีคนดูแล
“คุณป้าครับ หลังจากนี้ต้องรบกวนป้าดูแลหลานฮวาแล้วละ ไว้อีกสามปีจัดการอะไรเรียบร้อยจะตามไปที่เมืองหลวงนะ”
ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “ลุงฉางจิ่ว ไม่แน่ว่าอีกสามปีให้หลังลุงอาจจะไม่อยากมาแล้วก็ได้นะ”
ซูฉางจิ่วในตอนนี้ไม่เข้าใจ แต่อีกสามปีข้างหน้าเขาจะรู้เอง
หลังจากทานอาหารส่งท้ายปีเสร็จ พวกเขาก็กินดื่มกันต่อจนถึงเที่ยงคืนก่อนแยกย้ายพักผ่อน
ฝ่ายเถียนเสี่ยวเหอโกรธมากเมื่อได้ยินว่าพ่อแม่สามีไปฉลองปีใหม่ที่บ้านคุณปู่ซู
“ฉันไม่เคยเห็นพ่อแม่บ้านไหนไปฉลองปีใหม่ที่บ้านสามีลูกสาวเลย ไม่กลัวชาวบ้านเขาขบขันหรือยังไง?”
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ซูผิงอันหมายจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เงียบ
ในที่สุดก็มองเห็นความขัดแย้งของพ่อแม่และภรรยาแล้วว่าคงไม่สามารถกลับเป็นดังเดิมได้ อย่าสร้างเรื่องให้ตัวเองจะดีกว่า
ส่วนจางไฉ่อวิ๋นสงบเสงี่ยมมาก
“ไว้เราไปอวยพรปีใหม่ให้พวกท่านกันนะ ว่ากันตามหลักแล้วเราควรไปเย็นนี้ แต่คุณก็รู้จักเถียนเสี่ยวเหอดี กลัวจะสร้างปัญหาให้พ่อแม่เอาน่ะ”
ซูฉางอันเข้าใจสิ่งที่ภรรยาจะสื่อ เขาเป็นคนซื่อสัตย์ ภรรยาเองก็ไม่ได้แย่อะไร แค่คิดว่าพ่อแม่เอาแต่เข้าข้างบ้านซูผิงอันน่ะ
ตอนนี้ชีวิตเราดีขึ้นจึงไม่คิดสนใจอะไร อย่างที่ภรรยาว่า ถ้าเราไปบ้านพ่อแม่ช่วงปีใหม่ เถียนเสี่ยวเหอต้องไประรานอีกแน่ ๆ
“ฉันรู้ ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อแม่เขารู้อยู่แล้วละ”
จางไฉ่อวิ๋นไม่เชื่อ
ตั้งแต่เถียนเสี่ยวเหอแต่งเข้าบ้านมา พ่อแม่ก็ไม่มีวันไหนที่สบายใจได้เลย เมื่อไรที่เจ้าตัวสร้างปัญหาอีกฝ่ายจะตามใจเสมอ
แต่ตอนนี้เราแยกครอบครัวกันแล้ว ต่างคนต่างอยู่ เธอใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่สนใจจะโต้เถียงกับเถียนเสี่ยวเหอแล้วละ
หลังจากเก็บกวาดทำความสะอาด ก็นำของขวขวัญที่เตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนไปเยี่ยมพ่อแม่สามี
ระหว่างทางบังเอิญเจอหวังเซียงฮวา ซูเสี่ยวเถียน และคนอื่น ๆ กำลังไปที่ฟาร์มเพาะพันธุ์
“อาสะใภ้ ปีใหม่ไม่หยุดหรือคะ?” จางไฉ่อวิ๋นทักทายอย่างเป็นกันเอง “เสี่ยวเถียน เมื่อไรจะมาเล่นที่บ้านพี่บ้างเล่า?”
“ซิ่วหลานให้อามาดูน่ะซี่ อาเห็นว่าง ๆ เลยไปดูให้เขาสักหน่อย” หวังเซียงฮวายิ้ม “นี่กำลังจะไปอวยพรปีใหม่บ้านผู้ใหญ่บ้านกันหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าจางไฉ่อวิ๋นก็เกิดความเขินอายเล็กน้อย
“ใช่ค่ะ พวกเรากำลังจะไปอวยพรปีใหม่ให้พวกท่านกันน่ะค่ะ!”
คุยต่ออีกนิดก็แยกย้ายกันไป
หวังเซียงฮวากล่าวขึ้น “จางไฉ่อวิ๋นใช้ได้อยู่นะ เธอไม่เคยถามเลยว่าคุณป้าไปเมืองหลวงไปทำอะไร แต่กับเถียนเสี่ยวเหอนี่เอาตั้งแต่แม่กลับมาก็ถามหยุดไม่หย่อน!”
[1] แบกขึ้นหลังม้า หมายถึง ไล่ตามความก้าวหน้าของผู้อื่นให้ทัน