เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1133 ตัวตลกคือฉันจริง ๆ
บทที่ 1133 ตัวตลกคือฉันจริง ๆ
บทที่ 1133 ตัวตลกคือฉันจริง ๆ
ซ่งหงปิงได้รู้แล้วว่าเด็กคนนี้มีความสามารถจริง ๆ
แต่ก็อดสับสนไม่ได้
เขารอฟู่กั๋วหยางเกษียณเพื่อที่จะได้มาแทนตำแหน่งนี้ แต่จู่ ๆ ซูเสี่ยวเถียนที่เพิ่งเข้ามากลับเด่นกว่าเขาเสียอย่างนั้น
หรือเบื้องบนให้เด็กคนนี้มาทำงานเพื่อแทนที่ตำแหน่งฟู่กั๋วหยางในภายภาคหน้า?
ฟู่กั๋วหยางจะเกษียณในสามสี่ปีนี้ ส่วนเด็กสาวสามารถเติบโตได้ในสามสี่ปีเช่นกัน
ทำยังไงดี?
ต้องโดนกดให้ต่ำกว่าผู้อื่นไปตลอดชีวิตจริง ๆ หรือ?
ไม่ เขาไม่อยากเห็นผลลัพธ์แบบนี้
ล่ามควรมีสมาธิทำงาน ไม่อย่างนั้นจะผิดพลาดเอาได้
ในฐานะคนมีประสบการณ์ควรเข้าใจข้อเท็จจริงนี้
แต่ซ่งหงปิงกลับทำพลาด
เพราะมัวแต่ใจลอย งานที่ทำก็ไม่ใช่งานที่ทำได้ดีจึงเกิดความผิดพลาดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
โชคดีที่ต่งหยวนจงและรัฐมนตรีฉางนั่งข้างกัน ฟู่กั๋วหยางจึงคลี่คลายสถานการณ์ได้หลายครั้ง สีหน้าของล่ามอาวุโสเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขามองอีกฝ่าย ก่อนจะรู้ว่าซ่งหงปิงเอาแต่มองซูเสี่ยวเถียน
คิ้วของฟู่กั๋วหยางพลันขมวดแน่น
ซ่งหงปิงมีปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนรัฐมนตรีฉางเองก็ทราบแล้วเช่นกัน
ทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา
แต่ตอนนี้เราอยู่ต่อหน้าคณะทูตต่างประเทศ เลยอายเกินกว่าจะพูดอะไรได้จึงทำได้แค่ระงับความไม่พอใจไว้เท่านั้น
เขารู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่เป็นแค่งานเลี้ยงเย็น ถึงจะพลาดก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเกิดขึ้นระหว่างประชุมคงแย่มาก
ไว้กลับไปคุยกับผู้นำกระทรวงการต่างประเทศสักหน่อย ต้องหาล่ามเหมาะ ๆ มาทำงาน
ว่าแล้วก็อดมองซูเสี่ยวเถียนไม่ได้!
แล้วมื้ออาหารก็ผ่านไปได้ด้วยดี
เทียบกับซ่งหงปิงที่เหม่อลอยและทำผิดเยอะไปหมด ซูเสี่ยวเถียนกลับทำได้น่าประทับใจไม่น้อย
ฝ่ายผู้นำเองก็คำนึงถึงผลงานของทุก ๆ คนเช่นกัน
และทุกคนได้แต่ตกใจกับสิ่งที่ซ่งหงปิงทำในวันนี้
“เสี่ยวซ่ง เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือ?” หลังจากทุกคนกลับไปแล้ว ฟู่กั๋วหยางก็เอ่ยถามโดยตรง
เขาเป็นแบบนี้เสมอ เข้มงวด และไม่ไว้หน้าใคร
ทีแรกซ่งหงปิงคิดว่าถ้าซูเสี่ยวเถียนทำได้ไม่ดี อีกฝ่ายคงไม่ไว้หน้าแล้วด่าตรง ๆ
แต่กลายเป็นว่าเรื่องตลกดันเกิดขึ้นกับตัวเขาเองเสียอย่างนั้น
แต่ตนไม่ใช่คนประเภทไม่กล้ายอมรับความผิด
“คุณฟู่ วันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรครับ”
เขารีบตอบกลับ แต่เหตุผลฟังไม่ขึ้นเท่าไร
ตัวเองทำได้ไม่ดีพอ แต่ดันมาพูดแบบนี้เหมือนพูดจาส่งเดช
ทำเอาสีหน้าของอีกฝ่ายน่าเกลียดขึ้นกว่าเดิม
เมื่อก่อนก็คิดว่าเขาทำงานใช้ได้นะ แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้เสียได้?
“เสี่ยวซ่ง กลับไปทบทวนตัวเองด้วย พรุ่งนี้เราจะมีการประชุมอย่างเป็นทางการ ส่วนที่คุณต้องรับผิดชอบนั้นสำคัญมาก ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลเสียต่อประเทศอย่างใหญ่หลวงได้เลยนะ!”
เขาพูดด้วยความจริงใจเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายก็เป็นผู้อาวุโสในกระทรวงเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นหนุ่มสาวคงไม่มีความอดทนเช่นนี้หรอก!
แต่ซ่งหงปิงรับไม่ได้
ทว่าด้วยความที่รู้จักนิสัยฟู่กั๋วหยางดี เลยทำได้แค่รับไว้
“แล้ววันนี้คุณก็เอาแต่มองซูเสี่ยวเถียนด้วย เรามาทำหน้าที่เป็นล่าม อย่าเสียสมาธิ”
ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้นำเขาพูดกัน
“ผมเห็นว่าเธอยังเด็ก เพิ่งเข้าร่วมงานแบบนี้ครั้งแรก เลยกลัวว่าเธอจะทำพลาดครับ!”
ซ่งหงปิงจะพูดออกไปได้ยังไงว่าอยากเห็นเด็กนั่นเสียหน้า?
ไม่ทันคาดคิดฟู่กั๋วหยางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“เสี่ยวซ่ง คุณไม่ทราบหรือว่าเสี่ยวซูเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองแบบนี้หลายครั้งแล้ว?”
แม้มาตรฐานจะไม่ได้สูงเท่าวันนี้ แต่เธอก็เข้าร่วมมาโดยตลอด สามัญสำนึกและมารยาทขั้นพื้นฐานย่อมไม่ขาด มีอะไรให้ห่วงกัน?
แถมความสามารถด้านการแปลของเธอยังดีมากจนตัวฟู่กั๋วหยางล่ามมากประสบการณ์ยังรู้สึกว่าระดับเธอเทียบเท่ากับเขาเลย
ซ่งหงปิง “…”
ตัวตลกคือตัวเขาเองจริง ๆ หรือ?
ซูเสี่ยวเถียนมีสิทธิ์เข้าร่วมงานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
เดี๋ยวก่อนนะ เธอเพิ่งจะสิบเจ็ดไม่ก็สิบแปดปีเองนี่ ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือ?
แล้วไอ้การได้เข้าร่วมมาแล้วหลายครั้งคืออะไร เธอเริ่มแปลตั้งแต่อายุเท่าไรกันแน่?
“คุณไม่ได้รู้จักเธอดี เคยคิดไหมว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลือว่า!”
ว่าจบก็หมุนตัวจากไป
ฟู่กั๋วหยางอยู่ในแวดวงนี้มาเกือบทั้งชีวิต มีหรือจะไม่เข้าใจความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่น?
ทางฝ่ายซูเสี่ยวเถียนเดินออกจากโรงแรม
หัวกำลังคิดว่าเย็นมากแล้วควรกลับรถประจำทางดีไหม
แต่ไม่คิดว่าออกมาจะเจอรถคันหนึ่งจอดอยู่ใกล้ ๆ
ทว่าเธอไม่ได้สนใจ เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ฝ่ายนั้นกลับบีบแตรใส่
แล้วกระจกก็ลดลง
คนในนั้นคือต่งหยวนจงและฟ่านชูฟาง
“เสี่ยวเถียนไปกัน ปู่รองจะพาหนูกลับเอง!”
ต่งหยวนจงมองเธอ ยิ่งมองเท่าไรก็ยิ่งชอบมากเท่านั้น
จะไม่ให้ชอบเด็กเก่ง ๆ แบบนี้ได้ยังไงล่ะ?
“ปู่รองสะดวกหรือคะ?” เธอลังเล
เพราะต่งหยวนจงงานยุ่งตลอด จะไม่เป็นการเสียเวลาเขาใช่ไหม?
“ไปกันสาวน้อย คิดเยอะเกินไปแล้ว แค่นั่งรถเองจ้ะ!” ฟ่านชูฟางยิ้ม
วันนี้ได้เห็นท่าทางอันโดดเด่นของหลานแล้ว มันเปลี่ยนไปเยอะมากหากเทียบกับเมื่อสองปีก่อน
เด็กคนนี้ก้าวหน้าไวมากเลย!
ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้น ซูเสี่ยวเถียนจึงทำได้เพียงขึ้นรถเท่านั้น
ระหว่างทาง มีแค่ต่งหยวนจงที่ถามว่าทุกอย่างไปได้ด้วยดีหรือเปล่า ไม่ก็เรื่องอื่น ๆ
ซูเสี่ยวเถียนตอบทุกคำถาม
เธอว่างานราบรื่นดี
ส่วนคนที่ไม่ชอบขี้หน้า อันนี้ไม่ได้สนใจ
——————————————