เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1143 ความรักอันยิ่งใหญ่
บทที่ 1143 ความรักอันยิ่งใหญ่
บทที่ 1143 ความรักอันยิ่งใหญ่
ซูโส่วเวินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็สู้เธอไม่ได้หรอก!”
เขาเก่งไม่เท่าน้อง แถมยังเริ่มเรียนช้าด้วย
สองปีมานี้เขาพยายามไล่ตามให้ทัน แต่มันคือสิ่งที่ไล่ตามไม่ได้
อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ร้อยเปอร์เซ็นต์ สำคัญกว่าการพยายามเก้าสิบเปอร์เซ็นต์นะ
ซูโส่วเวินเข้าใจสิ่งที่น้องจะสื่อ
รู้ว่าความสำเร็จในอนาคตมีจำกัด
“มันมีประโยคที่เขาว่าความขยันจะชดเชยความอ่อนแอได้ หนูเชื่อว่าพี่ทำได้นะ” เธอยังคงให้กำลังใจ
หลังจากเพียรพยายามมาหลายปีตอนนี้ซูโส่วเวินเชี่ยวชาญสามภาษาแล้ว
เขากำลังเรียนภาษาที่สี่อยู่ แต่เจอปัญหาในการเรียน
ด้วยระดับความสามารถตอนนี้ไม่ถือว่าดีที่สุด แต่ไม่ได้แย่
อายุและความสามารถของเขาในตอนนี้อาจไม่ทะยานขึ้นฟ้า แต่จะต้องทำการอะไรสำเร็จแน่
แถมเชื่ออีกว่าพอเวลาผ่านไปเขาจะทำได้ดีกว่านี้อีกแน่ ๆ
“เธอตั้งใจจะเปิดโรงงานใช่ไหม?”
เขาสงสัยแผนการของเธอ
สิ่งเดียวที่คิดได้คือเดินเส้นทางเดียวกับเสี่ยวซื่อโดยเป้าหมายคือหาเงิน
ซูเสี่ยวเถียนส่ายหัว
“หนูอยากเปิดโรงงานก็จริงแต่เป้าหมายไม่ใช่แบบนั้นค่ะ!”
ซูโส่วเวินยิ่งสงสัย
ถ้าเป้าหมายไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันคืออะไรล่ะ?
เด็กคนนี้มักมีความคิดต่างจากผู้อื่น
“หนูอยากเปิดโรงงานหาเงิน แล้วก็เปิดโรงเรียนประถมมอบความหวังให้เด็ก ๆ ได้เรียนหนังสือมากขึ้นค่ะ”
“ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ล่ะ?” คงจะแปลกถ้าชายหนุ่มไม่ตกใจ
อยู่ดี ๆ ทำไมจะสร้างโรงเรียน?
ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐในการสร้างหรอกหรือ?
เอกชนสร้างโรงเรียนได้ด้วยหรือ?
ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างจริงจัง
“ในประเทศเรายังมีเด็กอีกหลายคนที่เรียนในสภาพแวดล้อมย่ำแย่ค่ะ หนูหวังว่าจะปรับปรุงให้มันเหมาะแก่การเรียนรู้เด็ก ๆ ค่ะ”
“ในสถานที่ห่างไกลก็ไม่มีโรงเรียน แต่นักเรียนเยอะแล้วก็ไม่ได้รับการศึกษาด้วย หนูอยากสร้างโรงเรียนใหม่เพื่อพวกเขาได้เรียนอย่างราบรื่นค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่เธอบอกความคิดของตัวเองกับคนอื่น
เพราะมีระบบการอ่านเลยเชื่อว่ามันจะไม่ทำให้เธออ่านได้อยู่คนเดียวแน่นอน
เธอหวังว่าผู้คนจะได้อ่านหนังสือกันเยอะขึ้น บางทีนี่อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของระบบการอ่านก็ได้
ชีวิตในครั้งนี้เธอไม่รู้ แต่ชีวิตครั้งก่อนได้ยินมาว่าสถานศึกษาหลาย ๆ แห่งย่ำแย่มาก
“ความคิดดีมากเลย” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วย
น้องเล็กมีความคิดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีแบบแผนจริง ๆ
แค่คนเดียวก็มากกว่าคนจำนวนมากอีก
ไม่ธรรมดาเลย!
ช่างละอายใจเหลือเกิน
พอโตขึ้นก็คิดแต่จะทำประโยชน์แก่ประเทศชาติให้ดีที่สุดและใช้ชีวิตที่ดีเป็นของตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าคนบนโลกควรได้รับความรักอันยิ่งใหญ่!
“แต่พี่พูดถูกนะ ถ้าทำงานในกระทรวงต่างประเทศก็ทำอะไรได้หลายอย่างค่ะ แต่เงินเดือนมันไม่พอสร้างโรงเรียนหรอก”
ในเมื่อเลือกเดินเส้นทางสร้างโรงเรียนประถมแห่งความหวังแล้ว การใช้เงินเหมือนน้ำก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
เราจะบรรลุเป้าหมายไปกับเงินเดือนที่ตายตัวได้ยังไง
ซูโส่วเวินเข้าใจแล้ว
ไม่ใช่ว่าน้องไม่ชอบงานในกระทรวง แต่เพราะอยากช่วยเหลือผู้อื่นเลยเลือกเส้นทางอื่น
“โรงงานหลู่เซียงเซียงกำลังไปได้สวยค่ะ พี่สี่ก็ทำเรื่องส่งออกให้ หนูตั้งใจจะขยายมันให้ใหญ่ขึ้น จะได้ทำเงินให้เยอะ ๆ”
เธอเชื่อว่าแบรนด์หลู่เซียงเซียงไม่น่ามีปัญหาเรื่องเงิน
“โรงเรียนที่หนูจะสร้างในอนาคต ก็จะชื่อว่าโรงเรียนประถมแห่งความหวังหลู่เซียงเซียงค่ะ!”
ยิ่งพูดเท่าไรก็ยิ่งตื่นเต้นราวกับจะได้เห็นมันก่อสร้างขึ้นมาแล้ว
ชายหนุ่มสงสัย “ทำไมเรียกว่าโรงเรียนประถมแห่งความหวังล่ะ?”
เธอจำได้ว่าตอนนี้ยังไม่มีแนวความคิดเรื่องโรงเรียนประถมแห่งความหวัง
ชาติก่อนในช่วงปี 1990 โรงเรียนประถมแห่งความหวังแห่งแรกได้ก่อตัวขึ้น
และเธอก็จำได้ว่าช่วงปี 1989 หลังจากการก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาเยาวชนแล้ว ก็มีแนวความคิดเรื่องโครงการแห่งความหวังขึ้นมา หลังจากนั้นโรงเรียนประถมแห่งความหวังได้ถือกำเนิดขึ้น
ตลอดปี 1990 โรงเรียนประถมแห่งความหวังได้ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดในตอนนี้
แนวความคิดนี้ยังไม่ได้มีการเสนอขึ้นมา
เธอคิดหัวหมุนว่าจะอธิบายยังไงดี
ไม่นานก็นึกข้อแก้ตัวออก
“หนูแค่รู้สึกว่าเด็ก ๆ ในป่าเขาและหมู่บ้านห่างไกลจะได้มองเห็นความหวังของอนาคตจากโรงเรียนค่ะ พวกเขาจะได้เติมเต็มความปรารถนาด้านความรู้และวิสัยทัศน์อันไม่มีที่สิ้นสุด และสุดท้ายก็แสดงมันออกมาบนเวทีของโรงเรียนค่ะ!”
ชายหนุ่มรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“สิ่งที่เธอพูดยอดเยี่ยมมากเลย ทำให้เด็กทุกคนมีความหวังในการเรียนและความหวังในอนาคตสินะ!”
“หนูแค่หวังว่าเด็ก ๆ ในสถานที่อย่างบ้านเกิดเราจะมีสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่ดีขึ้น และเปลี่ยนชะตากรรมพวกเขาด้วยการเรียนหนังสือ หนูยังหวังอีกว่าสังคมจะมีแนวคิดให้ความสำคัญกับการศึกษา มีคนที่เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ไม่ได้รับการศึกษาด้วยค่ะ”
“แต่เส้นทางที่เธอเลือกมันไม่ง่ายเลยนะ อาจจะยากมากด้วยซ้ำ!”
ถึงซูโส่วเวินจะรู้สึกว่าความคิดน้องดีมาก มีแต่ความรักอันไร้สิ้นสุด
แต่ก็ห่วงว่าจะก้าวหน้าได้ยากเกินไป
เพราะน้องมีกำลังจำกัด ถึงจะเป็นเรื่องที่ดี แต่อาจเผชิญกับความยากลำบากอีกมาก นโยบายประเทศคงไม่ยอมด้วยซ้ำ
แต่จะส่งเสริมได้ง่ายกว่าหากได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล
ถ้าทำเป็นการส่วนตัวจะยากมาก
น้องเล็กยอมแพ้หนทางอันราบเรียบ แล้วเลือกหนทางที่ยากลำบากแทน!
“หนูไม่กลัวค่ะ เพราะมีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้ว ขอแค่ตั้งเป้าหมายหนูก็ทำได้เสมอ”
เธอมั่นใจมาก และไม่คิดเรื่องอะไรพวกนั้นด้วยซ้ำ
ในฐานะคนที่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เธอรู้ดีว่าต่อให้ผลักดันมันไปข้างหน้าไม่ได้ แต่ก็ต้องมีในอีกหลายปีข้างหน้าแน่นอน
แค่ต้องรอเวลาเท่านั้น!
“ไว้กลับไปคุยกับปู่รองดูนะ ถึงเขาอาจจะช่วยไม่ได้แต่จะต้องมีวิธีแน่นอน!”