เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1240 ดูเหมาะสมกันนะ
บทที่ 1240 ดูเหมาะสมกันนะ
บทที่ 1240 ดูเหมาะสมกันนะ
หลังจากสนทนาอย่างมีความสุข พวกเขาก็ต่างแยกย้ายกันขึ้นรถ
รัฐมนตรีต้วนจัดแจงให้คนไปส่งซูเสี่ยวเถียนถึงบ้านพร้อมของขวัญพิเศษ
ในตอนนั้นคุณย่าซูกำลังรออยู่
พอได้ยินเสียงรถ ท่านก็รีบวิ่งออกไป ทันเห็นสาวน้อยกำลังขนข้าวขนของรถจากรถอยู่
“เสี่ยวเถียน หนูเอาของฝากจากห้างในต่างประเทศกลับมาหรือ?” หญิงชราประหลาดใจมาก
คนขับมองคนมาใหม่ด้วยความแปลกใจเช่นกัน
ไม่คิดว่าผู้เฒ่าผู้แก่จะรู้เรื่องห้างสรรพสินค้าด้วย
มันเป็นธุรกิจที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองปีนี้เองน่ะ ในจีนยังมีไม่ค่อยเยอะหรอก
“เป็นของขวัญที่คนอื่นให้มาค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะ”
พวกเธอต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าจะขนของเสร็จ
คุณย่าซูเชิญคนขับเข้ามาดื่มชาแต่เขาปฏิเสธ
ไม่นึกเลยว่าสาวน้อยที่ทำตัวธรรมดา ๆ จะมีฐานะเช่นนี้
สองปีที่ผ่านมาฐานะครอบครัวของทุกคนค่อย ๆ ดีขึ้น แต่มีไม่เยอะหรอกที่ฐานะทางบ้านเหมือนตระกูลซู มีโทรทัศน์ มีตู้เย็น คนกลุ่มนี้มีเงินมหาศาล
ไม่แปลกใจที่เก่งตั้งแต่ยังเด็ก ดูเหมือนครอบครัวนี้จะไม่ใช่คนธรรมดา ๆ สินะ
ฝ่ายคนขับปฏิเสธที่จะดื่มชา
หลังจากคุณปู่ซูและหลานชายเอ่ยขอบคุณ พวกเขาก็ออกไปส่งอีกฝ่ายด้วยความสุภาพ
ซูเสี่ยวเถียนเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งบนโซฟา
เหนื่อยจนไม่อยากขยับตัวไปไหนเลย
“คุณย่า หนูเหนื่อยมากเลย”
ถ้าไม่มีคนนอกอยู่ด้วย ซูเสี่ยวเถียนก็คือสาวน้อยน่ารัก ผู้ชอบออดอ้อนคุณย่า
เดินทางไปไหนมาไหนมันลำบากจริง ๆ นะ อาหารการกินไม่คุ้นเคย ไหนจะต้องทำงานหนักอีก
แล้วยังได้เจอเหตุการณ์ไม่เคยคาดฝันอีก สำหรับเธอแล้วมันเครียดมากจริง ๆ นะ
คุณย่าซูเห็นหลานสาวหมดแรงแล้วก็ปวดใจนัก
“เจ้าเด็กคนนี้ จริง ๆ เลยเชียว ทำไมมีสภาพแบบนี้เนี่ย?”
ปากบ่นแต่ไม่รอช้าหยิบผลไม้และชานมมาเสิร์ฟให้
เพราะรู้ว่าจะกลับวันนี้จึงเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย ยังมีของโปรดอย่างอื่นอีกนะ
ซูเสี่ยวเถียนหรี่ตาหลังจากจิบชานม
อร่อยจัง
คุณย่าซูบ่นอีกครั้ง
“ไม่คุ้มเอาเสียเลย ทำไมเด็ก ๆ ต้องทำงานเหนื่อยแบบนี้ด้วยเล่า?”
งานแบบนี้ให้คนอื่นทำไปซี่ หลานรักจะได้นอนอยู่บ้านสบาย ๆ
บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากสักหน่อย
ซึ่งในความเป็นจริงทุกอย่างกลับตรงข้ามกัน เสี่ยวเถียนเหนื่อยมาก และขยันกว่าพี่ชายเสียอีก
ธุรกิจส่วนใหญ่ของบ้านก็ได้เด็กคนนี้ทำให้ทั้งนั้น
เธอทำงานหนักเพื่อบ้านเราจริง ๆ
พูดได้เลยว่าถ้าไม่มีเสี่ยวเถียน บ้านเราคงไม่มีวันนี้หรอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นั่งเครื่องบินนาน ๆ แล้วมันเหนื่อยน่ะค่ะ อาหารก็ไม่อร่อย อาหารที่ต่างประเทศก็ไม่อร่อย คิดถึงฝีมือย่า”
เธอรีบหาข้อแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
แต่มีคือความจริงนะ แล้วก็มีปัญหาในเรื่องนี้ด้วย
เธอไม่ใช่คนชอบกิน แต่เพราะย่าทำอร่อยก็เลยชอบกินมาก
หญิงชราตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“ย่าคิดไว้แล้วว่าหนูกลับมาต้องหิวแน่ ตอนบ่ายเลยไม่ได้ออกไปไหนเลยอยู่บ้านทำของกินให้ เดี๋ยวไปเอามาให้นะ จะได้รีบกินรีบอาบน้ำนอน”
สำหรับคนเฒ่าคนแก่ การได้กินอิ่มแล้วคือสิ่งที่มีความสุขที่สุด
คุณย่าซูผู้รักหลานสาวมากที่สุดหวังว่าหลานจะมีชีวิตที่มีความสุขเช่นกัน
ได้อยู่บ้านแล้วผ่อนคลายจริง ๆ ได้ย่าดูแล ได้กินของที่ชอบมีความสุขเหลือเกิน
อาหารบ้านเรายังอร่อยเหมือนเดิม
โดยเฉพาะอาหารที่คุณย่าซูปรุงด้วยความรักที่มีต่อหลานสาวยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก
ทุกอย่างปรุงตามความชอบของเธอด้วย นี่สินะคือความสุขอันยิ่งใหญ่ในชีวิต
“ช่วงนี้พี่สี่อยู่กับคริสติน่าตลอดเลย ไม่รู้ทำอะไรกัน ไม่เคยอยู่บ้านเลย” คุณย่าพึมพำ
คริสติน่ามาจีนหรือ?
“คริสติน่ามาหรือคะ? มาเมื่อไรน่ะ?”
ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
“มาวันที่สองหลังจากหนูไปแล้วน่ะ เห็นว่าจะเปิดห้างสรรพสินค้าอะไรนี่แหละ ตอนนี้อยู่กับพี่สี่เขาตลอดเลย”
“พี่สี่น่าจะเปิดห้างเหมือนกันนะคะ อาจจะร่วมมือกันก็ได้”
ในชีวิตนี้พี่สี่เป็นคนออกหน้าเปิดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
แต่ชีวิตก่อนเหมือนจะเป็นชาวต่างชาติ คริสติน่าอาจเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้
“ไหน ๆ ก็ไม่ได้เจอคริสติน่ามาสักพัก เธอมาทั้งทีหนูต้องพาไปเที่ยวให้ได้เลย” ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยขณะแทะซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน
“เด็กคนนั้นก็พูดเหมือนหนูเลย พอรู้ว่าหนูไปต่างประเทศก็เสียใจมาก ยังดีพี่สี่เขาพูดภาษาบ้านเขาเป็น”
คุณย่าซูไม่เข้าใจสักคำ แต่คริสติน่าเป็นเด็กร่าเริงมาก แค่เห็นก็ชอบแล้ว
“ไว้พี่สี่กลับมาหนูถามดีกว่าเพื่อนพักอยู่ที่ไหน”
เธอมีเวลาพักผ่อนหลายวัน พรุ่งนี้พาไปกินข้าวแล้วก็ไปเดินเที่ยวด้วยดีกว่า
คริสติน่าอาจจะอยู่สักพัก แต่ตัวเราหมดเวลาพักเมื่อไรก็ต้องทำงานต่อแล้ว ไม่รู้จะได้พักตอนไหนด้วย
“อยู่บ้านเรานี่แหละ พี่ ๆ เขาไม่ค่อยอยู่บ้านกัน ก็เลยให้เธอมาพักที่นี่ เดี๋ยวเย็น ๆ ก็ได้เจอแล้ว” คุณย่าซูยิ้ม “แล้วเจ้าเด็กคนนี้ก็ไม่ห่วงอะไรเลยนะ ได้อยู่บ้านแทนที่จะทำตัวสบาย ๆ ดันมาช่วยย่าทำงานอีก”
ซูเสี่ยวเถียนพลันเกิดความคิดมหัศจรรย์ขึ้น
หรือคริสติน่าจะถูกกำหนดมาให้เป็นสมาชิกในครอบครัวนะ?
งานแต่งพี่สี่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย แล้วปู่ย่าก็พูดเรื่องนี้อยู่ตลอดด้วย
ถึงอายุพี่เขาจะไม่ถือว่าแก่เกินไป แต่สำหรับคนยุคนี้ก็แต่งงานกันไวอยู่แล้ว จะไม่ให้ย่าเป็นห่วงได้ยังไงล่ะ?
คิดแบบนั้นก็นึกไปถึงพี่ห้า
พอเขาเรียนจบก็ต้องเข้าร่วมกับกองทัพ ตอนนี้กำลังไปได้สวยเลย แต่ว่าทหารหญิงมีน้อยมาก ไม่รู้จะหาภรรยาได้เมื่อไร
คงไม่เป็นอย่างสองคุณอาบ้านปู่รองใช่ไหม?
คนหนึ่งหาคู่ครองได้แล้วเพิ่งแต่งไปเมื่อไม่นานมานี้เอง อีกคนยังโสดอยู่ ปู่รองย่ารองเอาแต่โมโหว่าเขาไม่ได้เรื่อง ไม่มีลูกมีเมียสักที
ถ้าอนาคตพี่ห้าเป็นแบบนั้น ย่าก็คงเป็นเหมือนย่ารองแน่
ซูเสี่ยวเถียนหัวเราะ
คุณย่าซูเห็นความซุกซนในแววตาหลานจึงเอ่ยถาม “หัวเราะอะไรเนี่ย?”
“ย่าว่าพี่สี่กับคริสติน่าเหมาะสมกันหรือเปล่า ถ้าได้สะใภ้เป็นชาวต่างชาติย่าจะดีใจหรือเปล่าคะ?”
เธอลองเชิงถาม
ถึงย่าจะชอบคริสติน่ามากแค่ไหน แต่คงไม่ได้ถึงขนาดต้องเอาเป็นหลานสะใภ้ ย่าคงไม่ตอบตกลงหรอก
ฝ่ายหญิงชรานิ่งไปทันใด
“พูดอะไรไปเรื่อย ย่าได้ยินว่าคริสติน่าเป็นลูกสาวตระกูลเศรษฐีไม่ใช่เรอะ เขาจะมาชอบคนบ้านเราได้ยังไง?”
ถึงจะอยู่เมืองหลวงมานาน แต่ท่านกลับรู้สึกว่าเรายังเป็นครอบครัวชาวนาที่หนานหลิ่งเสมอ
“งั้นถ้าคริสติน่าเห็นด้วย พี่สี่ก็ชอบเธอ ย่าจะเห็นด้วยหรือเปล่าคะ?”
“ย่าไม่เคยคิดหรอก แต่ย่าเป็นคนใจกว้าง ถ้าพี่สี่เขาชอบย่าไม่ค้านอยู่แล้ว”
หลังจากกินข้าว ซูเสี่ยวเถียนก็กลับมามีพลังอีกครั้ง
แต่ยังไงก็ต้องไปนอนก่อน
ต้องใช้ชีวิตด้วยสภาพจิตใจอ่อนล้ามาตลอดหลายวันเป็นอะไรที่ลำบาก ถึงเธอจะแข็งแกร่งแต่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
ต้องนอนพักผ่อนให้สาแก่ใจ
“หนูขอไปนอนสักพักนะคะ พวกเขากลับมาแล้วเรียกหนูด้วยนะ”
หญิงชรารีบไล่ให้ไปนอน
พอตื่นอีกทีก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว
“ย่าไม่เคยคิดหรอก แต่ย่าเป็นคนใจกว้าง ถ้าพี่สี่เขาชอบย่าไม่ค้านอยู่แล้ว”
หลังจากกินข้าว ซูเสี่ยวเถียนก็กลับมามีพลังอีกครั้ง
แต่ยังไงก็ต้องไปนอนก่อน
ต้องใช้ชีวิตด้วยสภาพจิตใจอ่อนล้ามาตลอดหลายวันเป็นอะไรที่ลำบาก ถึงเธอจะแข็งแกร่งแต่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
ต้องนอนพักผ่อนให้สาแก่ใจ
“หนูขอไปนอนสักพักนะคะ พวกเขากลับมาแล้วเรียกหนูด้วยนะ”
หญิงชรารีบไล่ให้ไปนอน
พอตื่นอีกทีก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว
คุณย่าซูเดินมาปลุกแต่ซูเสี่ยวซื่อและคริสติน่ายังไม่กลับ
ตอนนี้คนที่เหลือกลับมาที่บ้านกันแล้ว