เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1148 ผู้หญิงที่มีความตั้งใจงดงามยิ่ง
บทที่ 1148 ผู้หญิงที่มีความตั้งใจงดงามยิ่ง
บทที่ 1148 ผู้หญิงที่มีความตั้งใจงดงามยิ่ง
หน้าที่เสี่ยวเถียนในงานคราวนี้หนักหน่วงมาก เธอต้องทำแต่เช้าถึงเย็น บางครั้งเย็นแล้วก็ยังมีงานต่ออีก
พวกซูเสี่ยวเถียนจึงพักอยู่ที่โรงแรม ไม่ได้กลับบ้าน
ในบรรดาพนักงานที่มาคราวนี้มีผู้หญิงสองคน คือซูเสี่ยวเถียนกับจานจิ้งอวิ๋น พวกเธอเลยพักห้องเดียวกัน
ซูเสี่ยวเถียนค่อนข้างชอบนิสัยของจานจิ้งอวิ๋น
พอได้อยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องห่วงจะเห็นแย้งแล้วละ
แล้วบังเอิญตรงที่จานจิ้งอวิ๋นก็พบว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้ฉลาดเป็นกรด เลยชื่นชมมากกว่าเดิมจนแทบผันตัวเป็นแฟนคลับแล้ว
“เธออาบน้ำก่อนเลย” เมื่อนึกถึงงานในตอนเช้า จานจิ้งอวิ๋นก็เอ่ยเร่ง
พอซักผ้าเสร็จเด็กสาวเดินออกมาจากห้องน้ำ ในขณะที่อีกคนดูทีวีอยู่
“พี่จิ้งอวิ๋น ฉันซักผ้าเสร็จแล้วค่ะ พี่รีบไปอาบเลยนะ” เธอว่าพลางเช็ดผม
จานจิ้งอวิ๋นพยักหน้ารับ ก่อนถืออุปกรณ์อาบน้ำเข้าห้องน้ำไป
ระหว่างที่เช็ดผมเกือบเสร็จ เธอก็หยิบหนังสือออกมาแล้วเปิดโคมไฟนั่งอ่าน
เธอมักใช้เวลาอ่านหนังสือทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว
และซูเสี่ยวเถียนแทบจะดำดิ่งสู่โลกนั้นโดยสมบูรณ์
เมื่อจานจิ้งอวิ๋นออกมา ภาพที่เห็นคือเด็กสาวนั่งอ่านหนังสืออย่างจริงจัง
เรื่องที่จะพูดพลันกลืนหายเข้าไปในลำคอ
อีกฝ่ายตั้งใจมากจนอายที่จะเข้าไปกวน
จานจิ้งอวิ๋นเดินไปนั่งเตียงเงียบ ๆ
เธอไม่กล้าแม้แต่จะดูทีวีเลย ตอนนี้เลยรู้สึกเบื่อหน่าย
อยากจะอ่านหนังสือแต่ดันไม่ได้เอามาอีก
อยากจะถามน้องว่าได้เอาหนังสือมาด้วยไหม แต่เห็นความตั้งใจเลยไม่กล้าพูดอะไร
ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้ตระหนักสิ่งรอบข้างเลย
เธอได้ยินเสียงจานจิ้งอวิ๋นออกมา ทว่าไม่ได้ยินเสียงอื่น
พอหันไปมองก็เจอคนพี่นั่งเงียบบนเตียงด้วยความงุนงง
“ไม่ดูทีวีหรือคะ?”
“ฉันเห็นเธออ่านหนังสือน่ะ เลยคิดอยู่ว่าจะอ่านหนังสือดีไหม แต่หาไม่เจอสักเล่มเลยน่ะ” จานจิ้งอวิ๋นยิ้มเขิน ๆ
“ฉันมีหนังสืออยู่นะคะ อยากอ่านไหมคะ?”
“ตอนนี้เธออ่านอะไรอยู่หรือ?”
ซูเสี่ยวเถียนยื่นหนังสือในมือให้
จานจิ้งอวิ๋นเปิดดูพลันรู้สึกเวียนหัว
ภาษาเยอรมันทั้งเล่ม เหมือนจะเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ด้วย เธอจำศัพท์ได้ไม่เท่าไรจึงทนอ่านไม่ไหวจริง ๆ
เข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้เก่งขนาดนี้
“ปกติอ่านงานต้นฉบับตลอดเลยหรือ?” เธอคืนกลับไปด้วยความใจเย็น
ทนอ่านไม่ไหวจริง ๆ ช่างมันแล้วกัน!
“อ่านเป็นบางครั้งค่ะ”
“แต่ว่ามันเป็นหนังสือเศรษฐศาสตร์นะ ไม่เกี่ยวกับงานแปลเราเลยนี่นา”
“แค่อ่านเฉย ๆ ค่ะ เรียนรู้เพิ่มมันก็ไม่ได้แย่อะไร อีกอย่างฉันตั้งใจจะทำธุรกิจด้วยค่ะ”
ซูเสี่ยวเถียนเก็บหนังสือใส่กระเป๋า แล้วมานั่งคุยกับคนอายุมากกว่าที่เตียง
ประโยคนั้นเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าเกิดขึ้นในหัวคนฟัง
“เธอจะทำธุรกิจหรือ?” จานจิ้งอวิ๋นไม่อยากเชื่อ
เพราะในกระทรวงมีข่าวลือว่าเด็กคนนี้จะได้ทำงานที่นี่ แล้วทำไมถึงบอกจะทำธุรกิจล่ะ?
นี่มันอะไรกัน?
ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้า
เธออยากทำธุรกิจเอง ทำไมจิ้งอวิ๋นต้องตกใจขนาดนั้น?
สมัยนี้คนทำกันเยอะแยะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ!
อีกอย่างคนในกระทรวงมีประสบการณ์มากล้น เรื่องแค่นี้ต้องตกอกตกใจด้วยหรือ?
บ่ายวันต่อมาคือช่วงเวลาว่างของคณะผู้เยือน สองพี่น้องจึงมาหาซูเสี่ยวเถียน
พวกเขาบอกว่าอยากไปกินข้าวที่หออีหมิง
“แต่คุณย่าฉันอายุมากแล้วนะคะ ตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่ร้านแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันต้องโทรไปบอกท่านก่อน”
ปีที่ผ่านมาพี่สี่น่าจะติดต่อคริสติน่าเยอะ ชวนมากินข้าวด้วยดีกว่า
ว่าไปพี่เขาก็เรียนเยอรมันมาพักหนึ่งแล้วนี่นา ไม่รู้ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว
สองพี่น้องรู้สึกเคอะเขิน
คุณย่าซูไม่ได้ดูแลหออีหมิงแล้ว คำขอเราท่าจะมากเกินไปหน่อย
“ที่รัก ฉันว่าไม่เป็นไรดีกว่า” คริสติน่ามองพี่ชายแล้วพูด
“แต่ถ้าย่าฉันรู้ว่าพวกคุณจะมาหาท่านต้องมีความสุขแน่ ๆ ค่ะ!”
ล้อกันเล่นแล้ว ซูเสี่ยวเถียนชอบคริสติน่ามาก และหวังว่าอีกฝ่ายจะได้มาเป็นพี่สะใภ้ด้วย
โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ควรปล่อยหลุดมือหรอกนะ
เธอรู้อยู่แล้วว่าคริสติน่าเป็นขุนนางชาวเยอรมัน โอกาสเดินทางมาแต่งงานที่จีนมีความเป็นไปได้น้อย แต่เรื่องพวกนี้ต้องลองดูถึงจะรู้น่ะสิ
ถ้าทำได้ล่ะ?
ภรรยาที่เหมาะกับพี่สี่ผู้คลั่งไคล้การหาเงินมันหายากมากนะ
สุดท้ายสองพี่น้องก็เดินทางตามซูเสี่ยวเถียนไปยังหออีหมิง
ตอนที่ไปถึงยังหัววันอยู่ อาหารเย็นยังไม่เริ่มเลย
ซูเสี่ยวเถียนเชิญพวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัว
อย่างที่คาดเอาไว้ หญิงชรามาถึงร้านแล้วพร้อมผ้ากันเปื้อนและทำอาหารอย่างขะมักเขม้น
เมื่อรู้ว่าคริสติน่ามา ท่านเลยหาเวลามาที่ห้องส่วนตัว
“สวัสดีค่ะคุณย่า เราพบกันอีกแล้วนะคะ ฉันคิดถึงคุณมาก ๆ เลยค่ะ” หญิงสาววิ่งเข้าไปกอด
หญิงชราทึ่งกับท่าทางเธอเหลือเกิน
ซูเสี่ยวเถียนรีบแปลให้ฟัง
“โถ่ ๆ ย่าก็คิดถึงหนูเหมือนกันจ้ะ เห็นครั้งแรกก็ชอบแล้ว เป็นเด็กที่ร่าเริงจังเลยน้า!”
ถึงจะเกินรับมือไปหน่อย แต่พออายุมากขึ้นไปแล้วกลับชอบเด็กผู้หญิงที่นิสัยแบบนี้มากเลย
เพราะงั้นคุณย่าเลยชอบคริสติน่ามาก
ซูเสี่ยวเถียนแปล
แม้พูดคนละภาษาแต่คุยได้ไหลลื่นเพราะได้ซูเสี่ยวเถียนช่วยแปลให้
คริสติน่ามอบของขวัญให้หญิงชรา เป็นชุดที่ผลิตในโรงงานของครอบครัวเธอเอง
“ไอหยา ชุดสดใสแบบนี้ย่าใส่ไม่ได้หรอก ถ้าคนอื่นมาเห็นคงว่าย่าเป็นพวกปีศาจเฒ่าแน่ ๆ”
ต่อให้พูดปฏิเสธ แต่รอยยิ้มกลับไม่จางหายเลย
ซูเสี่ยวเถียนขบขัน
คริสติน่ากล่าว “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ ด้วยวัยคุณย่ายังใส่เหมาะอยู่นะคะ คนรุ่นเดียวกับคุณย่าที่เยอรมนีใส่กระโปรงแบบนี้สวยกันมากเลยนะคะ”
ตอนคริสติน่าเห็นกระโปรงนี้ครั้งแรก เธอก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณย่าซูมาก แต่ลืมไปว่าด้วยวัฒนธรรมของทั้งสองแตกต่างกัน
ที่เยอรมนี ผู้สูงอายุรุ่นคุณย่าซูใส่กันทั้งนั้น
ทว่านี่คือประเทศจีน ระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมามีแค่สีขาว สีดำ สีน้ำเงิน และสีเทาเป็นสีที่โดดเด่น เพิ่งมีช่วงสองสามปีนี้ที่เพิ่งมีสีสันกับเขาบ้าง
จะมีก็แต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ใส่เสื้อผ้าหรูหรา ส่วนหญิงชราไม่ค่อยใส่กระโปรงเท่าไร
คุณย่าซูมีความสุขมากที่ได้ของขวัญ ท่านเอ่ยขอบคุณด้วยความจริงใจ
ระหว่างคุยกันอย่างสนุกสนาน นักธุรกิจผู้มากความสำเร็จอย่างซูเสี่ยวซื่อก็ได้ปรากฏตัวขึ้น