เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 198 ฉันจะกลับไปดูแลลูกสาวของฉัน
บทที่ 198 ฉันจะกลับไปดูแลลูกสาวของฉัน
บทที่ 198 ฉันจะกลับไปดูแลลูกสาวของฉัน
หลี่จื่อกั๋วตื่นตระหนก
เขาเริ่มคิดหาวิธีติดสินบนทหารรักษาการณ์
เพราะเขาพึ่งพาซูฉางจิ่วไม่ได้แล้ว แต่ตราบใดที่ออกไปจากหงซินได้ เรื่องนี้ก็จะจบลงอย่างง่ายดาย
เป็นแค่พวกขาจุ่มโคลนไม่ใช่หรือไง จะไปมีอะไรอีกล่ะ?
ไปอำเภอแล้วรู้ไหมว่าประตูที่ว่าอำเภอเปิดทางไหนน่ะ?
แต่ทหารพวกนี้เป็นพวกหัวแข็ง เขาให้ทั้งเงินทั้งตั๋วที่มีอยู่ไป แม้แต่ปากกาที่มีค่า พวกทหารหัวแข็งเหล่านั้นก็ไม่ขยับเลย
เรื่องนี้ยังไม่ทันจบลง คนบ้านซูก็มาถึงในไม้ช้า สายตาของพวกเขาดูน่ากลัวมาก
คืนนั้นเขาถูกทรมานจนเกือบตาย ความเจ็บปวดพวกนี้ทำเขาอยากจะแทบตายลงไปทันที
ไม่รู้ว่าคนบ้านนี้มันทำได้อย่างไรถึงได้ทิ้งร่อยรอยบาดแผลบนร่างไว้เล็กน้อยเช่นนี้
หลี่จื่อกั๋วที่ทนทุกข์ทรมานถูกคนลากเดินไปมา ภายในหัวใจกำลังเดือนดาล และกำลังคิดว่าพอไปถึงอำเภอแล้วจะทำอย่างไร
ในความคิดของเขาคือ พอมาถึงแล้วมันจะกลายเป็นเขตแดนของเขา ด้วยสถานะทางครอบครัวแล้ว หากจะจัดการกับไอ้พวกขาจุ่มโคลนไม่กี่คนจะไปมีปัญหาอะไร?
พอถึงตอนนั้นก็จะเอาคนพวกนี้มาขังไว้แล้วให้พวกมันโดนคนวิพากษ์วิจารณ์และโดนทรมานทุกวัน ทรมานให้สาหัส เอาความเจ็บปวดบนร่างกายของเขาคืนไปให้สาสม
ส่วนสาวน้อยนุ่มละมุนคนนั้นจะต้องได้รับมันเช่นกัน และจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปเด็ดขาด
แต่คนที่คุ้มกันหลี่จื่อกั๋วไม่รู้ว่าในตอนนี้คนที่โดนจับกุมยังคิดทรมานคนอื่นได้อยู่
เพราะถ้ารู้จะต้องเตะมันไปอีกหลายครั้งแน่ แล้วบอกว่าสลบไปก็ดีนะจะได้ฝันกลางวันได้
แต่สิ่งที่ยิ่งคาดหวังก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ
มันคือสิ่งที่หลี่จื่อกั๋วคิดว่าดีและงดงาม
เพราะหงซินไม่ได้ไปในเส้นทางปกติ
แทนที่จะพาเขาไปอำเภอ อีกฝ่ายพาเขาไปที่กรมทหารโดยตรงเพื่อไปหาเฉินจื่ออัน
ตอนที่เห็นประตูของกรมทหาร หลี่จื่อกั๋วก็จำได้ว่าเขาลืมสิ่งที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งไป
เฉินจื่ออันเพิ่งแต่งงานกับผู้หญิงชนบทคนหนึ่ง เหมือนว่าเธอจะมาจากหงซิน
ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่า บ้านหลักตระกูลซูคือพ่อตาของเฉินจื่ออัน
เสี่ยวเถียนที่เห็นอาเขยตัวเองก็ต้องร้องไห้ออกมาอย่างหนักแน่นอน เด็กตัวแค่นี้ ถ้าบอกว่าเสียใจก็คือเสียใจมาก
ถึงจะรังเกียจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ แต่ในเวลานี้ไม่ใช่ปลาตายจนตาข่ายขาด*[1] หรอก แต่ต้องเอาให้หลี่จื่อกั๋วไม่ได้รับโอกาสให้ลุกขึ้นยืนเลยต่างหาก
ซูเสี่ยวเถียนเคยคิดด้วยว่า ถ้ามันหลบหนีไปได้ คนอีกมากมายจะตกอยู่ในอันตรายแน่
ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลุงเสิ่นกับป้าเถาฮวา พวกเขาจะต้องเป็นอันตรายแน่นอน
ครั้นเห็นหลานสาวร้องไห้อย่างเศร้าโศก แม้เฉินจื่ออันจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หัวใจเขาอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะในหัวใจมีเสี่ยวเถียนอยู่ ตำแหน่งไม่ต่างไปจากเจ้าเด็กดื้อที่บ้านเลย
เขารักสาวน้อยคนนี้เหมือนลูกสาวของเขาจริง ๆ
ขอถามหน่อยว่า ถ้าลูกสาวคับข้องใจ ผู้เป็นพ่อจะไม่ปวดใจได้อย่างไร?
เพราะงั้นเฉินจื่ออันจึงรู้สึกปวดใจนัก
เพราะปวดใจ เขาจึงสั่งให้มีการสอบสวนอย่างละเอียดทันที!
หลี่จื่อกั๋วตกตะลึง สาวน้อยคนนี้เรียกเฉินจื่ออันว่าอาเขย?
เขาตีวัวกระทบคราดจริง ๆ หรือ?
หลี่จื่อกั๋วในตอนนี้ต้องขอบคุณสวรรค์ที่เขาลงมือไม่สำเร็จ ไม่งั้นเฉินจื่ออันแยกร่างของเขาออกเป็นชิ้น ๆ แน่
หลังจากที่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพาหลี่จื่อกั๋วไป เฉินจื่ออันก็หันไปจัดการคนอื่น ๆ
“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พวกพี่พาเสี่ยวเถียนกลับบ้านก่อน หม่านซิ่วอยู่บ้าน รอผมไปพาพี่สะใภ้รองกับพี่สะใภ้สามมานะครับ!”
เฉินจื่ออันรู้สึกสงสัยอยู่ในใจจริง ๆ ทำไมพี่ภรรยาทั้งสามถึงมากันหมด แถมยังพาเสี่ยวเถียนมาด้วย
เรื่องนี้ไม่น่าฟัง แสลงหูต่อเด็ก
“พวกเราไปกันเถอะ!” ซูเหล่าซานมีใบหน้าอึมครึม
“หัวหน้า พาพวกชาวนาไปนั่งกินข้าวที่บ้านด้วยกันเถอะ”
ซูฉางจิ่วรู้สึกว่าไม่เป็นการดีเท่าไรหากจะพาคนจำนวนมากไปรบกวน ถึงจะเชิญด้วยความสุภาพแต่ถ้าพวกเขาไปก็คงไม่เคารพสักเท่าไร
“หัวหน้าเฉิน พวกเราไม่ไปรบกวนคุณดีกว่าครับ เดี๋ยวรอที่ที่พักก็พอแล้ว มีอาหารให้กินเหมือนกัน!”
แม้ว่าซูฉางจิ่วจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น แต่เขาก็รู้สึกอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์นี้จะเกี่ยวข้องกับซูเสี่ยวเถียนแน่นอน
เห็นได้จากการที่คนบ้านซูเกือบจะมารวมตัวด้วยกันทั้งหมดในวันนี้
เถาฮวาต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่!
“หัวหน้า เดี๋ยวผมให้คนพาทุกคนไปที่พักแล้วกันครับ แต่พวกคุณต้องมากินข้าวที่บ้านพวกผมนะ”
เฉินจื่ออันยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลก ๆ และรู้สึกว่าหัวหน้าน่าจะรู้อะไรบางอย่าง
แต่เพราะไม่รู้ไง ซูฉางจิ่วก็เลยไม่อยากไปคุยที่บ้านอีกฝ่ายเพราะเรื่องนี้
“ผมไม่ไป เถาฮวาไปเถอะ พวกเราเป็นกลุ่มผู้อาวุโส ส่วนเถาฮวาเป็นผู้หญิง ไปด้วยกันกับเราไม่ดีหรอก แถมอาจารย์เสิ่นต้องการคนดูแลด้วย พวกเรายังต้องไปโรงพยาบาลน่ะ!”
เรื่องนี้บ้านซูไม่อยากให้คนนอกรู้
ถ้าเขาไปจริง ๆ ทุกคนจะไม่พูดกันหรือ?
สู้ให้ซูเถาฮวาไปแทนดีกว่า
แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายเอ่ยอีกอย่างออกมา “หัวหน้า ฉันก็ไม่ไปหรอก ฉันจะไปดูแลอาจารย์เสิ่นที่โรงพยาบาล!”
อาจารย์เสิ่นโดยต่อยอย่างแรง มีแต่พวกผู้อาวุโสแบบนี้จะดูแลกันอย่างไร?
“พวกเราจัดการได้ คุณไปกินข้าวกับเสี่ยวเถียนและคนอื่น ๆ ก่อน ไปจัดการตัวเองสักหน่อย! ถือโอกาสไปพบหม่านซิ่วด้วย ฉันจำได้ว่าคุณมีความสัมพันธ์อันดีกับเธอนะ” ซูฉางจิ่วพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
หญิงม่ายเหมือนกัน จะไปแตกต่างกันมากได้อย่างไร?
หม่านซิ่วมีวาสนา แต่ครั้งนี้กลัวแค่ว่าเถาฮวาจะเสียชื่อเสียงเท่านั้น!
ในที่สุด ซูเถาฮวาก็ไปบ้านซูหม่านซิ่วกับพวกพี่ชายทั้งสามของบ้านซู
ครั้นเห็นคนของบ้านตัวเองมา รวมถึงหิ้วหลานมาด้วย หม่านซิ่วก็ตกใจ กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาที่นี่คะ? มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านหรือเปล่า?”
แม้ว่าซูหม่านซิ่วจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็เห็นว่าพี่ชายทั้งสามรวมถึงพวกหลานชายสีหน้าไม่ดีเลย แต่ละคนใบหน้าดำทะมึนกันทั้งนั้น
ซูเหล่าต้ามองไปรอบ ๆ ก่อนเห็นประตูใหญ่มีคนเดินไปเดินมา จึงโบกมือบอก “ไปคุยกันในบ้านเถอะ!”
ซูหม่านซิ่วรีบเชิญพี่ชายทั้งสาม หลานชาย และเถาฮวาเข้ามาในห้องก่อนจะเทน้ำหวานให้พวกเขา แล้วเอ่ยปากถาม “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น?”
ซูเหล่าต้ามองเสี่ยวเถียน ก่อนจะพูดกับเธอ “เถียนเอ๋อร์ ไปดูน้องชายในห้องไป อย่าให้เขาไปซนนะ!”
เรื่องแบบนี้คงไม่เป็นการดีที่จะให้เสี่ยวเถียนได้ฟัง แสลงหูหลานเปล่า ๆ
ซูเสี่ยวเถียนเข้าห้องไปอย่างเชื่อฟัง แล้วไปเล่นกับเฉินซิ่วหย่วนน้องชายที่อายุหนึ่งขวบ
เธอไม่ได้เจอน้องชายมานานแล้ว ในใจเธอก็ยังสงสัยใคร่รู้ว่าเด็กที่โตแล้วจะน่ารักกว่าตอนเด็กหรือเปล่า
ซูเหล่าต้าอธิบายเรื่องราวทั้งหมดสั้น ๆ และสีหน้าของซูหม่านซิ่วไม่ดี มันมืดมนนัก
“ยังมีสัตว์เดรัจฉานแบบนี้อีกนะ!”
หลังจากด่าหลี่จื่อกั๋ว ซูหม่านซิ่วก็คว้ามือของซูเถาฮวาแล้วเอ่ย “พี่เถาฮวา ขอบคุณพี่มากค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ เสี่ยวเถียนคงได้รับอันตราย!”
“ใครเห็นก็ต้องช่วยสิ อีกอย่างฉันก็เป็นป้าของเสี่ยวเถียนไม่ใช่หรือไง?”
“พี่เถาฮวา พี่เสียสละชื่อเสียงเพียงเพื่อปกป้องหลาน บ้านผู้เฒ่าซูของเราอยากขอบคุณพี่จริง ๆ ค่ะ!” ซูหม่านซิ่วกล่าวอย่างจริงใจ
ในฐานะผู้หญิงที่เคยหย่ามาก่อน เธอรู้ดีว่าพี่สาวคนนี้กำลังลำบากแค่ไหน!
“ฉันอายุปูนนี้แล้ว ไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเองหรอก เสี่ยวเถียนยังเป็นเหมือนดอกบัวตูม จะทำลายชื่อเสียงของหลานไม่ได้”
ซูเถาฮวาฉีกยิ้มอย่างฝืนใจ “ที่จริงมันเกี่ยวข้องกับอาจารย์เสิ่นด้วย!”
เธอคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ผู้ชายคนหนึ่งจะอ่อนแอถึงขนาดถูกทุบจนล้มลงกับพื้นโดยไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนได้แม้แต่ก้าวเดียวเลย
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกเราอยู่ดี!
“อาจารย์เสิ่น?”
ซูหม่านซิ่วไม่ได้กลับบ้านเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว จึงไม่รู้ว่ามีเสิ่นจื่อเจินอยู่ที่หงซินด้วย
“เพิ่งถูกย้ายมาหงซินปีนี้น่ะ รอบก่อนเธอรีบไปเลยไม่ได้เล่าให้ฟัง” พี่ใหญ่ซูตอบ
“งั้นรอฉันทำอาหารไปส่งให้เขาที่โรงพยาบาลนะคะ พวกเราได้รับความช่วยเหลือไม่ตอบแทนไม่ได้!” ซูหม่านซิ่วพูดทันที
“บุญคุณต้องตอบแทน ไอ้สัตว์เดรัจฉานหลี่จื่อกั๋วนั่น ต้องไม่ปล่อยไปอย่างง่ายดายแน่!” ซูเหล่าต้าพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
สัตว์เดรัจฉานแบบนั้น ต่อให้ตีจนตายก็ไม่ได้อะไร แต่มีชีวิตอยู่ต่อไปก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำไปอย่างนั้น!
ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าไม่ยินยอม เมื่อคืนเขาคงจะเตะมันให้ตายไปแล้ว!
แต่แค่ให้มันเจ็บปวดน้อยนิดเท่านั้น เขาจะบรรเทาความอึดอัดในอกได้อย่างไร
“พี่ใหญ่วางใจเถอะ จื่ออันจะจัดการให้เอง!”
เรื่องนี้ หม่านซิ่วเชื่อในความสามารถของสามีมาก
ในไม่ช้า สะใภ้บ้านซูทั้งสองก็รีบตามมา
พอเหลียงซิ่วได้ยินว่าลูกสาวกับสามีมาอำเภอก็นึกสงสัย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก
กระทั่งมาถึงบ้านของหม่านซิ่วก็เห็นคนเยอะไปหมด เลยตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หลังจากได้ยินว่าเกือบเกิดเรื่องกับเสี่ยวเถียน หัวใจผู้เป็นแม่แทบแตกสลาย
เธอปิดหน้าและร้องไห้อย่างเศร้าโศก
และหลังจากร้องไห้ เธอก็ยังตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วย “ฉันจะไม่เป็นคนงานแล้ว ฉันจะกลับบ้าน ฉันจะกลับไปดูแลลูกสาวของฉัน!”
*[1] สู้กันจนกว่าจะตายไปด้วยกันทั้งคู่