เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1129 เด็กฝึกงานที่มาใหม่
บทที่ 1129 เด็กฝึกงานที่มาใหม่
บทที่ 1129 เด็กฝึกงานที่มาใหม่
ซูโส่วเวินพาน้องสาวมารายงานตัวที่กระทรวง
เด็กสาวไปถึงในตอนเช้า หลังจากนั้นก็มีชายสองหญิงหนึ่งเข้ามา
มีคนฝึกงานสี่คนรวมตัวเธอด้วย
ซูเสี่ยวเถียนมองไปรอบ ๆ เด็กสาวในกลุ่มดูเย่อหยิ่งและเย็นชา ท่าจะเข้ากับคนยาก
เทียบกันแล้วสองหนุ่มดูจืดชืดไปเลย
แต่ตนมีลางสังหรณ์จะเข้าขากับคนกลุ่มนี้ไม่ได้
โชคดีที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานที่นี่ไปตลอดชีวิต จึงอยู่ด้วยแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
จะเข้ากันได้หรือไม่ ไม่สำคัญหรอก
ยูเลีย เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลในกระทรวงเห็นคนมาครบก็ยิ้มแย้มแล้วกล่าวต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับนักศึกษาที่มาฝึกงานที่กระทรวงการต่างประเทศนะคะ หลังจากนี้พวกเราทุกคนจะกลายเป็นเพื่อนร่วมงานกันค่ะ ขอแนะนำก่อนเลย คนแรก ถังผิง นักศึกษาเอกฝรั่งเศสจากมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ โทเยอรมันและญี่ปุ่น คนที่สองเยี่ยไคอวี่ นักศึกษาเอกอาหรับจากมหาวิทยาลัย Q โทสเปน คนที่สามลู่เซวียนนักศึกษาเอกสเปนจากมหาวิทยาลัย H โทอาหรับ และคนที่สี่ ซูเสี่ยวเถียนเอกจีนจากมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิง โทหลายภาษาค่ะ!”
ทุกคนมองซูเสี่ยวเถียนด้วยความประหลาดใจ
จิ่งเฉิงเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่การที่เด็กเอกจีนมาทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศมันหมายความว่ายังไง?
ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!
ภาษาจีนเป็นภาษาประจำชาตินะ ยังต้องแปลอีกหรือ?
แล้วเรียนโทหลายภาษานี่โม้หรือเปล่า?
“อย่าดูถูกที่เพื่อนอายุน้อยนะคะ เธอเป็นอันดับหนึ่งของจิ่งเฉิงเชียวนะ”
ถังผิงร้องเหอะ กะอีแค่เอกจีน คะแนนดีแล้วไง มันจะสักแค่ไหนกันเชียว?
ความสามารถด้านภาษาต่างประเทศดีกว่าคนเรียนภาษาต่างประเทศอีกหรือ?
ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรของคนเหล่านั้น แต่ไม่ได้สนใจ
หลังจากเป็นเพื่อนร่วมงานกันก็ไม่ได้ติดต่อกันเท่าไร เพราะปีนี้มีพนักงานเข้าใหม่แค่สี่คนเท่านั้น ในกระทรวงจึงปรึกษาหารือกัน
ในไม่ช้า ซูเสี่ยวเถียนก็พบว่าเพื่อนทั้งสามเป็นนักศึกษาหัวกะทิจากคณะภาษาต่างประเทศ และความสามารถสูงมาก
ปีนี้ถังผิงอายุยี่สิบสามปี ยังเรียนไม่จบ แต่รู้ภาษาต่างประเทศถึงสามภาษา
นักศึกษาที่เรียนคณะภาษาต่างประเทศได้ในยุคนี้จะต้องมีพื้นฐานอยู่บ้าง
แม้แต่ในหมู่คนเหล่านี้ ก็มีบางคนที่สมาชิกครอบครัวทำงานด้านภาษา
อย่างถังผิงที่พ่อแม่ทำงานในสถานทูต เพราะคำพูดและการกระทำของพวกท่านจึงทำให้เจ้าตัวเรียนภาษาต่างประเทศและมุ่งมั่นที่จะทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ
ฝ่ายถังผิงก็รู้เรื่องของซูเสี่ยวเถียนเบื้องต้นเช่นกัน
ความสามารถด้านภาษาของถังผิงถือว่าสูงมากจริง ๆ เรียนรู้ไวกว่าคนทั่วไปมาก
และคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด
แต่เมื่อซูเสี่ยวเถียนปรากฏตัวกลับได้รับความนิยมไม่น้อย คนที่ทำงานหลายคนรู้จักเธอและเอาแต่ชม
ที่เหนือความคาดหมายคือทางกระทรวงส่งจดหมายไปเชิญตัวซูเสี่ยวเถียนเองเลย
ขนาดตัวเองยังพยายามอย่างหนักกว่าจะได้มาทำงานที่นี่
แต่พอมีเด็กคนหนึ่งที่ด้อยกว่าได้รับเชิญ ไอ้ความภาคภูมิใจถึงกับถล่ม
สายตาที่มองไม่มีความเป็นมิตร ยิ่งรู้ว่ามีเพียงสองในสี่ที่จะได้ทำงานในกระทรวงก็ยิ่งตั้งตนเป็นศัตรูมากขึ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะมัน โอกาสจะเป็นเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แล้วตอนนี้ยิ่งทำให้สามคนที่เหลือมีโอกาสอยู่แค่สามสิบเปอร์เซ็นต์เอง
หลังจากสอบถามมา
ก็ได้ทราบว่าซูเสี่ยวเถียนเป็นญาติของฟ่านชูฟาง
มีพี่ชายที่เรียนจบด้านภาษาต่างประเทศไปแล้วทำงานในกระทรวง
เรื่องสองพี่น้องช่างน่าสงสัย
แถมเจ้าตัวยังเป็นที่นิยมในจิ่งเฉิง และเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของคุณฉือเก๋อด้วย
แล้วไง?
ที่นี่คือกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่หน่วยงานกระจอก ๆ คิดว่าจะอยู่รอดด้วยเส้นสายตัวเองหรือไง?
เธอวางตำแหน่งซูเสี่ยวเถียนไว้เป็นพวกที่มีคนหนุนหลัง
แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำงานสบาย ๆ กลับไม่มีความมั่นใจกว่าเดิม
คนที่ใช้เส้นสายดันเก่งกว่าเราหรือ?
แม้อีกสองคนจะไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูแต่ก็คิด ๆ บ้างแล้ว
ไม่เคยรู้เลยว่ากระทรวงจะส่งจดหมามยเชิญนักศึกษาให้มาฝึกงานด้วย
คงดีกว่านี้ถ้าเป็นเด็กเก่ง ๆ จากมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ
แต่ดันไปชวนเด็กเอกจีนเนี่ยนะ คิดจะทำให้เราขายหน้าหรือ?
ซูเสี่ยวเถียนไม่รู้หรอกว่าคนพวกนี้คิดอะไร
ที่จริงเธอกำลังชื่นชมความเป็นมืออาชีพของคนพวกนี้อยู่ต่างหาก
อายุแค่ยี่สิบปี แต่มาตรฐานทางวิชาชีพกลับดีมาก ฝีมือเทียบได้กับพี่ใหญ่เลย
พี่ใหญ่ไม่ได้จบเอกภาษาโดยตรงเลยลำบากหน่อย แต่โชคดีที่เขาขยันพอเลยชดเชยข้อบกพร่องได้!
ถ้าคนพวกนี้ทุ่มเทให้กับงานแปล อนาคตคงรุ่งโรจน์แน่!