เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1097 มาถึงลี่เฉิง
บทที่ 1097 มาถึงลี่เฉิง
บทที่ 1097 มาถึงลี่เฉิง
ตอนเฉินจื่ออันประจำอยู่ที่อำเภอ เขาเคยทำงานด้านกองกำลังทหาร
ด้วยความทุ่มเทและความซื่อสัตย์จึงสร้างความประทับใจอันยอดเยี่ยมให้ผู้คนในอำเภอไว้ไม่น้อย
แล้วจะไม่ให้โมโหได้ยังไงเมื่อได้ยินว่าสองตัวนี้มีเจตนาไม่ดีต่อทายาทเพียงคนเดียวของเขา?
หลังจากล่าช้ามานาน คนทั้งสี่ก็รีบไปที่สถานีรถไฟ
ซูซื่อเลี่ยงรออยู่ที่ประตูด้วยใจตุ๋ม ๆ ต่อม ๆ สายตากวาดมองกลัวว่าจะคลาดกับพวกอา
ในตอนที่ได้พบก็เดินปรี่เข้าไปหา
“ทุกคนมาแล้ว เขาเริ่มตรวจตั๋วแล้วครับ”
ด้วยความไม่มีเวลาอธิบายเรื่องราวจึงรีบตามไปทันที
ผ่านความวุ่นวายมาได้ ในที่สุดก็ได้ขึ้นรถไฟ
พอทุกอย่างเรียบร้อยดีถึงค่อยเล่าเรื่องราวให้ฟัง
ซูซื่อเลี่ยงรู้สึกแย่ไปทั้งตัว
เขามองน้องสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อแน่ใจว่าเธอไม่บาดเจ็บตรงไหนถึงค่อยโล่งใจ
“หนูไม่เป็นไรค่ะพี่รอง อย่ามองแบบนี้สิ หนูตกใจนะ”
ซูซื่อเลี่ยงลูบหน้าอกด้วยความรู้สึกกลัว
“เจ้าน้องคนนี้ ปู่ย่าให้พี่มาคอยปกป้องนะ พ่อสามแม่สามยังฝากมาเหมือนกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วพี่จะไปอธิบายให้พวกท่านยังไง?”
ในตระกูลมีสมบัติล้ำค่าอยู่เพียงคนเดียวนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นต่อให้เสียใจก็สายเกินไปแล้ว
“เสี่ยวเถียนเก่งกว่าเธออีกนะ!” เฉินจื่ออันมองแล้วเอ่ยแทงใจดำ
ชายหนุ่มจึงยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม ด้วยรู้ว่าตนไม่เก่งเท่าน้องอยู่แล้ว
จะไม่พูดออกมาแล้วกัน
ระหว่างทางเขาจับตาดูเธอทุกฝีก้าว แม้จะไปห้องน้ำก็ยังยืนเฝ้าความปลอดภัยให้อยู่ด้านนอก
ตอนนี้เธอโตแล้ว ได้ข่าวว่าพวกค้ามนุษย์ออกอาละวาดมาก ถ้าเธอโดนจับไปจริง ๆ คงไม่มีที่ให้เสียใจ
ซูเสี่ยวเถียนเห็นแล้วก็รู้สึกหมดหนทาง
ส่วนเฉินจื่ออันกลับมองว่าน่าสนใจ
เขาย่อมรู้มาตลอดว่าทุกคนในบ้านรักเสี่ยวเถียนมาก แต่ไม่รู้ว่าซื่อเลี่ยงจะร้กน้องขนาดนี้เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าแต่งงานไป ภรรยาของเด็กคนนี้จะติดใจหรือเปล่า
ทว่าพวกเขาก็เดินทางมาถึงลี่เฉิงโดยสวัสดิภาพ
ปัจจุบันเมืองค่อนข้างใหญ่ เด็กสาวจึงรู้สึกสนใจเล็กน้อย
ช่วงทำงานในชาติก่อน เธอเคยมาที่นี่
แต่ที่นี่เจริญกว่าตอนนี้มาก
แต่ถ้าเทียบกับการพัฒนาอีกหลายปีให้หลังนี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
การพัฒนาบ้านเมืองเขาไปไวมาก แค่ไม่กี่ปีก็ก้าวหน้าไปถึงไหนต่อไหน
ปัจจุบันครอบครัวเฉินจื่ออันอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่จัดเตรียมไว้สำหรับเหล่าผู้นำของลี่เฉิง
ไม่ถือว่าดีมาก เพราะมีสามห้องนอนเท่านั้น
แต่ซูหม่านซิ่วเคยลำบากมาก่อน เธอจึงไม่สนใจเรื่องพวกนั้น แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว
เพราะยังไงสามีก็เป็นผู้นำ ย่อมสามารถยกฐานะทางบ้านได้อยู่แล้ว
แน่นอนว่ามีหลายคนจ้องมองมาที่เขาอยู่
หลายปีที่ผ่านมามีคนคิดจะสร้างสัมพันธ์เพื่อให้บรรลุผลประโยชน์
น่าเสียดายที่เฉินจื่ออันระวังอยู่เสมอ คนพวกนั้นจึงหาโอกาสไม่ได้
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทางฝั่งซูหม่านซิ่วไม่มีนะ
เจ้าตัวระวังยิ่งกว่าสามีเสียอีก ไม่ยอมให้คนเอาเปรียบสักนิด
มีหลาย ๆ คนบอกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ทิฐิสูงมาก!
แต่เราจะไปทำอะไรได้?
ขนาดซูเสี่ยวเถียนลงทุนสร้างโรงงานอาหารในลี่เฉิง อาเขยอย่างเขายังไม่ได้ช่วยอะไรเลยแค่ให้คำแนะนำเท่านั้น
พวกเส้นสายอะไรนั่นไม่มีหรอกนะ!
และในฐานะอาเขย คนที่แนะนำให้หลานก็มีแต่คนเก่ง ๆ ทั้งนั้น เก่งกว่าคนที่เสี่ยวเถียนเลือกมาทำที่เมืองหลวงเสียอีก
“ซื่อเลี่ยง เดี๋ยวนอนกับซิ่วหย่วนนะ ส่วนเสี่ยวเถียนจะนอนในห้องอ่านหนังสือ ตกลงไหม?”
บ้านของซูหม่านซิ่วมีห้องนอนสามห้อง เป็นห้องนอนใหญ่ที่เธอกับสามีนอน ห้องหนึ่งให้ลูกชาย และอีกห้องเป็นห้องอ่านหนังสือที่ใช้รับรองแขกไปในตัว
ตอนที่จัดบ้าน เธอตั้งเตียงเดี่ยวไว้ด้วย
เพราะแบบนี้เลยทำให้บ้านเพียบพร้อมเป็นอย่างมาก
เด็กสาวยิ้ม “ปกติหนูนอนหอที่มหาวิทยาลัยอยู่แล้วค่ะ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว”
ทุกคนรู้ แม้แต่ซูหม่านซิ่ว
ห้องนอนของเด็กคนนี้ดีที่สุดในบ้านแล้ว
“อย่าคิดว่าต้อนรับกันไม่ดีก็พอจ้ะ อีกอย่างเรื่องอาหารการกินไม่รู้ว่าจะชินไหมนะ”
นี่เป็นปัญหาที่ตนห่วงที่สุด
เพราะมันต่างจากอาหารของบ้านเกิดและที่เมืองหลวงมาก
ตอนมาอยู่ช่วงแรก ๆ ยังต้องใช้เวลาครึ่งปีถึงจะคุ้นชิน
เธอรู้สึกว่าอาหารทะเลและปลากลิ่นแรงไปหน่อย
พอผ่านมาหลายปีถึงรู้สึกว่าอร่อยมาก
แต่เสี่ยวเถียนเพิ่งมาใหม่ เธอจึงกลัวว่าจะไม่ชินเอา
“อาใหญ่ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนที่อยู่บ้านเราเคยกินอาหารทะเลเหมือนกันค่ะ แค่ไม่ได้สดเท่าที่นี่เฉย ๆ ตัวหนูเองก็อยากกินมานานแล้วด้วย”
เธอชอบด้วยซ้ำไป
ชาติที่แล้วมันเป็นอาหารมีค่ามากเลยนะ ไม่ใช่ของที่จะซื้อกินได้เอง
ยังคิดอยู่เลยถ้ามีเงินพอจะซื้อกินทีเดียวเยอะ ๆ
กระทั่งบั้นปลายชีวิตก็ยังไม่เคยได้กินเลย
ฝ่ายอาใหญ่ไม่ได้นึกสงสัย บ้านเราเปิดร้านอาหารคงต้องมีหนทางหาวัตถุดิบจำพวกอาหารทะเลบ้างละ
“ได้จ้ะ งั้นเดี๋ยวไปดูที่ตลาดกัน หนูอยากกินอันไหนเราก็ซื้ออันนั้นเนอะ?”
ซูซื่อเลี่ยง “…”
ทำไมโดนเมินเลยล่ะเนี่ย? เขาก็ชอบอาหารทะเลเหมือนกันนะ อีกอย่างเราเองก็เคยอยู่ลี่เฉิงมาก่อน จึงมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง แล้วทำไมอาใหญ่ไม่เห็นถามความเห็นจากเขาบ้างเลย?
ด้วยความที่ทนรอผู้ใหญ่ถามไม่ไหว ชายหนุ่มจึงออกไปเดินเล่นกับน้องชายเท่านั้น