เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1230 เกือบพลาดท่า
บทที่ 1230 เกือบพลาดท่า
บทที่ 1230 เกือบพลาดท่า
ซูเสี่ยวเถียนคอยทำหน้าที่เป็นล่ามติดตามหัวหน้าทั้งสอง รูปลักษณ์ของเธอช่างน่าทึ่งไม่น้อย
โดยเฉพาะในวันที่แต่งหน้าอย่างจริงจัง ทำให้ดูแปลกตาและมีเสน่ห์มาก
แต่ซูเสี่ยวเถียนรู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างรูปลักษณ์และอารมณ์
เธอพยายามทำตัวให้กลมกลืนมากที่สุด และไม่เป็นจุดสนใจมากที่สุด
และระหว่างนั้นก็เห็นคนสองสามคนกำลังเดินวนเวียนไปมา เหมือนกำลังมองหาใครอยู่
เธอสนใจพวกเขา และยิ่งที่เป็นที่สังเกตเมื่อพวกเขาทำท่าเหมือนมองแต่ใบหน้าชาวเอเชีย
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าพวกมันกำลังตามหาเธอ
เด็กสาวจึงระวังตัวให้มากขึ้น คอยใกล้ชิดหัวหน้าเข้าไว้และทำตัวไม่โดดเด่น
รัฐมนตรีต้วนสังเกตเห็นแล้วเช่นกัน เขาเหลือบมองเด็กสาวอย่างมีนัย
เสี่ยวเถียนเข้าใจทันที
ไม่นานพวกเขาก็เดินหายไปกับฝูงคน
วันนี้มีคนมาเจรจากันเยอะไม่น้อย เจอแบบนี้ก็เหมือนน้ำที่หยดลงสู่ทะเลนั่นแหละ
ก่อนจะพบว่าคนพวกนั้นตามหาเธอจริง ๆ
เป็นกลุ่มเดียวกับคนร้ายในวันนั้นเลย
พวกมันมีแปดคน ห้าคนคอยปล้น สามคนที่เหลืออยู่ด้านนอก
แผนการแยบยลจริง ๆ เพราะรู้ว่าพวกตำรวจท้องถิ่นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบห้านาทีกว่าจะมาถึง
มีเวลาพอให้พวกมันหลบหนี แต่แม้ไม่พอก็ไม่ใช่ปัญหา เพียงอาศัยความชุลมุนหนีไปก็พอ
แต่สุดท้ายคนข้างในก็โดนจับทั้งหมด
คนข้างนอกไม่รู้สถานการณ์เลยได้แต่สับสน
คิดว่าวางแผนไม่ดีพอ พรรคพวกจึงโดนจับไปหมด
อยากจะยอมรับชะตากรรม แต่พรรคพวกโดนจับเลยต้องปกป้องเอาไว้
แต่แล้ววันต่อมาเรื่องราวกลับแย่ลง
พวกเขารู้เรื่องจากหนังสือพิมพ์วันนั้น สาเหตุที่เพื่อนโดนจับเพราะมีสาวชาวตะวันออกช่วยจับเอาไว้
ถึงไม่ใช่คนกล้าหาญแต่ไม่ยอมสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างไร้เหตุผลหรอก
เราไม่กล้าแค้นเคืองตำรวจ เลยตามหาผู้หญิงน่ารังเกียจนั่น
ถ้าไม่ใช่เพราะมัน เราก็คงรอดกันหมดแล้ว มีเงินใช้ชีวิต่อไป
แต่ทุกอย่างกลับต้องสูญเปล่า
จึงโกรธผู้หญิงคนนั้นไปโดยปริยาย
จากนั้นก็ตัดสินใจจะสั่งสอนบทเรียนมันซะ
ทว่าการตามหาตัวเธอไม่ใช่เรื่องง่าย
พวกเขาเก่งจริง ๆ เพราะรู้ว่าช่วงนี้มีคนจากหลากหลายประเทศเดินทางมาเข้าร่วมงานนิทรรศการ
ประเทศฝั่งตะวันออกก็มาด้วยเช่นกัน
พวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่ประเทศจีน
กังฟูตะวันออกมาจากประเทศจีน คนที่นั่นต้องรู้จักแน่
การที่ผู้หญิงคนนี้ช่วยตำรวจจับโจรได้ต้องเรียนรู้ทักษะมาแน่
แต่พบว่าในกลุ่มนั้นมีผู้หญิงสองคน และไม่ใช่คนที่ตามหาเลย
ต่างจากภาพถ่ายในหนังสือพิมพ์มาก
“เราจะทำยังไงกันดี สองคนนั้นไม่ใช่คนในรูปด้วยซ้ำ!” ชายร่างเตี้ยตาฟ้าเอ่ย
“เราอาจจะมองผิดแต่แรกก็ได้ คนจีนจนมากเลยไม่ใช่หรือ แล้วจะมีเงินไปร้านหรู ๆ ได้ยังไง?”
หลังจากที่ชายร่างสูงผมบลอนด์เอ่ยก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงมากเท่านั้น
มีใครไม่รู้เรื่องภาวะเศรษฐกิจประเทศจีนบ้างล่ะ?
ควรตั้งเป้าไปที่คนจากประเทศร่ำรวยมากกว่า
ต้องโดนทักษะการต่อสู้หลอกแน่ ๆ
คนจีนเข้าใจกังฟู แต่ไม่ได้หมายความว่าคนจากประเทศอื่นจะไม่เข้าใจเสียหน่อย
หลังจากหาอยู่นานก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ
พวกเขาหยิบหนังสือพิมพ์มาตรวจดูอีกครั้ง แต่ไม่พบอะไรเลย
“หรือไม่ได้มาจากคณะผู้แทน?”
สุดท้ายก็ตัดสินใจออกจากงาน
ซูเสี่ยวเถียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก การทดสอบการแต่งหน้าของเธอสิ้นสุดแล้ว
รัฐมนตรีต้วนจ้องเขม็ง “ยัยหนู รู้จักลำดับความสำคัญแล้วหรือ?”
ซูเสี่ยวเถียนยิ้มเขิน “หลังจากนี้จะไม่ประมาทแล้วค่ะ”
รอบนี้ไม่ระวังตัวจริง ๆ
อีกชั่วโมงถัดมา ทุกคนแยกย้ายไปทำงานได้อย่างสบายใจ
กระทั่งสี่โมงเย็น กิจกรรมหลักของงานนิทรรศการได้เริ่มต้นขึ้น
ทางผู้จัดงานประกาศหมดเวลาของการทำเสื้อผ้า
การแสดงอย่างเป็นทางการเริ่มตั้งแต่เวลาห้าโมง ระหว่างสี่โมงถึงห้ามองทางคณะผู้แทนจะต้องเตรียมตัวจัดแสดงเสียก่อน
รัฐมนตรีต้วนและรองหัวหน้าเหวยมีความสุขมาก
เนื้อผ้าโดดเด่น เสี่ยวเถียนทำหน้าที่ล่ามได้ดีมาก ไม่มีปัญหาอะไรเลย
หลังจากสร้างสัมพันธ์กับคณะผู้แทนอื่น ๆ เราก็ได้เซ็นสัญญาร่วมมือกัน
ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พรุ่งนี้คงได้ข้อสรุป
แต่ใช่ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนข้อตกลงได้นะ การจะบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่ได้นั้นล้วนขึ้นอยู่กับการจัดแสดงในวันพรุ่งนี้
“เสี่ยวเถียน วันนี้ทำได้ดีมากเลยนะ” รัฐมนตรีต้วนเอ่ยปากชม
ต้วนจื่อหมิงเข้าใจแล้วว่าทำไมกระทรวงต่างประเทศถึงส่งเด็กคนนี้มาร่วมงานนิทรรศการที่สำคัญนี้
ตอนนั้นคิดว่าไม่จริงจังเสียอีก
ไม่งั้นจะส่งเด็กคนนี้มาทำไมล่ะ?
แต่ช่วงหลายวันนี้เขาเริ่มสงสัยเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
เจ้าตัวไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ แทนที่ล่ามได้หลาย ๆ คนเลย
เขากำลังสงสัยว่ามีภาษาอะไรที่เธอไม่รู้อีก?
รัฐมนตรีต้วนแค่อดอทนรนใจเอาไว้ แต่รองหัวหน้าเหวยกลับเอ่ยถามตรง ๆ
“ซูเสี่ยวเถียน มีภาษาไหนที่คุณไม่รู้บ้างน่ะ?”
ซูเสี่ยวเถียนไม่รู้ต้องรู้สึกยังไง
เธอไปทำอะไรให้คนอื่นเขามองแบบนี้เนี่ย?
“มีสิคะ ฉันแค่มีความสามารถนิดหน่อยเองค่ะ เรียนเข้าใจง่ายกว่าคนอื่นเลยเรียนเพิ่มอีกสองภาษาค่ะ!”
ดีจริง ๆ ที่ยุคนี้ไม่มีคำว่า ‘แวร์ซาย’*[1]
รัฐมนตรีต้วนและรองหัวหน้าเหวยได้ยินเช่นนั้นก็พูดไม่ออก
เก่งจริง ๆ!
ในตอนที่กำลังจะเอ่ยกลับไป สายตาก็เห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบเข้ามาหาด้วยความเร่งรีบ
“รัฐมนตรีต้วนครับ เกิดเรื่องแล้ว!” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
รัฐมนตรีต้วนมองสีหน้าเคร่งขรึมของเขา ไม่น่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ แน่
เขาเอ่ยเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้น?”
[1] แวร์ซาย เป็นศัพท์วัยรุ่นยอดฮิตของจีน ในที่นี้มีความหมายว่า คนที่มีพฤติกรรมหรือลักษณะชอบอวดตน อวดข้าวของ ชีวิตอันหรูหราของตัวเอง