เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 170 โดนรายงานอีกครั้ง
บทที่ 170 โดนรายงานอีกครั้ง
บทที่ 170 โดนรายงานอีกครั้ง
ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกเสียใจ ทำไมคนอื่นที่ทะลุมิติมาถึงมีช่องเก็บของด้วยล่ะ แล้วทำไมเธอถึงไม่มี?
ถ้ามีสักหน่อยก็จะเก็บของได้หลายอย่างเลย แบบนี้ไม่สะดวกสบายกว่าหรือ?
แต่หลังจากขบคิด ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป และโลกสวยไปหน่อยด้วย
ช่องเก็บของจะไปได้มาง่าย ๆ ได้อย่างไร?
เธอโชคดีมากที่สามารถมีเจ้าระบบ ซึ่งทำให้ทุกคนในครอบครัวหมดกังวลเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม
ช่างมันเถอะ สถานะของบ้านเราในตอนนี้ถึงจะมีของดี ๆ คาดว่าก็คงไม่มีใครกล้าสงสัยหรอก
เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ซูเสี่ยวฉินไปรายงานที่ชุมชนใหญ่อีกครั้ง แต่คนที่นั่นก็ฉลาดแล้ว
หลังจากถามอย่างชัดเจนว่าเป็นคนของบ้านซูชวน พวกเขาก็รีบตอบว่าจะไปตรวจให้ในอีกสองวัน
แต่ตอนที่กลับมาก รอหนึ่งวันก็แล้ว สองวันก็แล้ว จนถึงสามวันก็ยังไม่มีใครมาเลย
เธอสงสัยว่าคนของชุมชนใหญ่กำลังหลอกเธอ
เธอไปที่ชุมชนใหญ่เพื่อรายงานอีกครั้ง และคราวนี้เธอรายงานเฉพาะไอ้คนห้าประเภทที่คอกวัวอย่างเดียวด้วย
ซูเสี่ยวฉินคิดว่า รอบนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคนที่ชุมชนใหญ่ต้องออกมาแก้ไขปัญหาได้แล้ว ใครจะรู้เล่าว่าอีกฝ่ายก็ยังพูดว่า จะตรวจสอบให้ในอีกสองวัน
จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ซูเสี่ยวฉินรู้ว่านี่เป็นเพียงข้อแก้ตัว คาดว่าคนพวกนี้คงไม่ไปตรวจสอบให้ที่หงซินหรอก
“สหาย พวกคุณจะมาตรวจสอบจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย?” ซูเสี่ยวฉินถามอย่างไม่เต็มใจ “ไอ้สารเลวห้าประเภทนั่น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้วกำลังทำให้ชุมชนการผลิตของเราเสียหายนะ ถ้าไม่จัดการจะเกิดหายนะได้”
ถ้าเธอไม่ได้ ซูเสี่ยวเถียนก็ต้องไม่ได้ เธอต้องทำลายฉืออี้หย่วน ทำลายมันให้สิ้นซาก!
หัวใจของเสี่ยวฉินกำลังกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง
“สาวน้อย พวกเราทุกคนรู้ว่าเธอกำลังพูดอะไร เราจะตรวจสอบให้แน่ ๆ แต่สองวันนี้ค่อนข้างยุ่งจริง ๆ” เจ้าหน้าที่ในชุมชนกล่าวกับซูเสี่ยวฉินอย่างมีน้ำอดน้ำทน
เจ้าหน้าที่คนนี้เป็นชายวัยกลางคน และเป็นคนที่มีนิสัยนิ่งสงบ ไม่ใช่พวกหัวรุนแรง อันที่จริงเขาอึดอัดกับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยซ้ำ
แต่พูดอะไรมากไม่ได้ และทำได้เพียงคุยกับเสี่ยวฉินอย่างอดทนเท่านั้น
เขาอยู่ที่ชุมชนใหญ่มาระยะหนึ่งแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กคนนี้มารายงาน
ครั้งแรกนั้น เธอมารายงานเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอไปหาเจ้าหน้าที่หลิว แต่อีกฝ่ายดันทำล้มเลว นอกจากจะไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดแล้วยังเสียทั้งเงินทั้งตั๋วอีกด้วย
ช่วงนี้ สาวน้อยผู้นี้มาที่นี่ถึงสองรอบ ถึงคนที่รายงานด้วยจะเป็นคนละคนกัน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่คนเสแสร้งควรจะทำนี่
คนที่ชุมชนรู้ว่าชุมชนการผลิตหงซินเป็นชุมชนที่ดีมาก คนส่วนใหญ่จริงใจ แล้วทำไมถึงมีแกะดำแบบนี้ออกมา?
ใช่แล้ว ในสายตาเจ้าหน้าที่คนนี้ ซูเสี่ยวฉินมาชุมชนใหญ่เพื่อมาคอยรายงานทุกวัน ไม่ได้ต่างไปจากแกะดำเลย
“สหาย พวกเราต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้นะ จะทนต่อพวกที่เป็นอันตรายต่อพวกเราชาวนาระดับล่างไม่ได้นะ!” ซูเสี่ยวฉินพูดอย่างจริงจัง
ตอนอยู่ที่อำเภอ เธอฟังมาไม่น้อย แล้วตอนพูดออกมาก็มีเหตุผลมาก
แต่เจ้าหน้าที่วัยกลางคนท่านนี้ไม่อยากฟังต่อ บรรยากาศในชุมชนของเราแย่ขนาดนี้เลยหรือ? ไม่ใช่แค่พวกคนหนุ่มสาวหรือไงที่คิดจะสร้างปัญหาทั้งวัน?
ตอนแรกก็ดีอยู่ ถ้าไม่มีคนพวกนี้ก็อาจจะดีมาตลอดก็ได้นะ แต่เพราะมันมีคนแบบนี้ออกมาน่ะสิ ทุกคนจึงตกอยู่ในอันตราย กลัวว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น
“สหายตัวน้อย การตระหนักรู้ของเธอสูงมาก วางใจเถอะ ฉันจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ภายในสามวัน”
เขาจะไม่รู้อะไรได้อย่างไร? หงซินมีเรื่องอะไร ผู้ดูแลเฉียนรู้หมด
ชีวิตคนคอกวัวของที่นั่นดีกว่าของชุมชนอื่น ๆ มาก ใครใช้ให้พวกเขาเลี้ยงไก่เป็นล่ะ?
ตอนนี้ฟาร์มไก่ของหงซินเหมือนดวงตาของชุมชนใหญ่ หวังแต่ว่าฟาร์มพวกเขาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ และทำประโยชน์ให้ได้มากขึ้น
สถานการณ์แบบนี้ ถ้าคนคอกวัวได้ธัญพืชเพิ่มอีกสามถึงห้าจินจะเป็นอะไรไป?
ปกติแล้วคำพูดพวกนี้เขาพูดกับเสี่ยวฉินตรง ๆ ไม่ได้ จึงได้แต่เกลี้ยกล่อมให้เธอยอมกลับบ้านเท่านั้น
ซูเสี่ยวฉินบอกได้เลยว่าคนผู้นี้กำลังพยายามหลอกล่อเธอ
เธอคิดว่าร้องเรียนที่ชุมชนใหญ่ไม่มีประโยชน์อะไร ดูเหมือนต้องไปอำเภออีกรอบ
แต่ถ้าไปอีก ชีวิตคงลำบากมากแน่
คนที่คิดร้ายจะไม่ปล่อยเธอไว้ ถึงตอนนั้นเธออาจจะเป็นฝ่ายถูกทำลายเสียเองแน่นอน
แต่ถ้าไม่ไป ฉืออี้หย่วนก็จะไม่ถูกทำลาย
เธอหม่นหมองนัก แต่ก็ไม่ไปอำเภออยู่ดี ตัดสินใจกลับหงซินเพื่อซ่อนตัวไปก่อน
ซูเสี่ยวเถียนรู้ว่าพี่สาวคนนี้ไปที่ชุมชนใหญ่สองรอบ แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เกิดขึ้น เลยทำให้ยิ่งกังวลกว่าเดิม
โชคดีที่ตอนนี้เหลียงซิ่วและฉีเหลียงอิงได้พักสองวัน จึงกลับมาบ้าน
ทุกคนดูมีชีวิตชีวามาก คุณย่าซูถามลูกสะใภ้ทั้งสองซ้ำ ๆ ว่าปรับตัวเข้าไปกับเมืองหรือเปล่า แล้วก็ถามอีกว่าเป็นคนงานหรือทำฟาร์มในชนบท อันไหนดีกว่ากัน
“แม่คะ เป็นคนงานก็ดีนะ แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกัน ฉันไม่สบายใจเลย ฉันได้แต่ยุ่งอยู่ในส่วนการผลิต ไม่มีโอกาสก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยซ้ำ!” ฉีเหลียงอิงยิ้มน้อย ๆ
เธอชอบชีวิตในเมืองมาก แต่ชีวิตก็ไม่ค่อยได้เป็นอิสระมากนักที่ต้องทำงานแต่ในส่วนการผลิตทุกวัน ถึงกระนั้นมันก็ไม่เหมือนกับการอยู่ที่ชุมชนการผลิตในชนบทที่ได้สัมผัสสายลมและแสงแดดทุกวัน
หลังจากใช้ชีวิตมาระยะหนึ่ง รู้สึกว่าผิวของเธอขาวขึ้นไม่น้อย แล้วก็นุ่มนวลด้วย
“ดีอยู่นะ พวกเราทำงานชนบทโอกาสแบบนี้จะมีไม่ง่ายหรอก พวกเธอไปแล้วก็ต้องตั้งใจทำงานให้ดี อย่าทำให้หงซินอับอายขายหน้า!” คุณย่าซูพูดอย่างจริงจัง
เหลียงซิ่วรีบกล่าว “แม่ไม่ต้องกังวลนะ ฉันพี่กับสะใภ้รองตั้งใจทำงานมาก หัวหน้าทีมบอกว่าเราสองคนเป็นคนขยันขันแข็งที่สุด อ้อใช่ค่ะ กลับมารอบนี้เขาจะเตรียมขนมไข่มาให้หนึ่งถุงด้วยค่ะ”
เธอหยุดไปครู่หนึ่งแล้วว่าต่อ “ขนมไข่ดี ๆ ไม่ได้เอามาหรอก ได้แต่อันที่ทำเสียนะ”
“แม่คะ ถ้าทำเสียแล้วยังกินได้อยู่ไหม?” ซูเสี่ยวอู่พูดอย่างว่างเปล่า
“มันแค่แตกเฉย ๆ ไม่ส่งผลต่อการกินหรอก” เหลียงซิ่วมองไปที่ลูกชายแล้วพูดโกรธ ๆ
เจ้าลูกชายคนนี้ จริง ๆ เล้ย ไม่รู้จักพูดเลย
เสี่ยวอู่ไม่สนใจหรอกว่าพูดถูกหรือผิด แค่เอ่ยปากตรง ๆ “งั้นก็ดีครับ แม่คะ ขนมไข่อร่อยมาก ผมกินได้เลยไหม?”