เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 121 ทำฟาร์มไก่
บทที่ 121 ทำฟาร์มไก่
“ลุงหัวหน้าคะ การปลูกพืชผลต้องใช้พรสวรรค์นะ!”
สาวน้อยโบกมือแสดงท่าทาง คำพูดคำจาโอ้อวดทำเอาซูฉางจิ่วอดหัวเราะลั่นไม่ได้
“สาวน้อย เธอคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะจริง ๆ หรือ?”
“ไม่ได้หรือคะ? ลุงหัวหน้า ลุงจะสามารถหาเด็กอีกคนที่ชาญฉลาดเหมือนหนูในชุมชนได้อีกหรือคะ?”
หัวหน้าซูหัวเราะอย่างร่าเริง
ไม่ต่างไปจากที่ซูฉางจิ่วคาดไว้ เมื่อคนในชุมชนรู้ว่าปีนี้ผลผลิตของพวกเราเยอะ หัวหน้าก็จะแบ่งธัญพืชให้กับคนคอกวัวเหมือนกันด้วย และพวกเขาไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
เพราะในใจรู้ชัดว่าที่เก็บเกี่ยวพืชผลในปีนี้ได้มากขึ้น เป็นเพราะผู้เฒ่าตู้คนจากคอกวัวมีส่วนช่วยไม่น้อย
ว่ากันว่าคนผู้นั้นเองก็เป็นชาวไร่ชาวนาด้วยเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ถูกขังอยู่ในคอกวัวได้
หลังจากที่เสี่ยวเถียนมั่นใจกับผลผลิตจำนวนมากเป็นพิเศษ จึงรู้สึกว่าเธอควรทำอะไรสักอย่าง และแล้วเธอก็จำเรื่องภารกิจสร้างโชคลาภให้ครอบครัวที่ตัวเองได้รับขึ้นมาได้ ก่อนจะคิดว่าโอกาสที่ใช่อาจมาถึงแล้ว
แต่ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าการจะสร้างโชคลาภให้กับครอบครัวเป็นไปไม่ได้
แล้วถ้าเป็นทั้งชุมชนแทนล่ะ? มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า?
เธอครุ่นคิดอย่างรอบคอบอยู่หลายวัน ตัดสินใจว่ากลับไปต้องไปคุยกับหัวหน้าซู
ถ้ามันเป็นไปได้ เธอจะต้องยิ่งคว้าโอกาสนี้ไว้ ไม่แน่ว่าพอถึงปีหน้าภารกิจนี้อาจจะเสร็จสิ้นแล้วก็ได้
แต่พอคิดว่าต้องใช้เวลานานขนาดนั้นถึงจะทำภารกิจเสร็จสิ้น ซูเสี่ยวเถียนถึงกับหลั่งน้ำตา!
จะมีใครเศร้าได้เท่าเธออีกเล่า แค่ภารกิจเดียวก็ใช้เวลาหนึ่งถึงสองปี
ความเร็วแบบนี้ ต่อให้เธอใช้เวลาทั้งชีวิตก็ทำได้ไม่กี่ภารกิจหรอก!
ระบบอันนี้มันหลอกลวงกันหรือเปล่าเนี่ย?
ว่าแล้วก็ลงมือทำทันที ซูเสี่ยวเถียนก้าวตรงไปที่ทุ่งเพื่อไปหาซูฉางจิ่ว
“ลุงหัวหน้าคะ พวกเรามีธัญพืชแล้ว ลองมาหาวิธีเลี้ยงหมูกับไก่เพิ่มได้อีกไหมคะ?”
“สาวน้อยคิดอยากทำอะไร?” ซูฉางจิ่วถามเคล้ารอยยิ้ม
เด็กมีความสามารถแบบนี้ เขาน่ะชอบจังเลย!
ซูโส่วเวินเคยพูดไว้ว่าสาวน้อยคนนี้ปลูกพืชได้แล้ว ทั้งยังเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ได้อีกด้วย
คำพูดนี้เขาไม่ลืมหรอกนะ
เป็นไปได้ไหมว่าที่เด็กคนนี้คิดจะทำอะไรด้วยตัวเองอีก?
“ถ้าชุมชนมีฟาร์มเลี้ยงไก่ จะแก้ปัญหาไข่ไก่ไม่เพียงพอของชุมชนใหญ่กับอำเภอได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนถามด้วยรอยยิ้ม
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เธอได้เข้าไปอำเภออยู่หลายครั้ง เลยรู้ว่าความต้องการบริโภคไข่ของที่นั่นมีมากขนาดไหน?
มีหลายครั้งที่ต่อให้มีตั๋วไข่ไก่ในมือก็ซื้อไข่ไม่ได้
ขนาดอาเขยที่เป็นหัวหน้าอำเภอเองก็ยังมีช่วงที่ซื้อไข่ไม่ได้เลย
เพื่อบำรุงร่างกายอาใหญ่ คุณย่าเลยเก็บไข่ไว้เยอะประมาณหนึ่งแล้วคอยส่งไปให้
“การเลี้ยงไก่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าทางอำเภอเคยระดมพลมาก่อนหรอกนะ แต่มีตั้งสามชุมชนกาารผลิตที่เลี้ยงไก่ รวมถึงส่งไก่เข้าไปแล้วด้วย สุดท้ายก็ไม่เห็นจะมีใครเต็มใจทำ”
ชั่วขณะหนึ่งที่ซูฉางจิ่วลืมไปจริง ๆ ว่าซูเสี่ยวเถียนเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง แต่กลับพูดกับเธออย่างจริงจัง
แรกเริ่มผู้คนมากมายคิดว่าการเลี้ยงไก่นั้นง่าย ใครจะไปรู้ว่าเลี้ยงได้ไม่กี่เดือนก็ไม่เห็นประโยชน์อะไร แถมไก่ก็ตายอีกต่างหาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายได้อย่างไร ทั้งยังทำให้ไก่ของพวกชาวไร่ชาวนาในชุมชนเหนื่อยไปด้วย
“ลุงหัวหน้า ถ้าหนูมีวิธีดี ๆ ในการเลี้ยงไก่ ลุงจะยินดีดั้นด้นไปอำเภอเพื่อต่อสู้เอาพื้นที่เลี้ยงไก่มาที่หมู่บ้านไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนถามอย่างไม่แน่ใจ
หากซูฉางจิ่วเห็นด้วยและยอมต่อสู้เพื่อเรื่องนี้ มันจะต้องเป็นได้ผลแน่นอน แต่ถ้าซูฉางจิ่วไม่เห็นด้วย เธอก็คงจะต้องหาวิธีอื่นแล้ว
โชคดีที่ซูฉางจิ่วพูดทันทีว่าเรื่องนี้สามารถปรึกษาหารือกันได้
แต่เขาไม่รู้น่ะสิว่าบ้านซูมีไก่หกตัว แต่เก็บไข่ได้วันละหกฟอง ผลผลิตมากกว่าคนอื่นในชุมชนการผลิตมาก ถ้าบ้านซูสามารถถ่ายทอดวิธีการเลี้ยงไก่ให้สมาชิกคนอื่น ๆ ในชุมชนได้ เราจะประสบความสำเร็จแน่นอน
“เสี่ยวเถียน เธอรับประกันว่าไก่จะไม่ตายใช่ไหม?” ในที่สุดซูฉางจิ่วก็ถามอีกครั้ง
“ไม่ตายค่ะ ตราบใดที่ป้องกันได้ดี มันจะไม่ตายแน่นอน”
โรคระบาดจะเกิดขึ้นกับไก่ได้ง่าย แต่ถ้าสุขอนามัยดี มันก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
“ลุงหัวหน้าต้องไปลงชื่อทำฟาร์มไก่นะคะ แล้วหนูก็จะได้เอาวิธีการเลี้ยงไก่ไปแจกจ่ายให้คนในชุมชนค่ะ พอถึงสิ้นปีนี้ไม่เพียงแต่จะแบ่งธัญพืชได้นะคะ ยังแบ่งไข่ไก่และเงินได้ด้วย” ซูเสี่ยวเถียนตีเหล็กตอนที่ยังร้อน แล้วเกลี้ยกล่อมให้ชายคนนี้เข้าไปในหลุมต่อ
“เสี่ยวเถียน แล้วทำไมถึงไม่ทำฟาร์มหมูด้วยล่ะ” ซูฉางจิ่วถามเมื่อนึกถึงสิ่งที่ซูโส่วเวินพูดไว้ว่าเด็กหญิงจะเลี้ยงหมูด้วย
หมูสองตัวของบ้านซูก็เลี้ยงได้ดีมากเหมือนกัน พวกมันโตกว่าบ้านอื่นไม่น้อยเลย คาดว่าคงจะมีวิธีบางอย่างแน่ ๆ
ไข่ไก่ก็อร่อยนะ แต่ไม่อร่อยเท่าเนื้อหมูหรอก แถมเลี้ยงหมูก็ให้ผลกำไรมากกว่าการเลี้ยงไก่ด้วย
ซูเสี่ยวเถียนคาดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะยังมีความทะเยอทะยานเช่นนี้
การลงทุนทำฟาร์มหมูในช่วงแรกจะหนักกว่ามากและได้ผลช้า หากลงมือทำตอนนี้จะต้องรอถึงปีหน้าจึงจะเห็นผล
“ลุงหัวหน้า ลุงลงชื่อทำฟาร์มหมูได้ไหมคะ”
ซูฉางจิ่วครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า แต่ก็พยักหน้า
ซูเสี่ยวเถียนสับสน หมายความว่าอย่างไรเนี่ย? ส่ายหัวแล้วก็พยักหน้า มันแปลว่าได้หรือเปล่า?
“ฉันจะลองดูนะ เนื้อหมูขาดแคลนเหมือนกัน ไม่รู้ว่าชุมชนใหญ่จะอนุมัติหรือเปล่า” ซูฉางจิ่วหัวใจเต้นรัว
“ลุงหัวหน้าคะ เลี้ยงหมูก็ดีนะคะ แต่ได้ผลช้าเกินไป พวกเราควรเริ่มต้นจากการเลี้ยงไก่ก่อน รอให้ประสบความสำเร็จค่อยเริ่มเลี้ยงหมูก็ดีนะคะ”
ซูเสี่ยวเถียนให้คำแนะนำ
ต้องบอกเลยว่าซูฉางจิ่วเป็นคนที่เฉียบขาดและรวดเร็วจริง ๆ พอมีความคิดนี้ขึ้นมาก็รีบมุ่งหน้าไปชุมชนใหญ่ทันที
แต่การเดินทางในครั้งนี้ไม่ราบรื่นนัก
เมื่อเขามาถึงสำนักงานของผู้ดูแลเฉียนก็โดนด่าฉาดใหญ่
ซูฉางจิ่วที่โดนด่าสับสน เกิดอะไรขึ้น? ดูเหมือนช่วงนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ? ทำไมถึงโดนด่าได้เล่า?
“หัวหน้าซู คุณเป็นเจ้าหน้าที่เก่าแก่ของชุมชนใหญ่เรานะ ทำไมถึงสนใจแต่ผลประโยชน์ของชุมชนตัวเองล่ะ?”
“ผู้ดูแล ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”
“มีคนมารายงานว่าชุมชนของคุณเก็บเกี่ยวล่วงหน้าและปฏิเสธที่จะช่วยเหลือชุมชนอื่นด้วย การกระทำนี้ทำให้พวกเขาเสียหายหนัก” ผู้ดูแลเฉียนกล่าวว่า “ผมคิดจะเรียกคุณมา แต่ไม่นึกเลยว่าจะมาด้วยตัวเอง”
ซูฉางจิ่วรู้ทันทีว่าถูกคนรายงานจนทำให้เกิดเรื่องยากเสียแล้ว
ไม่ต้องคิดเยอะก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของคนในชุมชนการผลิตตงฟางหงและชุมชนการผลิตเซี่ยงหยาง ชุมชนการผลิตที่อยู่รอบด้านมีแค่สองแห่งนี้ที่เขาไม่ได้จัดคนไปช่วย
“ปรักปรำกันแล้วผู้ดูแล” ซูฉางจิ่วบ่นอุบอิบ
“อย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ พูดให้มันดี ๆ หน่อย” ผู้ดูแลเฉียนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ผู้ดูแล ชุมชนการผลิตหงซินเพิ่งได้รถไถเพิ่มเข้ามาในปีนี้ ความเร็วก็เลยเพิ่มขึ้น เราจึงทำเสร็จก่อนหนึ่งวันครับ”
ผู้ดูแลเฉียนทำเพียงแค่ฟัง หากแต่ไม่ได้พูดอะไร โชคดีที่ซูชางจิ่วยังได้แถลงไขออกมาตรง ๆ และไม่คิดจะฟังคำตอบของอีกฝ่ายด้วย
“ชุมชนเราเก็บเกี่ยวธัญพืชเข้าโกดังก่อนที่พายุฝนจะมา เพื่อให้เก็บได้ทันพวกเราเลยทำงานสามวันสองคืนเลย”
“ผู้ดูแลคงไม่เห็นว่าสมาชิกของผมยากลำบากกันแค่ไหน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าแล้ว ได้เห็นพวกเขาเป็นแบบนี้มันทำให้ผมปวดใจจริง ๆ” ซูฉางจิ่วหลั่งน้ำตาออกมาสองหยดหลังจากที่พูดจบ
“คุณเก็บพืชผลของคุณใส่โกดังไว้ล่วงหน้าจริง ๆ หรือ? ไม่สูญเสียเลย?” ผู้ดูแลเฉียนถาม