เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 197 เส้นที่แตะต้องไม่ได้
บทที่ 197 เส้นที่แตะต้องไม่ได้
บทที่ 197 เส้นที่แตะต้องไม่ได้
“หลี่จื่อกั๋วพยายามข่มขืนฉัน แล้วอาจารย์เสิ่นบังเอิญผ่านมาดี เพื่อปกป้องฉันไว้เขาก็เลยโดนมันต่อย!”
ตอนซูเถาฮวาพูด น้ำเสียงเธอหนักแน่นมาก พูดรวดเดียวทั้งยังกัดฟันกรอดด้วยความโกรธเคือง
ซูฉางจิ่วมองไปซูเถาฮวาด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนจะไม่ได้คิดเลยว่าตนเองเป็นหญิงและเป็นหญิงม่าย การพูดเช่นนี้จะทำให้คนอื่นนินทาเอาได้
ชื่อเสียงของเธออาจถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
แม้แต่หลี่จื่อกั๋วที่กำลังพึงพอใจยังตกตะลึง
เหตุผลที่เขาไม่กลัวคือ เขาเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เพื่อชื่อเสียงแล้วเถาฮวาไม่มีทางพูดความจริงแน่
และคนที่เขาคิดจะลงมือด้วยคือเด็กหญิง ถ้าพูดออกไป อนาคตเขาจะถูกทำลายหรือไม่ แต่ชื่อเสียงของเด็กคนนั้นจะป่นปี้แน่นอน
ไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะโหดเหี้ยมกว่าที่คิดขนาด เอาทุกอย่างมาไว้ที่ตัวเอง
“แก…” หลี่จื่อกั๋วจ้องมองซูเถาฮวาด้วยความไม่เชื่อ
ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ม่าย เธอไม่กลัวข่าวลือหรือคนนินทาว่าร้ายใส่เลยหรือ?
คนบนโลกนี้โดนคนอื่นติฉินนินทาบ่อยแค่ไหนกัน?
“ฉันทำไม? ไอ้สัตว์เดรัจฉานเอ๊ย ฉันอยากจะฆ่าแกนัก!” ซูเถาฮวาจ้องหลี่จื่อกั๋วอย่างดุดัน
ต้องบอกว่าตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าหลี่จื่อกั๋วมีความคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว
สัตว์เดรัจฉานตัวนี้มันคิดจะทำร้ายเสี่ยวเถียน
ไอ้สัตว์เดรัจฉานตัณหากลับ แค่คนเดินผ่านยังไม่เว้นไว้ มันต้องใจกล้าขนาดไหนกัน?
เด็กตัวแค่นี้ยังทำได้เลย ถ้าวันนี้ไว้ชีวิตมันก็ไม่รู้ว่าจะไปทำร้ายใครอีกเท่าไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอยังคิดไปถึงเรื่องที่ว่าหลี่จื่อกั๋วอาจเป็นพวกกระทำผิดซ้ำซากด้วย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันลงมือกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เธอจึงรู้สึกรังเกียจขึ้นมา
เดิมทีซูเถาฮวาไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่เพื่อให้มันได้รับการลงโทษ จึงทุ่มทุกอย่างอย่างเต็มที่
เสิ่นจื่อเจินนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าถูกต่อยจนมองไม่เห็นเค้าเดิม ดวงตาจ้องมองเถาฮวาด้วยความโง่เขลา
ผู้หญิงตรงหน้าคิดอะไรอยู่? เธอไม่รู้หรือไงว่าชื่อเสียงสำคัญกับผู้หญิงแค่ไหน?
ตราบใดที่เธอไม่พูด สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นจะไม่พูดแน่นอน แล้วชื่อเสียงก็จะถูกรักษาไว้ได้ด้วย
ซูเสี่ยวเถียนที่อยู่ในอ้อมแขนพ่อไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ป้าเถาฮวาวางแผนจะสละชื่อเสียงเพื่อแลกกับการที่หลี่จื้อกั๋วที่ถูกจัดการใช่ไหม?
หลังจากที่ซูฉางจิ่วตกอยู่ในความงุนงงชั่วครู่ เขาก็รู้สึกว่าเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ง่ายอย่างที่คิด และไม่คิดว่าเถาฮวาจะกล่าวหาอีกฝ่ายตรง ๆ
ซูเถาฮวาเป็นผู้หญิงวัยกลางคน อายุของเธอไม่น้อยแล้ว และคนในเมืองอย่างหลี่จื่อกั๋วไม่สนใจเธอหรอก
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องใช้วิธีสกปรกเช่นนี้เลย
เขามองสลับไปมาระหว่างคนสองคน ราวกับพยายามหาสาเหตุ
“เขามันคนเลวลุงหัวหน้า เขามันคนเลว!” ซูเสี่ยวเถียนกัดฟันกรอด ตะโกนลั่นพร้อมสะอื้นไห้
จากนั้นซูฉางจิ่วก็จำได้ว่าเสี่ยวเถียนอยู่ที่นั่นในตอนนั้นด้วย
แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงอยู่ด้วยล่ะ?
ต้องเป็นเรื่องลึกลับแน่!
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ต้องให้เถาฮวาอธิบายให้ฟัง
ในฐานะหัวหน้าของชุมชนการผลิต จะปล่อยให้คนนอกรังแกคนของเราไม่ได้!
นี่คือเส้นขีดจำกัดของเรา!
ซูเสี่ยวเถียนเห็นซูฉางจิ่วยังลังเลอยู่บ้างจึงกระซิบบอกผู้เป็นพ่อ
สีหน้าของซูเหล่าซานเปลี่ยนไปอย่างมาก แล้วมองหลี่จื่อกั๋วด้วยไร้ความปรานีมากยิ่งขึ้น
“หัวหน้า หงซินเราจะปล่อยให้ไอ้ตัวโสมมแบบนี้ทำร้ายคนอื่นต่อไปไม่ได้นะ!”
ซูเหล่าซานกัดฟันกรอดขณะพูด อยากจะฉีกมันเป็นชิ้น ๆ
ไอ้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้ ลูกสาวที่พวกเขาทะนุถนอมราวกับเพชรพลอยและสมบัติล้ำค่า เธอเพิ่งอายุไม่กี่ขวบแต่เกือบจะถูกมันทำลาย!
ถึงตายก็ไม่สาสมไปกับสิ่งที่ทำ!
แม้ว่าพี่ใหญ่และพี่รองที่อยู่ด้านข้างจะไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนพูดอะไร แต่พวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับหลานสาว
สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วออกไปข้างหน้า กระชากหลี่จื่อกั๋วออกจากร่างของเสิ่นจื่อเจิน แล้วไขว้มือมันไว้ด้านหลัง
หลี่จื่อกั๋วกำลังสับสนในตอนที่ถูกคนจับไว้
เขาอวดดีว่าตนมีฝีมือ แต่ไม่คิดเลยว่าชาวนาสองคนจะจับเขาไว้ได้ง่าย ๆ จึงพยายามดิ้นรน
แต่พบว่ามือของคนทั้งสองนั้นแข็งแรงราวกับคีมเหล็ก
จากนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบที่กระดูกขา ไอ้คนกักขฬะ ที่แท้ก็เล่นสกปรก!
“พวกแกจะทำอะไร? ฉันเป็นผู้รับผิดชอบคณะทำงานที่อำเภอส่งมานะ พวกแกคิดจะก่อกบฏหรือ? ฉันจะไปฟ้องแน่ จะฟ้องพวกแกแน่!”
“ก่อกบฏ? แกคิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิแก่ ๆ หรือ?”
“แกเป็นคนที่อำเภอส่งมาให้ข่มเหงผู้หญิงสินะ!”
สองพี่น้องพูดพร้อมกัน
สมาชิกส่วนใหญ่ของหงซินมาจากตระกูลซู และความสัมพันธ์ทางสายเลือดของซูเถาฮวากับพวกเขาก็ไม่ได้ไกลกัน จึงโกรธเคืองอยู่แล้ว
“หัวหน้า เขาต้องถูกจัดการ!”
“หัวหน้า คนชั่วแบบนี้ไม่ควรได้รับการยกโทษง่าย ๆ นะ!”
…
“เอาเขาไปขังไว้ก่อน แล้วจัดทหารรักษาการณ์สองสามนายไปคอยเฝ้าไว้ รอพรุ่งนี้เช้าฉันจะส่งเขาไปที่อำเภอเอง!”
คำพูดของซูฉางจิ่วทำลายความหวังสุดท้ายของหลี่จื่อกั๋วอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาไม่คิดมาก่อนว่าคนของหงซินจะกล้าลงมือกับเขา
เขาเป็นคนที่ทางอำเภอส่งมานะ แล้วก็เป็นคนที่ครอบครัวมีภูมิหลังด้วย ไปชุมชนไหนกองการผลิตอะไรก็มีแต่คนอยากประจบประแจงทั้งนั้น
แล้วทำไมพอเป็นหงซินแล้ว มันกลับผิดพลาดไปหมด?
คนหงซินมันโง่หรือเปล่า? ไม่รู้หรือไงว่าถ้าเรื่องแดงขึ้นมา ชื่อเสียงของผู้หญิงคนนี้จะเสียหายมากที่สุดน่ะ?
“หัวหน้าซู คุณไม่มีสิทธิ์มาขังผม!”
ซูฉางจิ่วยิ้มเยาะ “ตอนนี้คุณเป็นคนเลว ไม่ใช่เจ้าหน้าที่จากอำเภอแล้ว!”
ในตอนค่ำ บรรยากาศที่บ้านซูหดหู่ยิ่งนัก แม้อาหารเต็มโต๊ะ แต่ไม่มีใครกินสักคน
เพราะโกรธเกินกว่าจะกินลงได้
ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนเล่าเรื่องราวออกมาทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น
จากนั้นพวกเขาก็รู้ว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นมันไม่ได้ชอบเถาฮวา แต่มันชอบเสี่ยวเถียน
คุณย่าซูกอดหลานสาวพร้อมเช็ดน้ำตาให้ “เสี่ยวเถียนเด็กดี ไม่ต้องกลัวแล้ว ย่ากับปู่อยู่นี่แล้วนะ”
คุณปู่ซูมองหลานแล้วก็พูดเช่นกัน “เถาฮวาทำเพื่อเสี่ยวเถียนของเรา! เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว เป็นแม่ม่าย ทั้งยังยอมเสียชื่อเสียง บ้านเราเป็นหนี้บุญคุณเธอเหลือเกิน!”
ซูเหล่าซานนั่งนิ่งเงียบ
ซูเสี่ยวอู่ตบตัวเองอย่างแรง “มันเป็นความผิดของผมเองครับ ผมควรไปกับน้อง ทำไมต้องให้น้องไปคนเดียวด้วย เสี่ยวเถียน พี่ขอโทษนะ!”
ซูซื่อเลี่ยงรู้สึกผิดเช่นกัน “น้องเล็ก เป็นความผิดของพี่รองเอง จากนี้ไปน้องไปไหนพี่จะตามน้องไปทุกที่เลย ไม่ปล่อยให้น้องไปคนเดียวอีกแล้ว!”
ซูเสี่ยวซื่อก็พูดด้วย “ผมต้องฝึกฝนร่างกายแล้ว ครั้งก่อนที่อาเขยมาสอนผมไม่ตั้งใจเรียนให้ดี ครั้งนี้ผมจะทำให้ดีเลย จะเอาชนะคนเลวเพื่อปกป้องน้อง!”
เพราะคำพูดของพี่สี่ ทำให้เช้าวันรุ่งขึ้น หลานบ้านซูออกมาเริ่มฝึกฝนต่อสู้กันแต่เช้า
ในขณะที่ซูโส่วเวินและพวกน้อง ๆ กำลังเหงื่อออก ซูฉางจิ่วพาหลี่จื่อกั๋วที่ถูกมัดไปที่อำเภอ
กลุ่มคนที่ไปมีไม่น้อยเลย นอกจากซูฉางจิ่วแล้ว ยังมีทหารคอยคุ้มกันหลี่จื่อกั๋วสองสามนายแล้วก็มีซูเถาฮวา ซูเหล่าซาน และลูกสาวของเขาด้วย
ส่วนคนอื่น ๆ แบกเสิ่นจื่อเจินที่โดนต่อยจนได้รับบาดเจ็บสาหัสไป
อันที่จริง เรื่องที่เสิ่นจื่อเจินบาดเจ็บสาหัสมีการหารือกันด้วย
นี่เป็นการตัดสินใจของซูฉางจิ่วและหมอหลี่ที่หารือกันนานกว่าหนึ่งชั่วโมง
จุดประสงค์คือ เพื่อปกป้องเสิ่นจื่อเจิน
หลี่หมิงไฉไปอำเภอด้วยตัวเอง
โรงพยาบาลประจำอำเภอบอกได้อย่างรวดเร็วว่าอาการบาดเจ็บของเสิ่นจื่อเจินไม่ได้ร้ายแรง แค่ต้องหาคนมาช่วยเท่านั้น
ส่วนหลี่จื่อกั๋วที่ถูกมัดไว้แน่นและถูกลากออกไปอย่างทุลักทุเล
เขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่นมาหลายปี ไม่รู้เลยว่าจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ด้วย
เมื่อคืนที่ถูกขังไว้ เขายังคิดถึงโชคที่โอบอุ้มไว้อยู่เลย
เพราะผู้หญิงสารเลวอย่างซูเถาฮวานั่นก็กล่าวหาเขาโดยตรง ในฐานะที่ซูฉางจิ่วเป็นหัวหน้า จะต้องทำแบบนี้เพื่อแสดงออกมาให้พวกสมาชิกเห็นแน่ ๆ
ซูฉางจิ่วจะต้องไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคืองแน่นอน และจะไปหาเถาฮวาเพื่อให้เธอกลับคำด้วย พอถึงตอนนั้นอีกฝ่ายก็จะปล่อยเขาไป
กระทั่งถึงกลางดึก ไม่เพียงแต่ไม่เห็นซูฉางจิ่วเท่านั้น แต่ยังเห็นจำนวนคนมาเฝ้าเขาเพิ่มขึ้นด้วย