เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1164 ตรงไปตรงมา
บทที่ 1164 ตรงไปตรงมา
จ้าวหงเหมยกำลังจะเรียนจบ ที่บ้านจึงเป็นห่วงเรื่องงานแต่งงานมาก
ไม่สิ! ต้องบอกว่าที่บ้านให้เธอกลับบ้านไปดูตัวหลายครั้งแล้ว
แม่บอกพอเรียนจบเธอจะมีอายุยี่สิบสองปี ถ้าไม่แต่งงานจะต้องเป็นสาวแก่แน่ ๆ
ด้วยอายุของตนหากไม่เจอคนที่พร้อมสร้างครอบครัวได้ คนดี ๆ จะไม่เหลืออีกต่อไป
แต่จ้าวหงเหมยไม่เห็นด้วยสักนิด
คนอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยก็อายุเท่าตนทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครเป็นสาวแก่เลย
เพราะยังไงผู้ชายที่อายุเท่ากันก็ต้องรอเรียนจบมาแต่งงานอยู่ดี
ตามความคิดตนนั้นแม่ห่วงไม่เข้าเรื่อง
แต่ทำอะไรไม่ได้ ในฐานะลูกสาวจึงทำได้แค่เชื่อฟังเท่านั้น
ถ้าหาคนที่ชอบได้จะดีมาก
“เขาเป็นคนดีนะ แต่ติดปัญหาอยู่นิดหน่อยเนี่ยสิ” ซูเสี่ยวเถียนไม่คิดปิดบัง
“มีอะไรหรือ? หรือลืมคนรักเก่าที่ตายไปไม่ได้?” จ้าวหงเหมยดูจะไม่ได้ใส่ใจสักนิด
ซูเสี่ยวเถียนถึงกับสำลัก
มองเป็นเหตุการณ์นองเลือดได้ยังไงเนี่ย?
“ไม่ใช่!”
“ถ้าเรื่องเยอะก็ช่างมัน ต่อให้หน้าตาดีแต่ฉันคงแสร้งเป็นตัวแทนคนอื่นไม่ได้หรอกมั้ง?”
“คือพี่สะใภ้ของกู้เฉิงเซวียนเขามีญาติอยู่คนหนึ่ง แล้วก็ชอบพี่กู้ด้วย อยากแต่งงานด้วยใจแทบขาด”
เธอจ้องเพื่อนโดยไม่ละสายตา
สีหน้าจ้าวหงเหมยปกติมาก ไม่มีความตื่นเต้นใด ๆ
สิ่งนี้เลยทำเธอไม่เข้าใจนิดหน่อย
จ้าวหงเหมยเล่นแก้วน้ำในมือ “แล้วนิสัยใจคอกู้เฉิงเซวียนเป็นไง?”
ไอ้เรื่องมีคนอื่นมาพัวพันด้วยเป็นปัญหาที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่จ้าวหงเหมยสนใจรูปร่างหน้าตาต่างหากเลยอยากลองดู
ข้อสันนิษฐานที่ได้มาคือกู้เฉิงเซวียนไม่สนใจญาติคนนั้นเลย
หากเจ้าตัวแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ต่อให้หน้าตาดีกว่าล้านเท่าจะขอยอมแพ้ทันที
“ไม่ใช่ไม่ชอบเฉย ๆ นะ แต่เขาไม่ยอมกลับบ้านเลยเพื่อหนีปัญหาที่จะต้องเจอนี่แหละ”
จ้าวหงเหมยค่อนข้างพอใจ
“งั้นก็ลองมาเจอสักหน่อยแล้วกัน ไม่แน่นะ การไม่ชอบญาติคนนั้นอะไรนั่นอาจจะไม่ชอบฉันด้วยก็ได้!”
คนหล่อ ๆ จะมีความทะนงตนเป็นของตัวเอง
หลังจากคุยเสร็จ ชุยถงหลานและกู้เฉิงเซวียนก็เดินทางมาถึง
แขกทั้งสองกินข้าวแล้ว บวกกับไม่ใช่เวลากินข้าวด้วยจึงพาขึ้นไปดื่มชากันที่ชั้นบนทันที
เหลียงซิ่วฝากพนักงานขึ้นมาเสิร์ฟผลไม้
ยุคนี้ไม่ค่อยมีผลไม้ขายมากนัก แต่เพราะมีซูเสี่ยวเถียนอยู่ด้วยเราจึงได้กินกันบ่อย ๆ
ดูสิ! ทั้งเชอร์รีทั้งสตรอว์เบอร์รี แค่เห็นก็โดนล่อลวงแล้ว
“ดูผลไม้พวกนี้สิ ที่บ้านเธอซื้อจากไหนหรือเสี่ยวเถียน?”
คงดีถ้าซื้อให้ลูกชายกินได้ด้วย
“เมื่อวานหนูเจอผู้ชายคนหนึ่งเข็นรถมาขายอยู่ริมถนนค่ะ ก็เลยซื้อมาสองตะกร้าใหญ่ ๆ เลย”
เมื่อวานหลังเลิกงานเธอหิ้วกลับมาบ้านด้วย แล้วก็อ้างเหตุผลนี้แหละ
มันไม่ใช่ผลไม้ที่อายุยาวนัก เลยแบ่งส่วนหนึ่งให้สองสามีภรรยาตู้ ส่วนที่เหลือเก็บไว้กินที่บ้าน
และเพื่อไม่ให้มันเสียเลยแอบใส่ไว้ในช่องเก็บของ เพื่อรักษาความสดใหม่เอาไว้
ผลไม้ที่เสิร์ฟให้ในตอนนี้จึงสดมาก
ชุยถงหลานผิดหวังนิดหน่อย
คงเป็นเกษตรกรที่อยู่ใกล้ ๆ เมืองหลวงเอามาขายแน่เลย หายากด้วย
เพราะถ้าไม่มีแหล่งที่มาแน่นอน เราคงไม่พลิกแผ่นดินเมืองหลวงหาหรอกมั้ง?
“เมื่อวานหนูซื้อมาเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวห่อไปให้นะ จะได้ให้ผู้ใหญ่กับเด็ก ๆ ที่บ้านกินค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนรู้ว่าตลาดในตอนนี้ไม่นิยมเอามาขายกัน
จะใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนนู่นแหละ
อีกอย่างรอบ ๆ เมืองหลวงมีเกษตรกรบางส่วนที่รับผิดชอบด้านนี้เป็นพิเศษด้วย ถึงขายออกตลาดได้แต่คนธรรมดาซื้อได้ที่ไหนล่ะ
เพราะอย่างนั้นผลไม้ที่ได้กินส่วนใหญ่คือของที่ใช้แต้มไปแลกมา
การได้แต้มไม่ใช่ได้กันง่าย ๆ เธอใช้เท่าที่จำเป็น แล้วก็จะไม่ใช่มันแลกเอามาขายด้วย
บ้านเรามีเงิน!
การกินผลไม้ดีต่อสุขภาพ เธอเลยแนะนำให้ที่บ้านกินบ่อย ๆ
ตอนแรกพวกเขาก็ไม่สบายใจที่ต้องกินของแพง ๆ ทุกวันหรอก
แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับชินชาเสียแล้ว
คุณปู่คุณย่าไม่เสียดายเงินที่ใช้ซื้ออีกเหมือนกัน
ระหว่างคุยกันเราแอบมองสองคนที่เหลือ
เพราะพวกเขาคือจุดประสงค์หลักในวันนี้
แต่สองหนุ่มสาวเอาแต่นั่งนิ่งมองหน้าเสียอย่างนั้น
“พี่กู้กับหงเหมยเคยเจอกันแล้วนี่นา ไม่คุยกันสักหน่อยล่ะ? หรือรอให้แนะนำให้อีกรอบ?” ซูเสี่ยวเถียนแหย่เล่น
“เสี่ยวเถียน สตรอว์เบอร์รีอร่อยมากเลย ห่อให้พี่ด้วยสิ เจ้าแสบที่บ้านต้องชอบแน่!”
ชุยถงหลานเข้าใจสถานการณ์ดี เลยคว้ามือเด็กสาวแล้วลากออกมาจากห้อง
ตอนนั้นเองที่ซูเสี่ยวเถียนเพิ่งตระหนักได้ เพราะมีคนอยู่ด้วยทั้งสองเลยขัดเขินที่จะคุยกัน
หลังจากอีกสองคนออกไป กู้เฉิงเซวียนถึงได้เอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับ คุณชื่อจ้าวหงเหมยใช่ไหม? ให้ผมเรียกคุณว่าสหายหงเหมยหรือคุณหงเหมยดีล่ะ?”
“ถ้าไม่รังเกียจก็เรียกหงเหมยเถอะค่ะ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ สหงสหายอะไรกัน ดูแปลก ๆ มากเลยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
เห็นท่าทีแบบนั้น กู้เฉิงเซวียนก็ชอบมาก
ผู้หญิงคนนี้ใช้ได้ นิสัยตรงไปตรงมาด้วย!
“เข้าใจแล้วครับ งั้นผมจะเรียกคุณว่าหงเหมยแล้วกัน ส่วนจุดประสงค์ที่เราพบกันวันนี้คุณคงทราบแล้ว แต่มันมีปัญหานิดหน่อย ผมต้องบอกไว้ก่อนแล้วกันนะ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย
จ้าวหงเหมยอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
จากนั้นก็ได้ยินเรื่องราวที่ว่าญาติพี่สะใภ้มาอาศัยอยู่ที่บ้าน
แต่สีหน้าเขาดูคลุมเครือ ไม่ได้แสดงออกตรง ๆ เท่าไร
แน่นอนว่ามีสาเหตุ
หนึ่งคือ เราสองคนไม่สนิทกันเท่าเธอกับเสี่ยวเถียน
สองคือ ฝ่ายนั้นคือญาติพี่สะใภ้ พี่สะใภ้เป็นคนดี เขาไม่อยากให้พี่ต้องอับอายน่ะ
“แล้วใจคุณคิดยังไงคะ?”
ในเมื่อว่ากันตรง ๆ ตนก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเช่นกัน
ถึงเพื่อนจะบอกไว้แล้วว่ากู้เฉิงเซวียนไม่มีความคิดอะไรทำนองนั้น แต่อยากได้ยินจากปากเจ้าตัวจะได้สบายใจมากกว่า