เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 214 คนเราจะโชคร้ายขนาดนี้เลยหรือ
บทที่ 214 คนเราจะโชคร้ายขนาดนี้เลยหรือ
บทที่ 214 คนเราจะโชคร้ายขนาดนี้เลยหรือ
มีหญิงชราผมหงอกคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงที่ทำจากไม้กระดานหัก ห่มด้วยผ้านวมขาดรุ่งริ่งซึ่งไม่ได้ดีไปกว่าผ้าขี้ริ้วมากนัก
มีใยฝ้ายห้อยออกมาจากนอกผ้านวม
นอกจากนั้นก็มีเตาดินอีกเตา น่าจะเอาไว้ทำอาหาร
แต่หม้อและเตาเย็นแข็ง ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้าง
โส่วเวินวางชายชราไว้บนเตียงที่ทำจากไม้หัก
ถึงจะเกิดความโกลาหลขึ้น แต่คนบนเตียงไม่ตอบสนองเลย
ชายชราปาดน้ำตาที่ไหลออกมา แล้วพูดอย่างอับอาย “ขอบคุณพวกเธอมาก ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอพวกเธอคงไม่ได้กลับมาแล้ว!”
เสี่ยวเถียนมองหญิงชราอีกคนที่นอนอยู่บนเตียง
ผิวของอีกฝ่ายแดงผิดปกติ หายใจเข้าถี่ แต่หายใจออกน้อย
“ทำไมป่วยแบบนี้ล่ะ?” ซูเสี่ยวเถียนถามด้วยเสียงต่ำ
“เพื่อปกป้องฉันน่ะ เธอโดนคนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แล้วก็ตากฝนด้วย สภาพเลยกลายเป็นแบบนี้!”
“มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่ต้องให้ผู้หญิงมาปกป้อง ฉันมันไร้ประโยชน์จริง ๆ!”
ชายชรากุมศีรษะแล้วสะอึกสะอื้นร้องไห้ โส่วเวินเห็นแล้วก็ทนไม่ไหว
เสี่ยวเถียนไม่สบายใจเช่นกัน แต่รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาเช่นนั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำตอนนี้คือการช่วยชีวิตคนก่อน เรื่องอื่นไว้ว่ากันทีหลัง
“ความสามารถด้านการรักษาของหนูมีจำกัด แต่จะพยายามดูนะคะ!” ซูเสี่ยวเถียนพูดคำน่าเกลียดก่อน
ชายชรารีบพยักหน้า “ทำให้ดีที่สุดก็พอ ฉันเข้าใจ ขอบคุณมากนะสาวน้อย!”
ที่จริงเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
แต่ตราบใดที่ยังมีหนทางอยู่เพียงเล็กน้อย พอได้ยินว่าเสี่ยวเถียนรักษาได้ก็ขอความช่วยเหลือโดยไม่ลังเล
ตั้งแต่ที่เชิญเสี่ยวเถียนมา เขารู้ว่าเขามีความหวังเพียงน้อยนิด
เด็กสาวนั่งบนหัวเตียง จับชีพจรของหญิงชรา
เธอไม่ค่อยตรวจชีพจรบ่อย แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
ในไม่ช้า เธอก็ยืนยันอาการเจ็บป่วยได้ และรู้ว่ามันอันตรายทั้งไม่ง่ายที่จะรักษา
สถานการณ์ที่ร้ายแรงแบบนี้ ควรไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยาดีที่สุด
แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้พูด
“คุณตา หนูหายามาให้ได้นิดหน่อย ถ้าไข้ลดอาจจะดีขึ้น ถ้า…” ซูเสี่ยวเถียนทนพูดไม่ไหวอีกต่อไป
ชายชราได้ยินเสี่ยวเถียนบอกว่าทำยาได้ก็ซาบซึ้งมาก เขารีบพลิกตัวคิดจะคุกเข่าโค้งคำนับให้เด็กสาว
แต่เสี่ยวเถียนรีบรั้งอีกฝ่ายไว้
“คุณตา ขาของคุณได้บาดเจ็บหนัก อย่าขยับเลย เดี๋ยวหนูจะดามมันไว้นะ”
เสี่ยวเถียนคิดว่าจะกลับไปที่บ้านอาใหญ่ ดูว่าที่บ้านมียาสำรองหรือเปล่า
หน้าที่นี้มอบหมายให้พี่รองและพี่แปดเป็นคนลงมือ
ซูเสี่ยวเถียนพบไม้กระดานสองแผ่นที่แทบจะใช้งานไม่ได้ ก่อนจะเอามาดามขาของชายชรา
“คุณตา ขาข้างนี้ต้องระวังไว้นะ ถ้าเจ็บอีกคงยากจะช่วยไว้แล้ว อีกอย่างพยายามกินของดี ๆ สักหน่อยจะได้ไปบำรุง สุขภาพของคุณทั้งสองแย่มากเลย!”
ตอนเสี่ยวเถียนพูด เธอมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นอาหารในบ้านที่มีเพียงมันฝรั่งสองสามลูกเท่านั้น
“คุณตา ที่มีข้าวฟ่างไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนถามอย่างไม่มั่นใจ
ชายชราส่ายหน้าอย่างเขินอาย
เขาไม่เคยใช้ชีวิตแบบนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เด็กจนโตเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาตลอด
ไม่คิดว่าพอแก่ตัวลง จะไม่มีเสื้อผ้าและอาหารเพียงพอต่อการใช้งาน
“พี่ใหญ่ หนูมีตั๋วอาหารกับเงินอยู่ พี่เอาไปซื้ออาหารกลับมาได้ไหม”
ตั๋วอาหารและเงินที่เสี่ยวเถียนแลกมาจากการอ่านหนังสือจากระบบอยู่กับเธอ ก็เลยมอบให้โส่วเวิน
แต่พี่ใหญ่ไม่อยากละสายตาไปจากน้อง จึงมองไปที่คนอื่นข้างนอกอย่างลังเล
“ฉันกับเสี่ยวเฉ่าจะไปเอง!” เสี่ยวเหมยยิ้ม
ซูซานกงกลัวว่าสองสาวจะไม่ปลอดภัย เลยรีบพูดขึ้น “เดี๋ยวผมตามไปด้วยแล้วกัน จะได้ช่วยกันได้!”
ชายชราไม่คาดคิดว่าหลังจากดูอาการป่วยและช่วยหายาแล้ว ยังคิดจะแบ่งอาหารให้เขาอีกด้วย
“สาวน้อย เธอเป็นคนดีจริง ๆ!” ชายชรามองภรรยาที่นอนอยู่ก่อนพึมพำ “ยายเฒ่า เธอเป็นคนดีมาทั้งขีวิตแต่ไม่เคยเจอคนดี ๆ เลยคราวนี้ได้เจอแล้วนะ!”
เอ่อ~~~~~~
ซูเสี่ยวเถียนประหลาดใจ นี่หมายความว่าอย่างไร?
ไม่เคยเจอคนดี ๆ มาทั้งชีวิตเลยหรือ? โชคร้ายอะไรขนาดนี้นะ?
พวกเสี่ยวเหมยไปซื้อข้าว ส่วนพี่รองกับพี่แปดก็กลับมาพอดี
ในตอนที่พี่ชายกลับมา เขาพาคนมาเพิ่มอีกสองคนด้วย ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหม่านซิ่วที่อุ้มน้องชายคนเล็กมา
“อาใหญ่ ทำไมมาได้ล่ะครับ?” ซูโส่วเวินเห็นหม่านซิ่วเป็นคนแรกก็รีบวิ่งไปหา
“ไม่ใช่เพราะว่าพวกเราทำเรื่องบ้าบิ่นอยู่หรือไง อาเป็นห่วงถึงได้มาหาเนี่ย?”
หม่านซิ่วมองโส่วเวินอย่างตำหนิราวกับจะกล่างโทษ เป็นพี่ใหญ่แท้ ๆ ทำไมพาน้องมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้
แต่เธอแค่มอง ไม่ได้ตำหนิออกมา
ช่วยหนึ่งชีวิตยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น*[1]
ซูหม่านซิ่วเป็นคนใจดีและเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น!
“อาใหญ่ ที่บ้านมียาไหมคะ?” เสี่ยวเถียนรีบเข้าไปหา แต่ว่าถามเรื่องยาก่อน
หญิงชราบนเตียงอาการแย่ลงเรื่อย ๆ เธอกลัวว่าจะช่วยไว้ไม่ได้
“นี่คือยาที่หลานขอ ยาอื่น ๆ ที่บ้านอาก็เอามาด้วย!” หม่านซิ่วยื่นถุงยาในมือให้หลานสาว
ซูเสี่ยวเถียนไม่มีเวลาพูด เธอให้ยาคนป่วยบนเตียงทันที
แต่อีกฝ่ายอาการโคม่ามาก ป้อนไม่ได้เลย หลังจากใส่ปากก็ไม่กลืนลงไป
ชายชรารีบร้อนถาม “แล้วจะทำยังไงดี ทำยังไงดี?”
“ยายเฒ่า อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ เดินมาด้วยกันตั้งหลายปี จะทิ้งกันตอนนี้ไม่ได้นะ!”
เสี่ยวเถียนมองหญิงชราแล้วขมวดคิ้ว ก่อนจะเคาะ ๆ จุดหนึ่ง หลังจากนั้นก็รินน้ำลงไป แล้วเธอก็กลืนยาได้ในที่สุด
“กลืนลงไปแล้ว” ซูเสี่ยวเถียนพูดด้วยความโล่งอก
ชายชราไม่คาดคิดว่าซูเสี่ยวเถียนจะมีความสามารถเช่นนี้ และเขารู้สึกซาบซึ้งมากในทันที
ภรรยาใจดีต่อผู้อื่นมาทั้งชีวิต และนี่คือผู้มีพระคุณผู้ช่วยชีวิตที่สวรรค์ส่งมาให้!
ไม่งั้นจะได้เจอครอบครัวที่ดีแบบนี้ได้อย่างไร?
“สาวน้อย ขอบคุณมาก ๆ นะ ขอบคุณ ๆ ขอบคุณพวกเธอมากจริง ๆ!”
เสี่ยวเถียนหยิบยาออกมาสองสามเม็ด “คุณตากินยาเม็ดนี้นะ อาการบาดเจ็บจะได้ดีขึ้น แล้วก็ป้องกันการอักเสบด้วย”
ชายชรารับยาจากมือเด็กสาว แล้วกลืนเข้าไป
“พวกเธอเป็นคนดีนัก ความดีของพวกเธอ ตัวฉันถานจื่อสือจะจดจำไว้! จากมีโอกาสในภายภาคหน้าจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอน!”
ถานจื่อสือ?
ซูเสี่ยวเถียนคุ้นชื่อมาก แต่จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินจากที่ไหน
หม่านซิ่วรอไม่ไหวแล้ว จึงเร่งหลานและคนอื่น ๆ ให้ออกไป
“คุณอาคะ พวกพี่เสี่ยวเหมยกำลังไปซื้อข้าว”
พอได้ยินหลานว่าเช่นนี้ อาอย่างเธอไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย
เสี่ยวเถียนเป็นคนใจดี ให้ยาก็ว่าดีมากแล้ว นี่ยังให้ข้าวอีกหรือ?
แต่พวกเขาไปซื้อแล้วน่ะสิ ช่วยไม่ได้ เธอให้โส่วเวินพาคนอื่น ๆ กลับไปก่อน ส่วนเธอรอกับเสี่ยวเถียนแทน
แต่อีกฝ่ายปฏิเสธ ทว่าหม่านซิ่วก็บอกว่าคนเยอะไปจะดึงดูดความสนใจเอาได้
ถึงเธอจะอยู่บ้านทุกวัน แต่ก็รู้ว่าสถานการณ์ปั่นป่วนในอำเภอไม่สงบอย่างที่เห็น
นี่คือการช่วยชีวิตคน แล้วถ้าในยุคนี้หากช่วยคนที่ไม่สมควรช่วย เราก็จะโดนหางเลขไปด้วย
ในไม่ช้า ซูเสี่ยวเหมยและคนอื่น ๆ ก็กลับมาพร้อมกับข้าวฟ่างประมาณสองหรือสามจิน
“คุณตาคะ กินข้าวนี่ก่อน แล้วรอหนูกลับมาคิดหาวิธีนะ” ซูเสี่ยวเถียนวางข้าวลงบนเตาแล้วพูดกับชายชรา
ซูหม่านซิ่วเตือนให้เด็ก ๆ รีบไป
ถึงเสี่ยวเถียนจะกังวล แต่ก็รู้ว่าอาใหญ่ห่วง จึงทำตามเธอแล้วรีบออกไป
เห็นพวกกลุ่มคนออกไป ถานจื่อสืออดร้องไห้ไม่ได้
ระหว่างทาง ซูหม่านซิ่วเอ่ยกับหลานสาว “จากนี้ไปจะประมาทแบบนี้ไม่ได้นะ!”
หลานเธอเป็นเด็กปากหวานมาแต่ไหนแต่ไร เธอยอมรับความผิดพลาดและเอ่ยขอโทษตลอด เป็นเด็กดีคนหนึ่ง
“แม่ แม่!” เฉินซิ่วหย่วนรีบกอดคอของมารดา ท่าทางเหมือนจะช่วยพูดให้พี่สาว
หม่านซิ่วอดหัวเราะไม่ได้ นี่มันทำให้เธอดูเป็นคนไม่ดีหรือเนี่ย?
ตอนที่ทุกคนกลับไปก็รู้ว่าเหล่าซานที่ออกไปปฏิบัติงานกลับมาแล้ว
“พ่อจ๋า!” ซูเสี่ยวเถียนก้าวไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้นแล้วดึงแขนเสื้อบิดาที่เหน็ดเหนื่อยราวกับเด็ก ๆ
ใบหน้าของเหล่าซานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาบีบหน้าลูกสาวด้วยความเอ็นดู “เด็กคนนี้ โตแล้วยังจะทำตัวเป็นเด็ก ๆ อีก!”
ซูเสี่ยวเถียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ “พ่อจ๋า พ่อไปตั้งนาน ทำงานราบรื่นดีด้วย หนูคิดถึงพ่อมาก!”
รอบนี้เหล่าซานเดินทางไปใกล้ ใช้เวลามากกว่าเดือนเกือบสองเดือน เสี่ยวเถียนไม่ได้เจอเขานานมาจริง ๆ
ตอนเหลียงซิ่วเดินเข้าไปก็เห็นสองพ่อลูกสนิทสนมกันเหลือเกิน จู่ ๆ ก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมา
“แม่เห็นแล้ว เป็นพ่อลูกกันแท้ ๆ สินะ ส่วนแม่คนนี้ก็แค่แม่ปลอม ๆ!”
ถึงจะรู้ว่าเหลียงซิ่วตั้งใจพูด แต่เสี่ยวเถียนก็เดินขึ้นไปกอดแขนทันที
“แม่จ๋า ไม่จริงนะ แม่เป็นแม่แท้ ๆ ของหนู!”
เสี่ยวปาอิจฉาที่เห็นน้องสนิทกับพ่อแม่ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กผู้ชาย ทำตัวอ่อนหวานแบบนั้นไม่ได้
แต่ถ้าอยากทำตัวน่ารักเหมือนน้องสาวจริง ๆ ขึ้นมา จะเป็นอย่างไรนะ?
*[1] การช่วยเหลือชีวิตคนเป็นบุญกุศลยิ่ง