เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1199 ชวี่จือป๋าย
บทที่ 1199 ชวี่จือป๋าย
บทที่ 1199 ชวี่จือป๋าย
ชวี่จือป๋ายอดชมไม่ได้ คุณซูเก่งจริง ๆ มีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจโดยแท้
แต่อดผิดหวังไม่ได้เมื่อทราบถึงเรื่องราวของเขา
เพราะทีแรกคิดว่าใช้ชื่อน้องซูจะต้องเป็นสาวน้อยน่ารักสักคน
กลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเสียอย่างนั้น เทียบกับชื่อน่ารัก ๆ อย่างน้องซูอะไรนั่นแล้วเขาไม่เข้าใจเท่าไร
จึงใคร่สงสัยว่ามีเหตุผลอะไรที่ตั้งชื่อนี้หรือเปล่า
อย่างเช่นตั้งเอาเคล็ด เพราะคนแก่ ๆ ว่าจะทำให้เลี้ยงง่ายน่ะ
โชคดีที่ซูเสี่ยวซื่อไม่รู้ว่าชวี่จือป๋ายคิดอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ตอบรับสัมภาษณ์หรอก!
เมื่อถึงเวลาที่นัดกันไว้ ชวี่จือป๋ายเตรียมเดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย
ที่นั่นคือเมืองอาหารว่างที่ซูเสี่ยวซื่อเป็นเจ้าของ
ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียน ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายลูกค้าไม่เยอะ และไม่ค่อยมีใครรบกวนจึงเหมาะแก่การสัมภาษณ์
ที่จริงชายหนุ่มตั้งใจจะนัดที่ร้านกาแฟ
สองปีนี้ร้านกาแฟเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การออกเดตและพูดคุยมาก
แต่คนทำงานนักข่าวอาจจะชอบบรรยากาศที่ดูธรรมดา ๆ เป็นกันเองมากกว่า
ชายหนุ่มตัดสินใจให้เขาได้ลองชิมชานม
ในเมื่อจะโฆษณาชานม นักข่าวก็ต้องชิมด้วย
ครั้นชวี่จือป๋ายเดินทางมากถึง ซูเสี่ยวซื่อก็รออยู่ที่โต๊ะตัวมุมแล้ว
ตอนนี้ในร้านมีลูกค้าไม่กี่โต๊ะ จึงไม่มีใครสนใจพวกเขา
“สวัสดีครับคุณซู ผมชื่อชวี่จือป๋าย นักข่าวจากหนังสือพิมพ์เมืองหลวงครับ!”
“สวัสดีครับ ผมชื่อซูซื่อเจี่ยน ยินดีที่ได้พบนะครับ!” ซูเสี่ยวซื่อยิ้มต้อนรับอีกฝ่าย
“เป็นผมต่างหากครับที่เป็นเกียรติได้สัมภาษณ์คุณ” ชวี่จือป๋ายยื่นมือออกไปจับด้วยท่าทางเคารพยิ่ง
ใจจริงชวี่จือป๋ายก็เคารพอีกฝ่ายมาก
ในฐานะคนรุ่นเดียวกัน คุณซูซื่อเจี่ยนเก่งกว่าเขาเยอะ
แม้เราจะเป็นนักข่าวที่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับซูซื่อเจี่ยนเขาไม่ได้เก่งขนาดนั้น
“ผมรู้จุดประสงค์ที่นักข่าวชวี่มาในวันนี้นะครับ คุณมาสัมภาษณ์เรื่องร้านชานม เพราะงั้นผมก็เลยสั่งให้คุณแล้วครับ”
ว่าจบก็มีคนนำเสิร์ฟให้ มันไม่ใช่แค่แก้วเดียว แต่เป็นแก้วเล็ก ๆ ที่มีหลายรสชาติบรรจุไว้
ชวี่จือป๋ายรู้สึกยินดีมากที่อีกฝ่ายให้เขาได้ชิม
ที่จริงตนเคยลองกินมาแล้วสองแก้ว แต่เนื่องด้วยราคาที่สูง มีหลายรสชาติมากเลยไม่ได้ลองกินรสอื่น ๆ เลย
“คุณซูใจดีมากครับ”
“คุณควรได้ชิมชานมของเราก่อน แล้วค่อยสัมภาษณ์ครับ”
ซูเสี่ยวซื่อยิ้มอย่างอบอุ่น ก่อนแนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จักแต่ละรสชาติ รวมถึงส่วนผสม
ชวี่จือป๋ายพลันรู้สึกละอายใจขึ้นมา
คุณซูจริงใจมาก ถึงขนาดบอกเรื่องส่วนผสมอย่างเปิดเผยได้ยังไงเนี่ย? ถ้าเกิดเขียนออกไปโดยไม่ทันระวังสูตรพวกเขาคงไม่รั่วไหลใช่ไหม?
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับครับ!”
หลังจากดื่มไปสองสามแก้ว ชวี่จือป๋ายจึงนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นได้ นั่นคือการสัมภาษณ์ซูซื่อเจี่ยน
“คุณซู ในเมืองหลวงพูดถึงร้านชานมน้องเล็กกันเยอะมาก คุณได้ยินมันบ้างหรือเปล่าครับ?”
“แน่นอนครับ ผมดีใจมากที่มีคนให้ความสนใจมากขนาดนี้ โดยส่วนตัวผมคิดว่าการที่ทำให้พวกเขาสามารถสนใจได้ แสดงว่ามาตรฐานค่าครองชีพของคนในบ้านเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ”
ชวี่จือป๋ายตกใจมาก แค่ร้านชานมมันทำให้มองเห็นได้ถึงตรงนั้นเลยหรือ?
แต่ก็ไม่แปลก
เพราะถ้ามาตรฐานค่าครองชีพยังเท่าเดิม คงไม่มีใครเจียดเงินซื้อหรอก
หลายคนแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ขอแค่มีกินมีเสื้อผ้าใส่ก็พอ แต่ตอนนี้การได้ดื่มชานมสักแก้วก็แสดงถึงคุณภาพที่ชีวิตที่ดีขึ้นได้แล้ว
เพราะมันไม่เหมือนกับน้ำเปล่าดับกระหาย แต่เป็นน้ำที่มีรสหวานและเข้มข้น
“คุณซูพูดถูกครับ” ชวี่จือป๋ายพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมเองก็เชื่อว่าคุณซูคงรู้เรื่องนี้เช่นกัน ร้านของคุณมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือมีเคาน์เตอร์เท่านั้น ไม่มีพื้นที่รอ หรือม้านั่งให้ลูกค้าเลย”
เป็นคำถามที่ตรงมาก และสายตาของนักข่าวชวี่จดจ้องอีกฝ่ายครู่หนึ่งราวกับกลัวจะพลาดสีหน้าของชายหนุ่มไป
นี่คือเรื่องสำคัญที่ทุกคนใส่ใจ
ซูเสี่ยวซื่อกลอกตา พูดจาตรงขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย?
“นักข่าวชวี่ไม่เคยทำธุรกิจใช่ไหมครับ?”