เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 176 พวกเราทุกคนรักแม่นะ
บทที่ 176 พวกเราทุกคนรักแม่นะ
บทที่ 176 พวกเราทุกคนรักแม่นะ
ทุกครั้งที่แม่มาที่นี่ แม้แต่น้ำสักถ้วยก็ยังไม่มีให้
ดวงตาของเด็กหญิงกลอกไปมาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะรีบพูดขึ้น “คุณยาย หนูหิวน้ำ!”
“วันทั้งวันทำไมมันมีแต่เรื่องเยอะแยะแบบนี้? นังเด็กนี่อยากดื่มน้ำอีก? แกคิดจะทำอะไร?”
แม่เฒ่าเหลียงสาปแช่งเสี่ยวเถียนอย่างไม่เกรงใจ
เธอเป็นพวกปิตาธิปไตย ไม่เคยปฏิบัติกับลูกสาวด้วยความอ่อนโยน นับประสาอะไรกับหลานสาวล่ะ
ซูเสี่ยวเถียนจงใจทำ เธอรู้อยู่แล้ว ยายเป็นคนนิสัยเช่นไรทำไมจะไม่รู้กัน?
ดังนั้นถึงจะถูกด่าก็ไม่รำคาญ
“หนูยังหิวอีกด้วย หนูอยากกินข้าว!” ซูเสี่ยวเถียนตอบโดยไม่สนใจ
แม่เฒ่าเหลียงรู้สึกโมโหจนจะระเบิด
แล้วมาถามว่ากินข้าวได้หรือเปล่าเนี่ยนะ?
โตขนาดนี้ยังฟังความไม่รู้เรื่องอีกหรือ?
ไม่รู้ว่าบ้านซูมันสั่งสอนมาอย่างไรให้โง่!
ซูเสี่ยวเถียนมองแม่เฒ่าเหลียง และรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางให้อะไรเธอกินหรือดื่มแน่
รออยู่พักหนึ่งก็เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบรับอะไร เลยหยิบหมั่นโถวเนื้อขาวเนียนออกมาจากตะกร้าที่นำมา ไม่ได้หยิบแค่ลูกเดียวด้วยนะ หยิบออกมาทีเดียวสามลูกเลย
มือเล็ก ๆ จับแทบไม่ไหว เลยรีบยัดใส่มือให้ซูเสี่ยวอู่และซูเสี่ยวปาคนละลูก
พี่ชายทั้งสองมองหมั่นโถวในมือด้วยความงุนงน นี่ของขวัญบ้านยายไม่ใช่หรือ? เอามากินเองได้อย่างไร?
“พี่คะ พวกพี่ก็กินหมั่นโถวด้วยสิ ยายไม่ให้ข้าวเรากิน แต่พวกเราจะหิวไม่ได้นะ!”
พูดจบก็อ้าปากงับหมั่นโถวหมั่นโถวเนื้อขาวเนียนเข้าไปหนึ่งคำ
แม่เฒ่าเหลียงมองเด็กหญิงที่เอาหมั่นโถวออกมาจากตะกร้า แววตาดูเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง
พอมองไปที่เด็กทั้งสาม แต่ละคนถือหมั่นโถวและกัดกินกันคำโต หัวใจร้าวไปหมด
“พวกแก พวกแก…” แม่เฒ่าเหลียงโกรธจนพูดไม่ออก
เธอกำลังคิดอยู่เลยว่าของในตะกร้าน่าจะเป็นผักกาด หัวไชเท้า หรือไม่ก็ฟักทองกับฟัก แต่ทำไมรอบนี้กลับเป็นหมั่นโถวขาวล้วนล่ะ?
หมั่นโถวลูกขาว ๆ ของเธอ ทำไมถึงโดนไอ้พวกเด็กตะกละทำให้เสียเปล่าไปแล้ว?
อันที่จริง เมื่อเช้าพวกเขากินข้าวมากันแล้ว ตอนนี้เลยยังไม่ค่อยหิวมาก
แต่พอคิดถึงแม่เฒ่าเหลียงที่กำลังโกรธจัด ความชั่วร้ายในใจของซูเสี่ยวอู่ก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาเป็นเด็กชายตัวโต ความเร็วในการกินจึงไม่ช้าเลย
เขากินอยู่เพียงไม่กี่คำ หมั่นโถวลูกใหญ่กว่ากำปั้นผู้ใหญ่ก็หมดลง
ซูเสี่ยวอู่มองหน้าผู้เป็นยายที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกดีใจ
มาบ้านยายไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว แต่ครั้งนี้มีความสุขมาก
เขาหยิบหมั่นโถวออกมาอีกสองลูก แล้วยื่นให้เสี่ยวปาหนึ่งลูก
เสี่ยวปายังเด็ก ที่จริงยังกินได้ไม่เยอะ แต่เพราะพี่ชายยื่นมาให้ก็เลยแสดงความขอบคุณ
ซูเสี่ยวเถียนมองพี่ห้า แล้วรู้สึกว่าพี่ชายเป็นเด็กที่สอนได้!
ของที่เด็ก ๆ กินดูน่าอร่อยนัก ยิ่งพวกเขากินก็ยิ่งน่าอร่อย หัวใจแม่เฒ่าเจ็บปวดยิ่ง
สิ่งของ ๆ เธอ กลับถูกพวกเด็กหน้าด้านทำให้เสียเปล่าไปได้อย่างไรกัน?
“ทำไมพวกแกไม่อิ่มตายไปเลยเล่า แม้แต่หมั่นโถวก็ยังกินด้วยหรือ? ไอ้พวกเด็กเลว ทำไมไม่สำลักตายไปเลยล่ะ!”
ในที่สุด แม่เฒ่าที่หน้าตาแดงก่ำก็ตะคอกด่าในสิ่งที่ต้องการออกมา
เธอด่าอย่างรุนแรงเสียจนเหลียงซิ่วที่ได้ยินรู้สึกแย่มาก
เธอรู้ว่าการที่เด็ก ๆ กินหมั่นโถวที่เอามาฝากเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
แต่ตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ยังด่าเด็กแบบนี้มันสมควรแล้วหรือ?
อย่างไรก็เป็นหลานชายแท้ ๆ นะ!
ซูเสี่ยวเถียนไม่สนใจแม่เฒ่าเหลียง แล้วยังกินหมั่นโถวเข้าไปคำใหญ่
แม่เฒ่าเหลียงทนไม่ได้ที่หมั่นโถวถูกเด็กพวกนี้กิน จึงรีบเข้าไปคว้าเอาไว้
ของทุกชิ้นที่เอามาให้ ล้วนเป็นของเธอทั้งหมด ใครก็ฉวยโอกาสเอาไปไม่ได้!
แต่สามพี่น้องยังวัยเยาว์ และเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง มีที่ไหนจะให้ยายเหลียงคว้าเอาไว้ได้
“ไอ้พวกเด็กเหลือขอ สูญสิ้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหมดแล้ว นี่มันหมั่นโถวของฉัน ฉันจะเอาให้ต้าจู้จื่อกับเอ้อร์จู้จื่อกิน พวกแกเอาวางลงเลยนะ เอาวางลงเลย!”
แม่เฒ่าเหลียงที่ไล่ตามหลาน ๆ เดินไม่มั่นคง พอเห็นหมั่นโถวในมือเด็ก ๆ ยิ่งน้อยลง ในที่สุดก็นั่งลงกับพื้นแล้วสาปแช่ง
ไม่ว่าเหลียงซิ่วจะอดทนได้แค่ไหน แต่ตอนนี้เธอทนไม่ไหวแล้ว
“แม่ แม่ด่าหลานแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”
เธอเองก็เป็นแม่ ยิ่งลูกตัวเองโดนยายของลูกด่าใส่แบบนี้ จะไม่ใส่ใจก็คงแปลกคนแล้ว!
แต่แม่เฒ่าเหลียงกลับคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นไม่ผิด และคิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเหลียงซิ่ว
เลี้ยงลูกมาตั้งกี่คน ไม่ได้ดีเลยสักคน
มาเป็นแขกแท้ ๆ แต่ไม่ได้มีความเป็นแขกเลย!
ยังไม่ได้ต้อนรับก็ถืออาหารกินเองเสียแล้ว? ไอ้พวกคนจนไม่ได้กินข้าวมาแปดชั่วอายุคน
แม่เฒ่าที่คิดว่าหมั่นโถวพวกนี้เป็นของเธอลืมไปเสียสนิทว่าจริง ๆ แล้วเป็นของบ้านซูต่างหาก
“ทำไม ทำไมฉันจะด่าพวกมันไม่ได้? ฉันเลี้ยงแกมาจนโต ด่าไอ้เด็กเหลือขอไม่เท่าไรแกก็ไม่พอใจแล้ว?”
“แกไร้จิตสำนึกไปแล้วหรือ ถ้ารู้ว่าแกจะเป็นไอ้พวกอกตัญญูแบบนี้ ฉันไม่น่าเลี้ยงแกมาจนโตเลย โยนให้หมามันกินยังดีกว่าอีก!”
แม่เฒ่าเหลียงระบายความโกรธทั้งหมดที่มีต่อเหลียงซิ่วออกมา
เดิมทีแกก็เป็นคนแบบนี้ กับสะใภ้ทั้งสามขี้ขลาดตาขาว แต่กับลูกสาวเพียงคนเดียวคิดจะตบก็ตบ คิดจะด่าก็ด่า และตอนนี้ก็ใช้ถ้อยคำที่หยาบคายมาพูดทิ่มแทใจกันอีก
“แม่…” เหลียงซิ่วอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เป็นชะตากรรมที่ถูกมารดาขัดไว้
“ทำไมชีวิตฉันมันขมขื่นนัก บ้านอื่นมีลูกสาวก็มีแต่คนอ่อนโยน แต่ทำไมฉันถึงได้มีผีทวงหนี้แทน แต่งกับพวกคนจนไม่พอยังถ่อมาขอข้าวกินอีก!”
แม่เฒ่าเหลียงด่าออกมารวดเดียว และคงจำไม่ได้แล้วล่ะว่าตั้งแต่ที่ลูกสาวแต่งงานออกไป จนวันที่กลับมาบ้านนี้อีกครั้ง ตัวเธอก็ไม่เคยได้กินข้าวอยู่แล้ว
ซูเสี่ยวเถียนกินหมั่นโถวจนหมด อยากจะบอกว่ามันอร่อยมาก เธอเหลือบมองตะกร้าอย่างไม่มีความสุขแล้วขบคิดว่าจะหยิบอีกลูกมากินดีหรือเปล่า!
แต่หลังจากได้ยินยายด่าอย่างไม่น่าฟัง ในที่สุดก็ตัดสินใจกลับบ้านตั้งแต่เนิ่น ๆ!
“แม่ หนูกลัวแล้ว กลับบ้านกันเถอะ!”
ตัวซูเสี่ยวเถียนสั่นเทาด้วยความกลัว มือคว้าชายเสื้อแม่แล้วบอก
แม่เฒ่าเหลียงเห็นเสี่ยวเถียนละสายตาไปจากตะกร้า แกก็รีบพุ่งเข้าไปใช้ตัวกดตะกร้าเอาไว้
เด็กหญิงได้ยินเสียงดังกร๊อบของตะกร้าที่ถูกกดด้วย
เธอคิดว่าตะกร้าต้องเจ็บแน่!
“ไอ้เด็กล้างผลาญหน้าด้าน ยังคิดอยากกินหมั่นโถวของฉันอีกหรือ? แกคิดว่าแกสวยหรือ ไม่ดูสารรูปตัวเองหน่อยว่าโตมาหน้าตาดีหรือเปล่า!”
ซูเสี่ยวเถียนมองมารดาด้วยแววตาเบิกกว้าง “แม่ นั่นเป็นหมั่นโถวของบ้านเราไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมหนูถึงไม่สวยล่ะ? ใคร ๆ ในหงซินก็บอกว่าหนูน่ารักมาก เป็นเด็กสาวที่สวยกว่าเด็กทุกชุมชนเลย!”
พอซูเสี่ยวอู่ได้ยินที่น้องสาวพูดก็ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง น้องเล็กสวยมาก คนอื่นชมก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เธอชมตัวเองเนี่ยนะ?
แต่ฟังดูลื่นหูอยู่นะ?
“เสี่ยวเถียนของผมสวยกว่าทุก ๆ คนในชุมชนอีก ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้นเสียหน่อย แต่ยังสวยที่สุดในทุกชุมชนใหญ่อีก!” ซูเสี่ยวอู่เอ่ยชมน้องสาวด้วยความจริงใจ
เหลียงซิ่วกลัวลูกสาวจะรู้สึกคับข้องใจเลยรีบกระซิบปลอบ “คุณยายแค่ล้อเล่น เสี่ยวเถียนของบ้านเราเป็นเด็กที่สวยที่สุดเลยจ้ะ”
ตั้งแต่ลูกสาวเกิดมา สมาชิกบ้านซูก็ประคบประหงมมาตลอด ไม่เคยทำให้เกิดความน้อยใจแบบนี้มาก่อนเลย
ตอนนี้เหลียงซิ่วรู้สึกเสียใจจริง ๆ ที่ทำไมถึงพาลูก ๆ มาแล้วยังทำให้คับข้องใจอีก ถ้าเป็นเธอคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก!
เหลียงซิ่วทนไม่ได้ เลยเอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น
มารดาเห็นก็ยิ่งไม่พอใจ แล้วด่าใส่ว่าเหลียงซิ่วมาร้องไห้ถึงบ้าน นำพาความโชคร้ายมาให้เรา
ซูเสี่ยวเถียนกอดแม่ “แม่คะ อย่าร้องไห้เลยนะ หนูกับพี่ ๆ รักแม่นะ!”
เหลียงซิ่วเป็นคนขาดความอบอุ่น ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่ไม่ชอบเธอ พี่ชายก็รังเกียจ พอโตได้ก็ถูกพวกสะใภ้ใช้สายตาทิ่มแทงตลอด
สิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุดมาตั้งแต่แรกคือ ความอบอุ่นของคนในครอบครัว แต่ดูเหมือนว่าบ้านเหลียงจะไม่เห็นด้วย
และตอนนี้ จู่ ๆ เสี่ยวเถียนก็พูดว่า ‘ตัวหนูกับพวกพี่ชายรักแม่’ มันทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วขณะ
เธอมองลูกสาว ฉับพลันหัวใจก็สดใสขึ้นราวกับเมฆหมอกที่ปกคลุมมาหลายปีได้สลายหายไป