เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1108 คนที่โดนรังเกียจ
บทที่ 1108 คนที่โดนรังเกียจ
บทที่ 1108 คนที่โดนรังเกียจ
เซี่ยงอิงและอี้เทียนเลี่ยงไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะโดนแยกจากกลุ่มเพื่อนร่วมงานแบบนี้
คนหนึ่งเป็นหัวหน้าสำนักงาน อีกคนเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจ
แต่ปกติเวลาใครไปใครมาต้องทำตัวสุภาพเรียบร้อยไม่ใช่หรือ?
ขนาดเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกันยังทำตัวสุภาพเลย
แล้วดูสภาพตอนนี้สิ
เพียงประโยคบีบคั้นเจ้านายทำให้ทุกคนรังเกียจพวกเขาราวกับเป็นโรคติดต่อ
ทั้งสองทำตัวน่าโมโหจริง ๆ
เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีใครอยากเข้าไปคุยด้วย
เซี่ยงอิงและอี้เทียนเลี่ยงต่างอึดอัด จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังคงคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิดอยู่ดี
เจ้าพวกนี้ตาไร้แววชะมัด ไม่รู้จักเลือกคนเหมาะ ๆ เพื่อมายืนหยัดอยู่ด้วยกันเลย
แถมซูซื่อเลี่ยงยังทำตัวอย่างกับไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับโรงงานด้วย
คงจะเสแสร้งแกล้งทำมากกว่า
การได้เผชิญหน้ากับโรงงานยักษ์ใหญ่ ทำกำไรมหาศาลแบบนี้จะไม่ไขว้เขวเชียวหรือ
เผลอ ๆ พรุ่งนี้อาจจะมาพบเราเป็นการส่วนตัว และผูกมิตรก็ได้
ทั้งสองคิดว่าตัวเองฉลาดมาก
แต่คนอื่น ๆ กลับเห็นว่าเป็นคนโง่
คิดในสิ่งที่ชาวบ้านเขาไม่คิดกัน
ไม่ว่าจะเลอะเลือนแค่ไหน ก็ต้องรู้ว่าขอข้าวใครกินอยู่นะ!
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงงานมา เจ้านายคนนี้ทำตัวลึกลับมาก
แล้วตอนนี้ผู้อำนวยการโรงงานก็ให้ความเคารพอีก
ไม่เชื่อหรอกว่าคนฉลาด ๆ แบบนี้จะทำผิดพลาดได้
แต่ทำตามเขาไปก่อนแล้วกัน ยังไงก็ไม่ได้เสียผลประโยชน์อยู่แล้ว
พอกลับมาถึง สองพี่น้องก็นั่งอ่านเอกสารต่อ
ที่จริงซูเสี่ยวเถียนอ่านคนเดียว ส่วนซูซื่อเลี่ยงได้แต่มองเพราะไม่เข้าใจ
สรุปแล้วต่างคนต่างไม่รบกวนกัน
ราวกับไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
แต่เซี่ยงอิงและอี้เทียนเลี่ยงกลับหงุดหงิด
ทั้งสองลอบพบกันแล้วหารือกันเล็กน้อย
จากนั้นก็เริ่มไปหาอวี๋กวางฮุยทันที
ผู้อำนวยการอวี๋ยังโมโหเรื่องวันนี้อยู่เลย
สองคนนี้เป็นคนฉลาดมากนะ ทำงานเก่งทีเดียว ปกติก็ทำตัวดีตลอด
ไหงวันนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้?
ขณะที่กำลังคิดจะพูดกับทั้งสองตรง ๆ และตักเตือนเพื่อให้รู้กฎเกณฑ์กันสักหน่อย
กลายเป็นว่าคนที่นึกถึงดันมาหาด้วยตัวเองเลย
เห็นท่าทางที่ดูไม่ตระหนักอะไรยิ่งทำโกรธหนักกว่าเก่า
ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการโรงงาน เขาจึงมีอำนาจอยู่บ้าง
จึงเอ่ยปากด่าทั้งสองโดยไม่เกรงใจทันที
ทีแรกพวกเขาตั้งใจจะมาคุยเรื่องหนึ่งกับซูซื่อเลี่ยง กลายเป็นว่าโดนจัดการเสียก่อน
จึงได้แต่ยืนสับสน
โดนพิษมาหรือ?
เชื่อจริงด้วยหรือว่าเด็กคนนั้นจะทำการใหญ่ และเอาทรัพย์สินครอบครัวมาเป็นของตัวเองได้?
“ผู้อำนวยการ โรงงานจะตกเป็นของเด็กคนนั้นหรือ?” อี้เทียนเลี่ยงอยากรู้
ผู้ใหญ่ในตระกูลซูคงจะมีแต่พวกโง่ ๆ เท่านั้นละ ถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้
อวี๋กวางฮุยโมโหหนักกว่าเก่า
“ทรัพย์สินของชาวบ้านมีสิทธิ์อะไรไปตัดสินเขา? แล้วเวลาคุยธุรกิจกับพ่อค้าเซียงเจียงไม่เห็นพวกคุณต้องทราบเรื่องนี้เลย?”
หลายปีที่ทำมาค้าขายทำให้เข้าใจถึงสถานการณ์ทางฝั่งนู้น
บางบ้านยึดติดกับความคิดที่ว่าลูกชายต้องเป็นผู้สืบทอดเท่านั้น แต่บางบ้านให้สถานะทั้งลูกชายและลูกสาวแล้วรอดูว่าใครจะเก่งกว่า และสามารถสืบทอดที่บ้านได้
ส่วนโรงงานแห่งนี้เป็นของซูเสี่ยวเถียนแต่แรก และอนาคตไม่มีทางเปลี่ยนเป็นของซูซื่อเลี่ยงได้หรอก
เว้นก็แต่ครอบครัวนี้เปลี่ยนใจน่ะ!
แล้วไอ้เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ทำไมไม่เข้าใจสักที?
“แต่มันก็เป็นคนต่างถิ่นไม่ใช่หรือ? ได้ยินว่าความคิดล้าหลังมาก แล้วจะไปเทียบกับคนเซียงเจียงได้ยังไง” เซี่ยงอิงพึมพำ
“จริงครับผู้จัดการเซี่ยงพูดถูก”
ทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน มีหรือจะไม่เข้าใจ?
รู้เลยว่ากำลังยัดเยียดความคิดให้
คิดว่าตระกูลซูเอาอกเอาใจหลานสาว เลยสร้างโรงงานให้เธอมีความสุข
อนาคตหากกำไรดีอาจจะเปลี่ยนเป็นเจ้าของคนอื่นได้
อวี๋กวางฮุยมองด้วยสายตามีนัย
โง่เง่าจนคิดปรามาสสองพี่น้องคู่นี้ คิดว่าเขามาจากพื้นที่ล้าหลัง
ไม่ได้รู้เลยว่าสองคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา
มีเรื่องหนึ่งที่ทั้งสองไม่ทราบ
แต่อวี๋กวางฮุยเป็นผู้อำนวยการ ย่อมรู้เยอะ
สองพี่น้องมีเลขาเฉินคุ้มกะลาหัวไว้อยู่
ถ้าไม่มีเขา โรงงานจะประสบความสำเร็จได้ง่าย ๆ หรือยังไง?
แต่ถึงยังไงถ้าหลู่เซียงเซียงไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย คนอื่นย่อมเอาผิดไม่ได้อยู่แล้ว
หรือไม่ก็เพราะถนนหนทางราบรื่นเกินไป จนคิดว่านี่เป็นผลงานของพวกเขาเอง
“ฉันแนะนำให้ว่าเลิกใช้กลอุบายพวกนั้นเถอะ ต่อให้เป็นฉันก็ปกป้องพวกคุณไว้ไม่ได้หรอกนะ!”
ในฐานะที่ทำงานมาด้วยกันหลายปี ยังไงก็ต้องเตือนไว้สักหน่อย
แล้วเจ้าโง่สองตัวนี้มันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าไปทำให้ใครเขาขุ่นเคืองเข้าให้แล้ว
แล้วถ้าทำเจ้านายขายหน้า อนาคตไม่รอดแน่
แต่กลายเป็นว่าดันไม่เข้าใจความหมายเสียอย่างนั้น
เอาแต่คิดว่าอวี๋กวางฮุยสมองเลอะเลือน
เรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจอีก
เห็นสีหน้าทิ้งท้ายจากไปก็ได้แต่ส่ายหัว
ความคิดของพวกเขามันฝังรากลึกแล้ว คิดแต่ว่าพื้นที่อื่นพัฒนาไม่ดีเท่าพื้นที่ชายฝั่งทะเล
คิดแต่ว่าลูกชายดีกว่าลูกสาว!
มันจะมีอยู่คำพูดหนึ่งที่เขาชอบพูดกัน มันพูดว่าอะไรนะ?
พญายมยังช่วยผีสางที่ตายไปแล้วไม่ได้เลย
บางทีสองคนนี้คงจะเป็นผีสางที่ว่า
ต้องไปเตือนคนอื่น ๆ ด้วย จะได้จำกันไว้และไม่ต้องเข้าไปยุ่มย่ามกับสองคนนี้อีก
ช่วงบ่ายมีข่าวลือเรื่องสองพี่น้องพอสมควร
พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้านายที่แท้จริงมาก่อนเลย และตอนนี้ก็ได้พบกันแล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อมาก
อายุน้อยมากเลย จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง!