เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1161 ล้มตัวลงนอนหัวก็ถึงหมอน*[1]
บทที่ 1161 ล้มตัวลงนอนหัวก็ถึงหมอน*[1]
เมื่อรู้ว่าซูเสี่ยวเถียนไม่ได้เว้นเรื่องเงินกับตน สีหน้าของหูเสี่ยวเหลียนจึงดีขึ้นเยอะ
เธอเป็นคนที่เข็มแข็งมาก ยิ่งชีวิตตอนนี้ลำบากยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นไปอีก กลัวว่าการเอาเปรียบจะทำให้โดนดูถูก
“ไม่ได้หรอกเสี่ยวเถียน ราคาเท่าไรฉันก็ต้องจ่ายเท่านั้น”
สถานที่ดี ๆ แบบนี้ ไหนจะยังแบ่งพื้นที่อีกครึ่งให้ตนเช่าอีก ค่าเช่าก็ไม่คิดแล้วจะมีหน้ามาตั้งแผงได้ยังไง?
ซูเสี่ยวเถียนยิ้มบาง “ตอนคนอื่นมาเช่าฉันก็ให้ส่วนลดพวกเขานะ ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองถามพวกเขาได้ค่ะ”
เธอลดก็เพื่อเรียกลูกค้าเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นตอนนี้ทำไม่ได้อีกแล้ว
จูหลานฮวาเข้าใจความนัยที่หลานสาวจะสื่อ เลยตอบทันควัน “ใช่แล้วจ้ะ น้องไม่ต้องคิดมากนะ ตอนนั้นเสี่ยวเถียนให้ส่วนลดเราเยอะเลย”
พอมีคนเป็นพยาน ก็ทราบว่าตนไม่ใช่คนได้ประโยชน์เพียงคนเดียวจึงโล่งใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอก เสี่ยวเถียนไม่ใช่คนเอาเปรียบใคร ผ่านเดือนแรกไปเริ่มเดือนที่สองก็ต้องจ่ายค่าเช่าแล้วจ้ะ”
จูหลานฮวาตั้งใจใช้น้ำเสียงสบาย ๆ และเชิญชวน
แม้ไม่รู้จักกัน หรือไม่รู้สถานการณ์ของอีกฝ่าย
แต่เดาได้ว่าชีวิตที่ผ่านมาคงลำบากไม่น้อย หากเสี่ยวเถียนอยากช่วยก็ต้องคอยดูแลอยู่แล้ว
หลานบอกเสมอว่าการมีน้ำใจต่อผู้อื่นคือสิ่งสำคัญยิ่ง หากทุกคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ชีวิตจะง่ายขึ้นมาก
หูเสี่ยวเหลียนโล่งใจอีกครั้ง
พอเห็นลูกค้าแบบนี้ตนจึงตัดสินใจที่จะตั้งแผงขายของที่นี่ ธุรกิจดีกว่าตั้งขายข้างทางเสียอีก
แต่ยังไงก็ต้องคุยกับลูกก่อน
“ต้าหนิว เอ้อร์หนิว พวกหนูชอบที่นี่ไหมลูก?” คนเป็นแม่ถามเด็ก ๆ ด้วยชื่อเล่น
หูเหวินอินพยักหน้า
“หนูชอบค่ะ คนเยอะมากเลย ต้องขายดีมากแน่ ๆ ค่ะ”
หูเหวินจวินไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่จากน้ำเสียงพี่สาวและมารดาบอกได้ว่าพวกเขาชอบที่นี่
เธอเลยไม่ได้คิดอะไรเยอะ ถ้าแม่กับพี่ชอบตนก็ชอบด้วย
สาวน้อยจึงพยักหน้าอย่างเหนียมอาย “แม่จ๋า พวกเราจะขายของที่นี่ใช่ไหม?”
“ถ้าเหวินจวินชอบเราจะขายของที่นี่กันนะ แต่ว่าต้องเชื่อฟังแม่ด้วยนะ เวลาแม่ทำงานอย่าวิ่งเล่นไปมา ต้องนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างหลัง เข้าใจหรือเปล่า?”
ซูเสี่ยวเถียนไม่รีรอเอ่ยสอนทันที
ต่อให้อยู่ในร้านจะปลอดภัยกว่าข้างนอก
แต่มันเป็นสถานที่ซึ่งมีคนเข้าออกตลอดเวลา หากเกิดอะไรขึ้นคนเป็นแม่ไม่ขาดใจตายหรอกหรือ?
สองสาวพยักหน้าเข้าใจ
“พี่สาวไม่ต้องห่วงนะ หนูจะช่วยแม่ทำงาน และช่วยดูน้องด้วยค่ะ!”
ซูเสี่ยวเถียนทอดถอนใจที่เด็กหกขวบมีไหวพริบขนาดนี้
ต่อให้มีพ่อแบบนั้น แต่โชคดีที่มีแม่ดี เลยทำให้ลูกไม่กลายเป็นคนคดโกงใคร
“ในเมื่อต้าหนิว เอ้อร์หนิวชอบ ฉันจะทำธุรกิจที่นี่จ้ะ”
จากนั้นก็ถามต่อ “แล้วค่าเช่าที่นี่สูงมากเลยหรือ?”
“ค่าเช่าทั้งแผงเดือนหนึ่งแปดสิบหยวนค่ะ แต่พี่เช่าแค่ครึ่งแผงจึงราคาแค่สี่สิบหยวนเท่านั้นค่ะ”
“นอกจากนี้ยังต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าทำความสะอาดรายเดือนรวมเก้าสิบหยวน เท่ากับร้านอื่น ๆ พี่หูเห็นด้วยหรือเปล่าคะ?”
ที่ราคาเท่ากับทุกคนเพราะเห็นว่าร้านหูเสี่ยวหลานขายน้ำ ลูกค้าน่าจะเยอะ ถ้าค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเพื่อน คนอื่นจะไม่พอใจเอา
จ่ายให้เท่า ๆ กันไปเลยตัดปัญหา
หากน้ำในถ้วยไม่เท่ากันอนาคตจะเกิดปัญหาเอา
หูเสี่ยวเหลียนได้ยินราคาก็ลังเลขึ้นมา
เดือนละห้าสิบหยวนเลยนะ ถ้าวันหนึ่งขายได้แค่สามหยวน เดือนหนึ่งมากสุดจะเหลือเงินแค่สามสิบหยวนเองนะ ไม่รู้จะพอให้เราสามแม่ลูกใช้กินหรือเปล่า
แต่ไม่เปิดร้านที่นี่ไม่ได้ เพราะเธอต้องจ่ายค่าเช่าบ้านด้วย
“ห้าสิบหยวนสองสามวันก็หาได้แล้วจ้ะ”
จูหลานฮวาเห็นความลังเลจึงพูดเพิ่มความมั่นใจให้
ทว่าหูเสี่ยวเหลียนยังคงเป็นกังวล
คนอื่นขายดี แต่เธอไม่อาจทำได้ดีเท่าเขา
แถมที่นี่ขายแต่อาหาร ส่วนตนขายแค่น้ำหวานเอง ลำบากยากแค้นด้วย คงขายไม่ดีเท่าเขา
แต่สภาพแวดล้อมมันดีกว่าไปตั้งร้านข้างทางเสียอีก ดูแลลูกสะดวกด้วย
สุดท้ายหูเสี่ยวเหลียนก็ตัดสินใจจะเปิดร้านที่นี่ แต่วันนี้ยังไม่ได้วางแผนที่จะเปิดทันที
กำลังคิดอยู่ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง
ที่จริงไม่มีอะไรมากหรอก
ข้าวของจำเป็นมีหมดแล้ว เหลือแค่ย้ายมาเท่านั้นเอง
แต่ถ้าลูกค้าเยอะ ถ้วยกับช้อนจะไม่พอเอา
หลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลาย สามแม่ลูกเดินไปคุยกับจูหลานฮวาต่อ
เพราะบ้านเช่าไกลจากที่ร้าน เดินทางไกลทุกวันคงไม่สะดวก
หาที่พักใกล้ ๆ ดีกว่า
แต่ไม่คุ้นเคยกับที่นี่เลยเนี่ยสิ
“ถ้ากำลังหาบ้านเช่าเธอถามถูกคนแล้วละ บ้านที่ฉันเคยเช่ากำลังว่างน่ะ ไม่ได้ใหญ่มากแต่พอให้สามแม่ลูกอยู่แน่นอน”
บังเอิญอะไรแบบนี้?
หูเสี่ยวเหลียนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก
“จริงหรือคะคุณป้า? งั้นรบกวนถามหน่อยค่ะว่าเดือนละเท่าไร! สะดวกไปดูกับฉันไหมคะ?”
จูหลานฮวาตอบทีละคำถาม
บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่จูหลานฮวาเคยเช่ามาก่อน แต่ตอนนี้ซื้อเรือนหลังใหญ่แล้ว กำลังจะย้ายออกไป เจ้าของบ้านเลยหาคนเช่าอยู่
พอรู้แบบนั้น หูเสี่ยวเหลียนรู้ได้ทันทีว่าเชื่อถือได้
แถมคุณป้ายังดูสนิทกับซูเสี่ยวเถียนด้วย เธอดูออกเลยว่าท่านเป็นคนใจดีมาก ๆ
ทีแรกจูหลานฮวาตั้งใจจะพาไป แต่ลูกค้ากำลังเยอะเลยบอกให้อีกฝ่ายรอก่อน รอช่วงบ่ายหากคนน้อยแล้วจะพาไป
“คุณป้าพาไปเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูช่วยดูร้านให้เอง!”
จูหลานฮวายิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ จะเข้าใจหรือ…”
ไม่ทันพูดจบก็นึกได้ว่าตนเรียนวิธีการทำมาจากซูเสี่ยวเถียน
เลยตบหัวเขิน ๆ แล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก
“ไม่อยากให้มันช้าน่ะค่ะ วันนี้หนูว่างพอดี ป้าไปทำธุระเถอะ”
“งั้นเราไปกัน ได้เสี่ยวเถียนช่วยดูค่อยวางใจหน่อย”
ทั้งสองใช้เวลาไม่นาน แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ซูเสี่ยวเถียนรู้จักที่นี่อยู่แล้ว เดินแค่สิบนาทีก็ถึงที่หมาย เดินไปดูเลยไม่ดีกว่าเรอะ?
“เป็นยังไงบ้างคะ? ตัดสินใจได้ไหม?” เธอถาม
“เราคุยกันว่าถ้าไม่เปลี่ยนใจ ก็เก็บค่าเช่าค่าน้ำตามที่ป้าเคยจ่ายเลยน่ะ”
จูหลานฮวาสวมผ้ากันเปื้อนและหมวกอีกครั้ง
“ว่าไปก็โชคดีอยู่นะ เสี่ยวเหลียนล้มตัวนอนหัวก็ถึงหมอนพอดีเลย”
เพิ่งจะย้ายออกมาเมื่อวาน ไม่ให้ดีอย่างที่ว่าได้ยังไงกัน?
ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยถามว่ามีเรื่องอื่นอะไรอีกหรือเปล่า
เพราะตนอยากกลับบ้านไปเขียนแผนงานต่อ
“เจ้านายไปทำธุระต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันต้องไปเก็บข้าวของพรุ่งนี้จะได้เปิดร้านกันเลย!”