เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 222 แน่ใจหรือว่าเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ น่ะ
บทที่ 222 แน่ใจหรือว่าเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ น่ะ
บทที่ 222 แน่ใจหรือว่าเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ น่ะ
ซูเถาฮวาไม่อยากให้เด็ก ๆ เขามาเกี่ยวข้อง พวกเขาไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เธอรีบพูดกับเสี่ยวเถียน “เสี่ยวเถียน พวกเธอรีบออกไปเถอะ!”
หลานสาวไม่ทันได้ตอบ ก็ได้ยินเสิ่นเหวินหย่วนด่าขึ้น “ต่ำกันทั้งครอบครัว”
เดิมทีหล่อนก็เกลียดพวกเสี่ยวเถียนอยู่แล้วที่ไม่ไว้หน้าตนเอง ตอนนี้ได้ยินพวกมันเรียกเถาฮวาว่าป้า ก็รู้สึกสังเวชทันที
“เหวินหย่วน ลูกพูดแบบนี้ได้ยังไง?” เสิ่นจื่อเจินได้ยินลูกสาวด่าก็เอ่ยปากทันที
“แกเสียใจหรือ? เสิ่นจื่อเจิน แกยังเป็นคนอยู่? ฉันอยู่บ้านทำงานอย่างหนัก แต่แกกลับวิ่งโล่มาหาผู้หญิงถึงนี่เนี่ยนะ?!”
พอจูอวี้หลิงได้ยินอดีตสามีกล่าวหาลูกสาว เธอยอมไม่ได้ในทันที
“ที่แท้ก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ป้ามันเป็นยังไง หลานสาวมันก็เป็นแบบนั้น!” เสิ่นเฟยเหวินยังมองไปที่เถาฮวาและคนอื่น ๆ ด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ป้าหนูทำไมคะ? ป้าหนูดีกว่าพวกคุณเยอะ!” เห็นเถาฮวาหน้าซีด เสี่ยวเถียนก็โกรธมากแล้วเดินเข้าไป
“ป้าแกมันหน้าด้าน ยั่วยวนพ่อของฉัน!” เสิ่นเฟยเหวินพูดด้วยความมั่นใจราวกับว่าเรื่องราวมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วสิ
เขาคิดว่าเสี่ยวเถียนก็แค่เด็กคนหนึ่ง ไม่ได้รู้มากแน่นอนจึงมั่นใจ
เสี่ยวเถียนเหลือบมองพวกเขา
“ยั่วยวนพ่อของคุณ? หนูจำได้นะว่าพวกคุณกับลุงเสิ่นตัดขาดกันแล้ว? อายุก็น้อยทำไมไร้สมองขนาดนี้?”
ชายหนุ่มโดนเสี่ยวเถียนด่า ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนบูดบึ้งน่าเกลียด
เขาไม่คิดเลยว่าไอ้แก่นี่จะเอาเรื่องนี้มาพูดกับพวกไร้ค่าด้วยซ้ำ
ที่แท้ก็โดนผู้หญิงบ้านนอกยั่วยวนสินะ? เรื่องนี้ก็บอกคนอื่นด้วยหรือ?
พอนึกขึ้นได้ เขาก็ตวัดสายตาจ้องมองบิดาอย่างดุดัน
เสี่ยวเถียนบังเอิญเห็นสายตาเขา จึงอดหัวเราะไม่ได้ ไม่เคยเห็นคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย
แต่ที่ทำให้เธอไม่กล้าจะเชื่อเลยก็คือยังมีคนอย่างเสิ่นเฟยเหวินที่หน้าด้านยิ่งกว่านี้อีก
เสิ่นเหวินหย่วนขมวดคิ้ว ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทีเหนือกว่า “ถ้าตัดขาดกันแล้วมันจะทำไม? เขาเป็นพ่อพวกเรา! ยังไงเราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่!”
“เสิ่นจื่อเจิน แกสูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วยการทิ้งภรรยาและลูกไปแล้ว! คนอย่างฉันมันตาบอดจริง ๆ ที่ใช้เวลาทั้งชีวิตกับแก!”
จูอวี้หลิงยังคงด่ากราดอย่างร้ายกาจ ถ้าคนไม่รู้เรื่องก็คิดว่าเสิ่นจื่อเจินทำอะไรผิด
“ในเมื่อพวกเธอคิดตัดขาดตั้งแต่ต้น จากนี้ไปก็ไม่ต้องมาอีก อย่างน้อยตัวฉันที่อาศัยอยู่ที่คอกวัวในฐานะผู้กระทำความผิดอาจจะดึงพวกเธอมาเกี่ยวก็ได้!” เสิ่นจื่อเจินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทว่าก็ยังอธิบายให้พวกจูอวี้หลิงฟัง
แต่ถ้าอีกฝ่ายมีเหตุผล ก็คงไม่ตัดขาดเพราะเรื่องนี้กันตั้งแต่แรก
“เสิ่นจื่อเจิน พวกเราไม่กลัวข้องเกี่ยวกันอยู่แล้ว รีบบอกนังผู้หญิงคนนี้ซะว่าจะตัดขาดกับมัน!” จูอวี้หลิงชี้ไปยังเถาฮวาด้วยท่าทางสูงส่ง
เถาฮวาเป็นคนขี้ขลาด แววตามีแต่ความด้อยค่าตนเอง
เสี่ยวเถียนมองเธอแล้วอดกังวลไม่ได้
เถาฮวาขยับปากคล้ายจะพูดบางอย่างกับสามี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไปราวกับรอคำตัดสินของเขา
แม้พวกเราจะจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมาย แต่จูอวี้หลิงผู้สง่างาม และเครื่องหน้าดูดีที่ปรากฏตัวต่อหน้าทำให้เธออับอาย
รูปร่างหน่าตาของจูอวี้หลิงดูดีมาก และคู่ควรกับคนอย่างเสิ่นจื่อเจิน
ส่วนเธอเป็นหญิงบ้านนอกหยาบคาย จะคู่ควรกับเสิ่นจื่อเจินได้อย่างไร?
นอกจากนี้ยังมีลูกด้วยกันสองคนด้วย เพื่อลูกแล้วเสิ่นจื่อเจินก็น่าจะเลือกจูอวี้หลิง
ตั้งแต่ที่หย่ามา ที่จริงซูเถาฮวาไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย
ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าเธอจะได้หย่าอีกครั้ง
“จูอวี้หลิง ตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวกันแล้ว? ต้องให้ฉันบอกเธอกี่ครั้งกัน? และภรรยาของฉันในตอนนี้ก็คือเถาฮวา!”
คำพูดอันดังของเสิ่นจื่อเจินทำให้ทุกคนตะลึง
เถาฮวามองสามีด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อและตื้นตันไปพร้อม ๆ กัน
จากนั้น เสิ่นเหวินหย่วนก็เป็นคนแรกที่ตอบสนอง
“พ่อ พ่อพูดแบบนี้ได้ยังไง? พวกเราเป็นพ่อลูกกันนะ พ่อไม่ต้องการพวกเราแล้วหรือ?”
ครั้นเสิ่นจื่อเจินได้ยิน ใบหน้าก็ฉายชัดถึงความเศร้าหมอง
พวกลูก ๆ เลือกที่จะหักหลังในวันที่เขาลำบากมากที่สุด
และตอนนี้กลับมาพูดว่าเป็นพ่อลูก ฟังแล้วไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร?
ไม่ทันได้ตอบ เสี่ยวเถียนก็หัวเราะเสียงเย็น มันดึงดูดความสนใจของทุกคน
“แกหัวเราะอะไร?” เสิ่นเหวินหย่วนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พ่อลูกหรือ? แน่ใจนะ?”
ประโยคลอย ๆ กลับทำให้ทุกคนตรงนั้นชะงัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจูอวี้หลิงผู้มากเรื่อง พอได้ยินเสี่ยวเถียนพูดเช่นนั้น ร่างกายกลายก็หยุดชะงัก
เด็กสาวจ้องหญิงวัยกลางคน
เธอเห็นความตื่นตระหนกในดวงตาคู่นั้นได้อย่างชัดเจน
เสี่ยวเถียนคลี่ยิ้มบาง
สาวน้อยคนนี้หมายความว่าอย่างไร?
เธอรู้อะไร?
ไม่ควรสิ!
พวกเราเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก จะไปรู้เรื่องนี้มาได้อย่างไร?
เสี่ยวเถียนไม่รู้เรื่องราวอะไรนั่นหรอก แค่จำได้ว่าหลังจากเสิ่นจื่อเจินกลับเมืองหลวงแล้ว เขาได้ตัดขาดกับภรรยาและลูกอย่างสิ้นเชิง
สาเหตุที่เลิกกันน่าจะเป็นเพราะอดีตภรรยามีรักใหม่!
เธอพูดอย่างบุ่มบ่ามในตอนนี้ ที่จริงตั้งใจจะทำให้อกแตกเฉย ๆ
ไม่คิดว่า สีหน้าอีกฝ่ายจะเผยออกมาในทันที!
ตอนนี้ซูเสี่ยวเถียนเกือบแน่ใจแล้วว่า ตัวตนของลูกทั้งสองนี้จะต้องมีความลับอื่นอีก
เสิ่นจื่อเจินที่เคยจับจูอวี้หลิงผู้ซึ่งพยายามจะข่วนหน้าเถาฮวาไว้ในตอนแรก
เขาไม่คิดว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายก็หยุดการเคลื่อนไหวในทันที
เขาคิดถึงประโยคลอย ๆ เมื่อครู่ หัวใจพลันจมดิ่ง
หรือว่าเสี่ยวเถียนจะรู้อะไรมา?
คำพูดอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ถึงกลับเงียบลงทันที?
เสิ่นจื่อเจินมองจูอวี้หลิงด้วยสายตาคาดคั้น!
ส่วนตัวหล่อนนั้นรู้สึกว่าสายตาอดีตสามีแปลก ๆ ก่อนจะคิดว่าตัวเองอาจแสดงท่าทีมากเกินไป
จูอวี้หลิงเริ่มฉีกกระชากและด่ากราดอีกครั้ง เธอสร้างปัญหาอีกรอบ!
“ดีเหลือเกิน เสิ่นจื่อเจินเอ๋ย ตัวเองออกไปมีชู้ข้างนอก แอบฉันไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น แล้วยังปล่อยให้ไอ้เด็กผีนี่มันย่ำยีฉันอีก!”
“ฉันจะเอาแกให้ถึงที่สุด ให้โลกมันรู้ไปเลยว่าเสิ่นจื่อเจินอย่างแกมันเป็นคนแบบไหน!”
“ฉันทนทุกข์มาเพื่อแกตั้งมาก แต่แกกลับไปเป็นชู้กับมัน คอยดูฉันฉีกหน้าแกได้เลย แกยั่วสามีคนอื่น แกล่อลวงเขา นังสารเลว นังคนไร้ค่า…”
เธอด่ากราดอย่างรุนแรง ทำใบหน้าเถาฮวาซีดเผือด
เธอกลายเป็นคนล่อลวงสามีคนอื่นตั้งแต่เมื่อไร?
เสิ่นจื่อเจินโกรธมากจนร่างกายสั่นเทิ้ม ผู้หญิงคนนี้ก้าวร้าวขึ้นเรื่อย ๆ แล้วยังพูดจาทุเรศแบบนี้อีก!
ปากคอเราะร้ายนัก!
“เธอหุบปากเสียทีได้ไหม!” เสิ่นจื่อเจินออกแรงบีบข้อมือมากขึ้น ทำให้จูอวี้หลิงเจ็บขึ้นมา
แต่เสิ่นจื่อเจินเป็นเพียงนักวิชาการผู้อ่อนแอ ทั้งยังไม่สามารถทำร้ายจูอวี้หลิงได้จริง ๆ แต่กลับทำให้เธอโกรธแทน