เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 128 ผมไม่กล้าทำอีกแล้วครับ
บทที่ 128 ผมไม่กล้าทำอีกแล้วครับ
ซูเหล่าต้าเป็นคนมีการศึกษา ไม่คิดลงมือแล้วก็ไม่พยายามลงมือด้วย
เดิมทีหัวหน้าหลี่คิดจะเข้าไปห้ามปราม แต่หลังจากได้ยินคำพูดไร้สาระของไอ้หมาหวังก็ล้มเลิกความคิดที่จะเกลี้ยกล่อม
คนประเภทนี้เดี๋ยวก็ตายด้วยเงื้อมมือของตัวเอง ถึงคนอื่นคิดจะช่วย แต่ก็ช่วยไม่ได้!
เขาเลยยืนอยู่ข้าง ๆ รอชมฉากตื่นเต้นกับสมาชิกคนอื่น ๆ
ครั้งนี้ชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหงซินเลย จึงทำให้ประสบความสูญเสียไปมาก
มีสมาชิกบางคนกับทางหงซินรู้จักกัน ตอนนี้จึงเข้าขากันเป็นอย่างดี
หงซินมีเครื่องมือที่ทันสมัยคอยช่วยแล้ว จะต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีเอาไว้
ช่วยไอ้หมาหวังหรือ? จะทำแบบนั้นไปทำไมกันเล่า
คนอย่างไอ้หมาหวังเป็นขยะสังคม ถึงตายก็ไม่มีความยุติธรรม
ใครใช้ให้ครอบครัวไอ้หมาหวังมีชื่อเสียงไม่ดีกันล่ะ
ในความคิดของพวกเขาคือ คนแบบนี้สมควรโดนทุบตีให้ตายแล้ว รนหาที่เองแท้ ๆ!
หลายปีมานี้ คนบ้านซูไม่ได้มาทุบตีคนอื่นถึงหน้าบ้านเลย นี่พวกเขาเป็นคนเก่งกาจอยู่อีกหรือเนี่ย?
“ไม่อยากเชื่อจริง ๆ เลยว่ามีคนแบบนี้อยู่ในชุมชนเราด้วย เวลาแบบนี้ยังพูดจาไร้สาระได้อีก!”สมาชิกคนหนึ่งของเซี่ยงหยางพูดจาประจบประแจงคนหงซิน
“โชคดีที่พวกคุณเป็นคนรู้เรื่องรู้ราว และไม่ได้คิดจะช่วยไอ้คนไร้ค่าแบบนี้!” สมาชิกบางคนของหงซินก็ไม่ลืมยกย่องคนเซี่ยงหยางที่ไม่ช่วยเหลือคนแบบนี้เช่นกัน
ต้องแบบนี้สิ ถ้าเซี่ยงหยางช่วย พวกเขาก็จะช่วยแน่นอน พอถึงเวลานั้นก็จะกลายเป็นวิวาทหมู่แน่ ถ้าทำให้ชุมชนใหญ่ตื่นตระหนกคงไม่ดีแน่!
หัวหน้าหลี่ฟังบทสนทนาของพวกสมาชิกเงียบ ๆ แล้วมองดูพวกคนไร้ประโยชน์ด้วยความรังเกียจ
แค่รังเกียจก็พอแล้ว เรื่องที่สมควรทำก็ควรทำ
แล้วก็วิ่งเข้าไปหาชายชราคนหนึ่งจากชุมชนการผลิตหงซิน แล้วเริ่มพูดจาประจบประแจง
“ผู้อาวุโสท่านนี้ยืนนานแล้วเหนื่อยไหมครับ? อยากให้ผมเอาม้านั่งมาให้นั่งหรือเปล่า? เห็นพวกคุณแรงดี คุณก็คงไม่มีปัญหาอะไร ไม่งั้นไปดื่มน้ำสักหน่อยไหมล่ะครับ?”
ผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ใช่ใครเลย นั่นคือคุณลุงผู้มีนามสกุลเดียวกันของซูฉางจิ่วนั่นเอง อายุหกสิบปีกว่าแล้ว ใบหน้าดูใจดี
“ไม่ไปหรอก ๆ ฉันไม่ไป ผู้อาวุโสแบบฉันยืนอยู่ตรงนี้ดีกว่า ให้พวกเขาดูแลสถานการณ์ไป คุณไม่รู้หรอกว่าบางครั้งพวกเด็กหนุ่มบ้านซูก็ขี้อาย ถ้าไม่มีผู้อาวุโสแบบนี้ยืนอยู่ตรงนี้ พวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจเลย!”
ชายชรายิ้มอย่างร่าเริงด้วยความภาคภูมิใจสุดจะพรรณนาได้บนใบหน้าของเขา
ถูกต้องแล้ว บ้านซูควรทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว ทุบตีไอ้พวกไร้ค่าของบ้านหวังให้ตกใจสุดขีดไปเลย จะได้ไม่ทำลายศักดิ์ศรีของครอบครัวตัวเอง!
บ้านซูมีผู้ชายเยอะก็จริง แต่กลับให้ผู้หญิงโดนรังแกเสียได้ หากข่าวแพร่ออกไปจะต้องโดนหัวเราะเยาะจนตายแน่
ต้องบอกเลยว่า นับวันซูชวนยิ่งไร้ประโยชน์มากขึ้นเรื่อย ๆ มัวแต่ง่วนอยู่กับการทำความดี!
หัวหน้าหลี่พูดไม่ออกจริง ๆ อายุตั้งปูนนี้แล้วทำไมถึงยังโหดร้ายอยู่อีก?
เห็นไอ้หมาหวังจมูกช้ำหน้าบวมแล้ว แถมยังต้องควบคุมสถานการณ์คนที่มาตบตีบ้านตัวเองด้วยอีก
เราเกลี้ยกล่อมพวกเขาไม่ได้ งั้นจะให้พวกเขาอภัยไอ้หมาหวังหรือ?
ช่างเถิด ไม่ให้อภัยก็ไม่ให้อภัย ใครใช้ให้ไอ้หมาหวังไม่เข้าใจเองล่ะ?
พี่น้องบ้านซูมีขอบเขตดี ถึงจะลงมือหนักแต่ไม่ถึงตายแน่นอน
ต้องบอกเลยว่าหัวหน้าหลี่เดาถูกส่วนหนึ่ง พี่น้องบ้านซูไม่ได้ตั้งใจจะให้ไอ้หมาหวังตายจริง ๆ แต่แค่อยากให้เขาได้รับบทเรียน
บทเรียนที่ไอ้หมาหวังได้รับนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าที่หัวหน้าหลี่เห็นเสียอีก แต่เจ้าตัวแค่ไม่รู้!
พวกเขามีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือ อย่างน้อยก็ต้องเป็นประกันว่าไอ้หมาหวังจะไม่กล้าไปหาซูหม่านซิ่วเพื่อสร้างปัญหาอีก น้องสาวของพวกเขาใช้ชีวิตยากลำบาก เพิ่งจะดีขึ้นได้ไม่เท่าไร จะปล่อยให้คนอย่างไอ้หมาหวังฉุดรั้งไว้ไม่ได้!
ผลจากการต่อสู้ในครั้งนี้ ไอ้หมาหวังทนความเจ็บปวดไม่ไหว ในที่สุดก็ขอโทษ และจ่ายค่าชดเชยเป็นของจำนวนมาก
ตอนนี้คนบ้านซูไม่ได้ขาดเหลือของพวกนี้แล้ว ไม่ใช่อาหารหรอกหรือ? บ้านพวกเรามีพอกินอยู่แล้ว!
พี่น้องร่วมกันเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ไอ้หมาหวังชดใช้ให้ส่งคืนหัวหน้าหลี่
“หัวหน้าหลี่ พวกเรามาในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่ออาหาร แต่เพื่อไม่ให้ผู้ชายคนนี้มารังแกน้องสาวเรา คุณเอาอาหารไปแจกจ่ายให้บ้านที่ยากจนในเซี่ยงหยางเถอะ ถือเสียว่าเป็นความตั้งใจของซิวเอ๋อร์”
หลังจากพูดจบ สามพี่น้องก็โบกมือแล้วเดินออกไป
ก่อนจากไป ยังไม่ลืมพูดกับพวกเด็ก ๆ อีกว่า “ถ้าในอนาคตมีเรื่องแบบนี้ ตอนพวกเราเคยทำผิดพลาดมาแล้วที่ปกป้องน้องสาวไว้ไม่ได้ พวกลูกต้องร่วมมือกันปกป้องน้องเล็กของพวกลูกให้ได้นะ!”
ผู้คนรอบข้างที่ได้ฟังก็ตกตะลึง พวกเขาได้ยินมานานแล้วว่าตระกูลซูมีสาวน้อยที่เป็นที่โปรดปรานมาก ถ้ามีพี่ชายทั้งเก้ามาปกป้อง ใครจะกล้าแต่งงานด้วย?
การเคลื่อนไหวของบ้านซูทำให้ชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางอดให้ความสนใจไม่ได้
นั่นคืออาหาร แต่พวกเขากลับปล่อยมันไป ช่างผิดปกติเสียจริง
ไม่รู้ว่าไอ้หมาหวังตาบอดหรืออย่างไรที่ปล่อยครอบครัวอดีตสะใภ้ดี ๆ แบบนี้ และกลายเป็นศัตรูกับพวกเขาไปชั่วชีวิต
ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าพวกบ้านซูไม่กล้าหาญ ไม่กล้ามาจัดการสถานการณ์ที่บ้านน้องสาว แต่ตอนนี้เห็นแล้วว่าเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น!
สองครั้งแล้วที่บ้านซูบุกมาหาถึงบ้าน ทำให้บ้านหวังเสียเปรียบมาก
เมื่อก่อนไม่กล้าสู้เพราะเป็นห่วงหาอาทรญาตินี่เอง!
รอพี่น้องบ้านซูเดินจากไปไกล ไอ้หมาหวังถึงค่อยพยุงร่างขึ้น
“กะเอาฉันให้ตายจริง ๆ ไอ้พวกเวรนี่…”
ไอ้หมาหวังเพิ่งจะสาปส่ง ไม่รู้ใครดันตะโกนขึ้นมา “พวกบ้านซูกลับมาแล้ว!”
ไอ้หมาหวังคุกเข่าลงกับพื้น และโค้งคำนับทันที “พี่รอง ผมผิดไปแล้วครับ ผมไม่กล้าทำอีกแล้วครับ!”
ทุกคนหัวเราะลั่น รอไอ้หมาหวังรู้สึกตัวก็ตระหนักได้ว่าไม่เห็นแม้แต่เงาร่างพวกบ้านซูแล้ว
“ใคร! ใครกันที่มาหลอกฉันแบบนี้!” เขาตะโกนอย่างโมโห!
แต่ผู้คนที่อยู่ตรงนั้น นอกจากหัวเราะแล้วไม่มีใครตอบเลย
เขาจ้องที่ถุงอาหารของครอบครัว ดวงตาหลุกหลิก พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยืนต่อหน้าหัวหน้าหลี่ และยิ้มออกมาด้วยใบหน้าใหญ่ ๆ ที่บวมช้ำจนแทบมองไม่เห็นรอยยิ้ม
“หัวหน้าหลี่ คุณเห็นพวกเขาเดินไปแล้ว ไม่งั้นทำไมไม่คืนอาหารให้พวกเราล่ะครับ นี่เป็นอาหารที่เหลืออยู่ของบ้านแล้ว ถ้าไม่มีอาหารพวกนี้จะต้องหิวจนตายแน่” ไอ้หมาหวังเอ่ยขออาหารอย่างหน้าไม่อาย