เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 140 ตรวจสอบเฉินจื่ออัน
บทที่ 140 ตรวจสอบเฉินจื่ออัน
พูดถึงเซี่ยงหง หลังจากที่รีบออกจากบ้านเฉินจื่ออันไปก็รีบลนลานวิ่งกลับไปบ้านของตัวเองทันที
บ้านของตระกูลเซี่ยงอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเฉินจื่ออันนัก ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง
บ้านของตระกูลเซี่ยงมีลานบ้านสองแห่งอยู่ติดกัน ฝั่งซ้ายเป็นลุงใหญ่ของเซี่ยงหงอาศัยอยู่ ส่วนฝั่งขวาเป็นบ้านของเซี่ยงหงเอง
แต่ว่าทั้งสองบ้านมีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ร่วมกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าผู้นำตระกูลทั้งสองไม่อยู่
สือสวิ่นฟางหรือแม่ของเซี่ยงหงเป็นผู้นำตำแหน่งน้อยของอำเภอ ตอนนี้กำลังเย็บเสื้อผ้าด้วยจักรอยู่ในบ้าน
พอเห็นใบหน้าซีดเผือดของลูกสาว สือสวิ่นฟางก็วางงานเย็บผ้าลงแล้วเดินไปหา ก่อนจะพูดอย่างเป็นทุกข์ “เด็กคนนี้ บอกแล้วไงว่าไม่ให้ออกไปวิ่งเล่นข้างนอก ดูสิ หน้าตาเหนื่อยล้าไม่ดีเลย!”
ลูกสาวชอบออกไปข้างนอกกับคนอื่น ๆ ทั้งวัน สือสวิ่นฟางไม่คัดค้าน แต่กลับรู้สึกปวดใจเหลือเกิน
ลูกสาวมีความสามารถมากนี้ เธอหวังจะเห็นเจ้าตัวประสบความสำเร็จนัก
ส่วนคนพวกนั้นที่โดนลูกสาวคนดีของเธอตรวจค้น สือสวิ่นฟางไม่เคยคิดอยู่แล้วว่ามันจะผิดหรือเปล่า
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตายด้วยเหตุนี้ แต่สือสวิ่นฟางรู้สึกว่าพวกมันสมควรได้รับแล้ว
ส่วนลูกสาวเธอไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะยืนอยู่ข้างความยุติธรรม
“แม่? พ่อล่ะคะ? ลุงใหญ่ด้วย?” เซี่ยงหงถามย้ำ ๆ
“ยุ่งอยู่ข้างนอกนู่นน่ะ เห็นบอกว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญที่อำเภออาจจะกลับเย็นหน่อย น้องหงหนูอยากกินอะไร? แม่จะไปทำให้ลูกเอง เกี๊ยวดีไหม?” สือสวิ่นฟางพูดอย่างเอ็นดู
ช่วงนี้ลูกสาวของตนต้องเหนื่อยแน่ ๆ ต้องบำรุงให้พอดี ที่บ้านได้เนื้อแกะอยู่ชิ้นหนึ่ง ทำเกี๊ยวเนื้อแกะก็ไม่เลว
“แม่คะ เมื่อไรพ่อกับลุงใหญ่จะกลับมาคะ” เซี่ยงหงกระวนกระวาย
“เที่ยงคืนนู่นล่ะ หนูเป็นอะไร? มีเรื่องอะไรบอกแม่สิ”
พอได้ยินว่าพ่อกับลุงจะกลับมาตอนเที่ยงคืน เซี่ยงหงจึงได้แต่ฝากความหวังไว้ที่มารดาผู้ให้กำเนิดแทน
เธออธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียด และแน่นอนว่าสิ่งที่ปกปิดไว้คือเรื่องใส่ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะการใส่ร้ายเฉินจื่ออัน
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือซูหม่านซิ่วกับความอัปยศอดสูของตัวเอง
“นังสารเลวตัวดี มันยั่วยวนเฉินจื่ออัน? แล้วยังกล้าลงมือกับลูกสาวฉันอีก” สือสวิ่นฟางไม่สามารถระงับความโกรธได้เลย
“แม่ แม่ว่าหนูควรทำอย่างไรดี? ถ้าพ่อรู้พ่อต้องตีหนูตายแน่!” เซี่ยงหงร้องห่มร้องไห้
สือสวิ่นฟางรู้สึกปวดใจแทนลูกสาวจึงรีบพูด “ไม่ต้องกังวลไป เรื่องนี้เดี๋ยวแม่ช่วยเอง”
พอได้ยินคำมั่นสัญญา ทั้งยังนึกได้อีกว่ามารดาก็เป็นผู้นำตำแหน่งน้อยคนหนึ่งในอำเภอ และจัดการคนมาไม่น้อยเลย เซี่ยงหงก็รู้สึกโล่งใจ
เธอสะอื้น “แม่ แม่ยังรักหนูอยู่!”
“แม่เป็นคนคลอดลูกกับพวกพี่ ๆ มานะ จะไม่รักได้อย่างไร? เอาล่ะ อย่าคิดมาก เรื่องนี้ไม่ต้องบอกพ่อ รอพรุ่งนี้แม่จะจัดการให้นะ”
ขณะที่ปลอบโยนลูกสาว สือสวิ่นฟางกำลังคิดว่าจะจัดการกับเฉินจื่ออันอย่างไรดี
เพราะเฉินจื่ออันมีความแข็งแกร่งอยู่ในมือใช่ไหม ถึงได้ยโสโอหัง?
คนไร้หัวนอนปลายเท้าแบบนี้ กลับกล้าต่อกรกับความแข็งแกร่งของตระกูลเซี่ยงเรา!
ครั้งนี้จะต้องให้เฉินจื่ออันรู้ให้ได้เลยว่าตระกูลเซี่ยงหรือเฉินจื่ออันกันแน่ที่เก่งกาจ
เซี่ยงหงพึงพอใจมาก และตามมารดาไปครัวอย่างมีความสุขเพื่อทำเกี๊ยวเนื้อแกะ
เซี่ยงหงในตอนนี้ไม่รู้เลยว่า นี่เป็นของดีเพียงอย่างเดียวที่จะได้กินในอนาคตอันใกล้นี้
หลังจากนั้น ชีวิตของเซี่ยงหงก็จะจมดิ่งลงไปในน้ำร้อนจัด
เฉินจื่ออันไม่ใช่คนใจอ่อน พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น และครั้งนี้เห็นได้ชัดเลยว่าคิดจะใช้ตระกูลเซี่ยงเพื่อขู่ให้พวกคนเลวออกมา
คืนนั้น ชายหนุ่มจัดคนไว้เป็นพิเศษ แล้วให้นำเรื่องนี้ไปแจ้งกับตระกูลเซี่ยง ทั้งยังขอให้ตัดสินใจ
ตระกูลเซี่ยงมีผู้นำสองคน และค่อนข้างละอายใจต่อเฉินจื่ออันอยู่บ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไม่ไว้หน้าใครแท้ ๆ
แต่พวกเขารู้สึกว่าตระกูลเซี่ยงยังต้องการรักษาหน้าอยู่ อีกฝ่ายคงจะไม่เก็บกวาดลูกพวกเขาเพียงเพราะเด็กเหลือขอคนเดียวใช่ไหม?
แต่ไม่นานทั้งสองก็รู้ว่าชัดเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาไม่คิดเลยว่าเซี่ยงหงจะมีความคิดโง่เขลาแบบนี้ ทั้งยังไล่ตามเฉินจื่ออันอีก
จบแล้ว ใส่ร้ายเฉินจื่ออันกับภรรยาเขาว่าเป็นพวกรองเท้าขาด
โง่เง่า!
ทั้งสองพี่น้องไม่สนใจสิ่งอื่นใด และรีบคิดหาเหตุผลที่จะแยกบ้านกัน
ณ ตระกูลเซี่ยง
บิดาของเซี่ยงหงเป็นลูกชายคนที่สองของรุ่นแรก ตอนที่รู้ว่าภรรยาจัดคนให้มาตรวจสอบเฉินจื่ออัน ก็ตกใจจนเข่าทรุดลงไปนั่งกับเก้าอี้ทันที
นี่คิดจะทำให้เฉินจื่ออันขุ่นเคืองสุด ๆ เลยใช่ไหม ผู้หญิงสองคนนี้มันโง่จริง ๆ!
โง่เง่า!
ลูกชายคนโตของตระกูลเซี่ยงกลัวจนฉี่แทบราด
ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงบ้านรองเซี่ยงถึงโง่ขนาดนี้?
“ไม่ใช่เฉินจื่ออันหรือไง? พวกเขาเป็นอะไร ทำไมต้องกลัวด้วย? ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการกับเขาไม่ได้!” สือสวิ่นฟางพูดอย่างหยิ่งผยองด้วยท่าทีไม่แยแส
“นังโง่ เฉินจื่ออันเป็นคนที่ทำให้ขุ่นเคืองได้ง่ายหรือไง? เธอลืมไปแล้วหรือ? ตระกูลอวี๋ก่อนหน้านี้พังทลายลงไปได้อย่างไรน่ะ?”
ประโยคนี้เตือนสติสือสวิ่นฟาง เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเฉินจื่ออันคนนี้เป็นคนนอกที่มีอำนาจและกวาดล้างตระกูลอวี๋ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของอำเภอในเวลาเพียงหนึ่งเดือน และคนที่เหลือก็ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ไหนแล้ว
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สถานะของตระกูลเซี่ยงต่ำต้อยกว่าตระกูลอวี๋จริง ๆ
เสียใจตอนนี้ยังทันไหม?
“น้องรอง เราแยกบ้านกันเถอะ!” ลูกชายคนโตของตระกูลเซี่ยงรีบพูด
ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่นี่เป็นตัดสินใจของเขาหลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้ว
คนโหดเหี้ยมอย่างเฉินจื่ออันจะไม่ยกโทษให้ตระกูลเซี่ยงง่าย ๆ อย่างแน่นอน ถ้าพวกเขายังเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะจับพวกเขายำด้วยกันเลยก็ได้!
นังเด็กไร้ค่าบ้านรองคนนี้ปกติทำเรื่องโง่เง่าก็ว่าพอแล้ว นี่กลับกล้าโจมตีเฉินจื่ออันอีก
คนเป็นแม่ก็โง่เหลือเกิน คิดว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้กล้าให้คนไปตรวจสอบเฉินจื่ออัน
สองแม่ลูกมันกล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
ไม่รู้เลยหรือไงว่าเฉินจื่ออันเป็นคนอย่างไร?
คางคกขึ้นวอแท้ ๆ หาเรื่องใส่ตัวเอง!
“พี่ใหญ่ ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกกระมั้ง?”
ลูกชายคนรองบ้านเซี่ยงกลัวมาก พี่ใหญ่ถึงขนาดขอแยกบ้านเลย? มาถึงขั้นนี้แล้วหรือ?
ถ้าพวกเราไปหาหัวหน้าเฉิน แล้วขอโทษเขาตอนนี้อาจจะยังมีโอกาส!” เซี่ยงเหล่าเอ้อร์ยิ่งพูดยิ่งเสียงเบาลงเรื่อย ๆ
“น้องรองอย่ามาทำไขสือไปหน่อยเลย ถ้าพวกเราไม่แยกบ้าน ตระกูลเซี่ยงอาจไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้” เขาบอกข้อเท็จจริงกับน้องชาย
แน่นอนว่าเซี่ยงเหล่าเอ้อร์รู้ว่าสิ่งที่พี่ชายพูดเป็นความจริง แต่ถ้าแยกบ้านแล้ว ความแข็งแกร่งจะไม่ลดลงหรือ?