เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 167 พนักงานโรงงานขนมไข่
บทที่ 167 พนักงานโรงงานขนมไข่
บทที่ 167 พนักงานโรงงานขนมไข่
เพราะจู่ ๆ หลิวซิ่วอิงก็จู่โจมซูเสี่ยวฉิน ในบริเวณนั้นจึงเกิดความโกลาหล ส่วนเด็กสาวทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนแล้ววิ่งออกไป
ซูเสี่ยวเถียนมองคนทั้งสอง มุมปากรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน
ซูเสี่ยวฉินกลับมาแล้ว บางทีชีวิตที่หงซินก็ไม่ได้ดีขึ้นหรอกนะ
แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรหรอก เพราะตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องแก้ปัญหาคือเรื่องคนงานต่างหาก
“คุณลุงหลี่ขา คิดว่าหนูพูดถูกไหมคะ?”
ซูเสี่ยวเถียนมองไปที่หลี่ฉางชิ่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“สาวน้อยอายุเท่านี้ แต่เฉลียวฉลาดมาก อันที่จริงลุงจำสิ่งที่ทุกคนทำออกมาไว้แล้วล่ะ”
“หงซินมีคนจำนวนมากที่เข้าร่วมการสอบ แต่มีแค่ห้าคนเท่านั้นที่ใส่ใจสุขอนามัย”
“ทุกคนอย่ามาบอกว่า ถึงจะล้างหรือไม่ล้างอย่างไร แม้กินไปก็ไม่ป่วยอยู่ดีอีกเลยนะ ถ้าไม่ใส่ใจสุขอนามัย แล้วเราไปผลิตอาหาร หากคนอื่นกินไปแล้วเกิดอันตรายขึ้นมา ใครก็ชดใช้ไม่ได้นะ”
สำหรับคนชนบท หลี่ฉางชิ่งคิดว่าตัวเองควรระมัดระวังให้มาก อย่าตัดสินใจแบบนั้นเพียงเพราะความชอบและไม่ชอบเท่านั้น
“ผู้อำนวยการหลี่พูดถูกแล้วครับ!” ซูฉางจิ่วรู้สึกผิดมาก “ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม? ผู้อำนวยการหลี่พูดอย่างชัดเจนแล้ว ไม่มีคนที่ได้รับเข้าร่วมการเป็นคนงาน กลับไปคิดให้ดีเสียว่าตัวเองก็มีจุดที่ทำตัวไม่ดีอยู่ใช่ไหม?”
ทุกคนต่างปิดปากสนิท ส่วนซูเสี่ยวเถียนดูกังวลใจ
“คุณลุงหลี่ คุณลุงตัดสินใจไม่รับพวกเราเป็นคนงานจริง ๆ หรือคะ?” ซูเสี่ยวเถียนเห็นว่าพวกผู้ใหญ่พึ่งพาไม่ได้ จึงได้แต่ยกยิ้มให้อีกฝ่าย
เดิมทีซูเสี่ยวเถียนก็เป็นเด็กน่ารักมากคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เธอพยายามทำตัวให้น่ารักยิ่งขึ้น ท่าทางของเธอดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก
พอเห็นสาวน้อยท่าทางน่ารักเช่นนี้ หัวใจของหลี่ฉางชิ่งก็ละลายทันที
ที่บ้านของเขาเองก็มีลูกสาวคนเล็กหนึ่งคน น่ารักมากเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมพอเทียบกับสาวน้อยตรงหน้าแล้วดูด้อยกว่าเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าบ้านซูเลี้ยงเธอให้เป็นคนนุ่มนวลแบบนี้ได้อย่างไร
ลูกสาวบ้านเราเติบโตในเมือง กลายเป็นว่าดันถูกเปรียบเทียบกับเด็กชนบทคนหนึ่ง
ไม่น่าแปลกใจที่หัวหน้าเฉินชอบสาวน้อยคนนี้มาก
พอนึกถึงสิ่งนี้เขาก็คลี่ยิ้ม “สาวน้อย หนูมีความเห็นอะไรอีกไหม?”
ซูเสี่ยวเถียนพูดทันที “หนูคิดว่าคนส่วนใหญ่ในชุมชนการผลิตหงซินเป็นคนดีค่ะ คุณลุงหลี่ไม่ควรล่มเรือทั้งลำเพราะคน ๆ เดียวนะคะ”
“โอ้?” หลี่ฉางชิ่งถามด้วยความสงสัย “จริงหรือ?”
ผู้ดูแลเฉียนรีบก้าวไปข้างหน้า “ผู้อำนวยการหลี่ สาวน้อยคนนี้พูดถูก หงซินของเราเป็นชุมชนที่ซื่อสัตย์ คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนดีครับ”
“แน่นอนว่าเราก็ไม่ได้ตัดขาดกับคนที่ไม่ดีเหมือนกัน คุณลุงเองก็ผ่านโลกมาเยอะ จะไม่รู้ได้อย่างไรคะว่าโลกใบนี้ไม่ว่าเมื่อไร หรือไม่ว่าที่ไหนก็มีพวกแกะดำอยู่ดี”
เมื่อพูดแบบนี้แล้ว ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกโล่งใจมาก คนแบบซูเสี่ยวฉินเป็นพวกแกะดำใช่ไหมล่ะ?
ขณะที่กำลังลอบมีความสุขกับตัวเอง เสียงทุ้มของผู้ดูแลเฉียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เหมือนกับที่สาวน้อยพูดนั่นแหละครับ คุณจะล่มเรือทั้งลำเพราะคน ๆ เดียวไม่ได้นะ ถึงจะไม่ได้ชอบคนอื่น แต่ว่าลองดูเสี่ยวเถียนคนนี้สิ?”
หลี่ฉางชิ่งพูดอย่างเขินอาย “แต่ผมพูดออกไปแล้วในฐานะผู้อำนวยการโรงงาน ไม่สามารถกลับคำได้หรอกนะ!”
“สหายหลี่ฉางชิ่ง ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายสำหรับคุณ และในฐานะผู้ดูแลของชุมชนใหญ่ ผมอยากอ้อนวอนคุณให้โอกาสคนหงซิน ผมเป็นลูกชาวไร่ชาวนา ความทุกข์ยากของพวกเขาผมรู้ดี”
“พูดตามตรงนะผู้ดูแลเฉียน ผมเองก็เป็นชาวนาเหมือนกัน ที่ผมมาถึงจุดนี้ได้เพราะผมทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และรู้ดีถึงความลำบาก”
พอได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าต้องพูดเรื่องนี้แล้ว แต่ใครจะรู้เล่าว่าหลี่ฉางชิ่งกลับพูดด้วยเหมือนกัน
“ผมไม่ใช่แค่กลัวหรอก แต่ถ้าผมพาพวกเขาไปแล้วคนอื่นสร้างปัญหาอีกล่ะ? คนเดียวไม่ระวัง แล้วเอาผมไปรายงานขึ้นมา ผมจะต้องไปให้เหตุผลที่ไหน?”
ตอนที่หลี่ฉางชิ่งพูด เขาจงใจมองไปยังพวกคนที่สร้างปัญหาที่อยู่รอบ ๆ
พอพวกซูหูจื่อเห็นเช่นนั้นก็หลบสายตาทันที พยายามหดร่างกายไม่ให้ใครเห็น
และตอนที่หลี่ฉางชิ่งมอง สายตาของผู้คนในหงซินก็มองพวกเขาด้วย
พอถูกทุกสายตาจับต้อง ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสดงความเห็นออกมา
“ถึงพวกเราจะโง่เขลา แต่เราไปรายงานไม่ได้หรอกครับ เรื่องนี้พวกเราไม่ทำหรอก!”
ซูหูจื่อพูดอย่างงุ่มง่าม ส่วนคนอื่น ๆ ก็รีบพูดเช่นกันนว่าเป็นเพราะพวกเขาเองที่ทำให้ไม่สามารถไปเป็นคนงานได้
ส่วนผู้ดูแลเฉียนก็รับคลียิ้ม “ผู้อำนวยการหลี่ คุณเองก็ได้ยินแล้ว ตอนนี้วางใจได้หรือยังครับ? การที่มีใครสักคนจากครอบครัวเกษตรกรได้ออกจากฟาร์มไปมันไม่ง่ายเลยนะ!”
เขาเดาว่าผู้อำนวยการหลี่ไม่คิดจะยึดโอกาสเหล่านั้นไปหรอก
เพราะถ้าจะเอาไปจริง ๆ ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่คุยกับหงซินแบบนี้หรอก
อยู่ที่นี่ตั้งนาน เห็นได้ชัดเลยว่ายังอยากให้โอกาสอยู่
แต่ก็อย่างที่อีกฝ่ายว่า ถ้ามีคนในหงซินมีแรงจูงใจนำเรื่องนี้ไปฟ้องอะไรแบบนั้น เจ้าตัวต้องทนทุกข์แน่
ตอนนี้มีหลายคนรับประกันให้แล้ว แบบนี้ก็คงไม่ต้องลังเลอีกต่อไปแล้วสินะ
แต่ว่าในเมื่อพูดแล้ว ผู้อำนวยการก็ต้องก้าวลงมาขั้นหนึ่งแล้วล่ะ
สาวน้อยบนนั้นได้มัดมือชกไว้แล้ว ส่วนผู้ดูแลเฉียนก็คอยนำให้ผู้อำนวยการเดินลงมา
แน่นอนว่าหลี่ฉางชิ่งยิ้ม แล้วจับมือกับผู้ดูแลเฉียน
“ผู้ดูแลเฉียน คุณเป็นผู้นำที่ดีเอาใจใส่พวกสมาชิกจริง ๆ คนในหงซินส่วนใหญ่เป็นคนดี พวกเราก็วางใจได้ โรงงานขนมไข่ตอนนี้ค่อนข้างเล็ก จึงต้องการคนงานน้อย ถ้าในอนาคตมีการขยับขยาย ไม่แน่ว่าอาจจะมารับสมัครที่นี่อีก”
คนคนหนึ่งจึงพูดขึ้นอย่างกล้าหาญ “ถ้าอย่างนั้นผู้อำนวยการ ถ้าขยับขยายโรงงานแล้วก็จ้างคนเพิ่มได้น่ะสิ!”
หลี่ฉางชิ่งหัวเราะ “โรงงานของเราจะขยายได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับไข่ที่หงซินผลิตเป็นหลัก มีคำกล่าวไว้ว่า สตรีไม่สามารถทำอาหารโดยที่ไม่มีข้าวได้ ผมก็เช่นกัน โรงงานขนมไข่ไม่สามารถผลิตขนมไข่ได้ถ้าไม่มีไข่!”
ตอนนั้นที่ทุกคนได้ยินแล้วว่า ที่แท้ก็เกี่ยวกับไข่นี่เอง
หลี่ฉางชิ่งไม่รู้ว่าคำพูดของเขาทำให้คนในหงซินให้ความสนใจกับฟาร์มไก่มากขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ตอนที่แม่ไก่ฟักไข่ ทุกครัวเรือนก็จะส่งลูกไก่ไปให้กับฟาร์มไก่
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องหลังจากนั้น
ผู้ดูแลเฉียนรู้สึกเสียใจมาก คงจะดีถ้าทุกชุมชนได้รับโอกาสแบบนี้บ้าง
แต่แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้
ในที่สุดตำแหน่งทั้งห้าก็ถูกกำหนดตามที่ผู้อำนวยการเห็นสมควร
บ้านซูได้เป็นคนงานพร้อมกันสองคน รวมกับหวังเซียงฮวาที่ทำงานในฟาร์มไก่ กลายเป็นว่าสะใภ้บ้านนี้เป็นคนมีงานทำกันหมดเลย