เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 231 ทำกระเป๋าใบใหม่
บทที่ 231 ทำกระเป๋าใบใหม่
บทที่ 231 ทำกระเป๋าใบใหม่
หวังเซียงฮวาดูแลฟาร์มไก่มาตลอดสองปีที่ผ่านมา คนที่สนิทด้วยก่อนหน้านี้ก็แตกต่างไปจากเดิม และความกล้าหาญของเธอก็เพิ่มขึ้น
คราวนี้ไข่โดนทำลายไปโดยไม่มีเหตุผล ในตอนที่ปวดใจเธอตัดสินใจสั่งสอนบทเรียนให้กับคนพวกนั้น
เธอไม่ได้ทำเรื่องผ่านซูฉางจิ่ว แต่พาคนไปชุมชนใหญ่อย่างเอิกเกริก
คนในชุมชนรู้ว่าหวังเซียงฮวาจากฟาร์มไก่หงซินคือใคร พวกเขาจึงมาต้อนรับ
พอได้ยินเรื่องราวนี้ พวกเขาก็โมโหมากเหมือนกัน
ไข่เป็นของล้ำค่า ไข่หนึ่งพันฟองมันไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลยนะ แต่เจ้าโง่เง่าพวกนี้กลับทุบแตก
เจ้าหน้าที่ไม่ได้ขอคำแนะนำจากหัวหน้า แต่ขอให้สามแม่ลูกชดเชยเรื่องไข่เลยตรง ๆ
อ้างอิงจากราคาตลาด และจะต้องจ่ายเป็นตั๋วไข่ในจำนวนที่เท่ากันด้วย
ถ้าใช้เงินมันก็จบแค่นั้น แม้ไข่เป็นของหายาก แต่ราคาไม่แพง แค่ราคาห้าเฟินต่อฟองเอง
พันฟองพึ่งจะห้าสิบหยวน ไม่น้อย แต่จูอวี้หลิงบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ทว่าตั๋วไข่ร้อยกว่าจิน ทำให้หญิงวัยกลางคนย่ำแย่สุด ๆ
หวังเซียงฮวาดูนิ่งเฉย แต่หลังจากคำนวณดูแล้ว หลังจากที่บอกว่าจะให้ชดเชยก็เริ่มคิดบัญชีทันที
ไข่แปดฟองนับเป็นหนึ่งจิน ไข่พันสองก็จะเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบห้าจิน
แถมยังบอกว่าอีกอิงหนึ่งร้อยยี่สิบห้าจินก็พอแล้ว ปัดเศษขึ้นให้
แม้จะเป็นเมืองหลวง แต่ครอบครัวจูอวี้หลิงก็มีตั๋วไข่จินเดียวต่อเดือนเท่านั้น
ตั๋วไข่หนึ่งร้อยยี่สิบห้าจินเลยนะ นับได้ว่าบ้านเราจะไม่ได้กินไข่ตั้งแต่ต้นปีถึงท้ายปีเลย และจะต้องเก็บเป็นสิบปีด้วยซ้ำ
ยังดีไม่บอกให้รีบจ่าย ถึงจะให้เวลาเธอรวบรวมมาแต่มันก็ไม่ทันหรอก!
จูอวี้หลิงเกือบเป็นลม
เธอเสียใจแล้วจริง ๆ ทำไมถึงทำไปนะ ทำไมถึงทุบไข่พวกนั้นด้วย?
รู้แบบนี้ขโมยไปต้มกินก็พอแล้ว
พอมาคิดดูก็เสียดายมาก แต่ไม่ว่าจะเสียใจขนาดไหนทุกคนก็ยังต้องการให้พวกเธอชดใช้ค่าไข่อยู่ดี
ตั๋วไข่เยอะขนาดนี้ ต่อให้ขายก็มีไม่พอหรอก!
สุดท้ายคิดไปคิดมา จูอวี้หลิงเลือกที่จะโทรหาคนในเมืองหลวงเพื่อขอความช่วยเหลือ
อีกฝ่ายขออย่างไรนั้นหวังเซียงฮวาไม่รู้
เธอรู้แค่ว่าชุมชนใหญ่บอกให้สามแม่ลูกรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะงั้นไม่ต้องไปสนใจแล้ว
ตอนกลับมาถึงชุมชนหงซิน อารมณ์ของหวังเซียงฮวาดีมาก
ถึงจะเสียใจเรื่องไข่ แต่ก็ไม่ต้องหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องไข่พันฟองแล้ว
เสิ่นจื่อเจินไม่ได้ถามเรื่องนี้ แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวแทน
และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็หายไปในไม่ช้า
หวังเซียงฮวาไม่รู้ว่าจูอวี้หลิงชดเชยให้ทางชุมชนใหญ่หรือยัง
และไม่รู้ด้วยว่าสามแม่ลูกนั่นยังอยู่ที่ชุมชนใหญ่ไหม หรือหายไปไหนแล้ว
ชุมชนการผลิตหงซินมีจำนวนสามชิกเยอะ ที่จริงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครผ่านไปผ่านมาบ้าง และก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย
พริบตาเดียวก็เดินทางมาถึงสิ้นเดือนแปด
คุณย่าซูคิดว่าพวกเด็ก ๆ ไม่ได้ไปเรียนนานแล้ว กระเป๋าก่อนหน้านี้ก็ขาดรุ่งริ่งใช้การไม่ได้ เลยตัดสินใจทำกระเป๋าใบใหม่ให้หลานแต่ละคน
พอดีกับเสื้อผ้าตัวเก่า ๆ ที่ลูกเขยส่งมาพอดีเลย หญิงชราใช้ฟันกัดฉีกออกมา
หลังจากตัดเย็บและซ่อมแซมแล้ว ก็ได้กระเป๋านักเรียนใบใหม่ที่เหมือนกันทั้งหมดสิบใบ
“คุณย่า ปักดาวสีแดงบนกระเป๋าอีกดวงดีไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนเท้าคางมองผู้เป็นย่า
แกเป็นคนคล่องแคล่ว ทำงานเย็บปักถักร้อยเก่งมากตั้งแต่ยังเด็ก
ตอนนี้อายุเยอะแล้ว สายตาไม่ค่อยดี ทำงานละเอียดละอ่อนไม่ไหว แต่เรื่องทำกระเป๋าอะไรพวกนี้ไม่มีปัญหาเลย
“ได้สิ เดี๋ยวย่าทำกระเป๋าที่มีดาวสีแดงให้หลานนะ!”
คุณย่าซูยิ้มตอบ เธอเจอเศษผ้าสีแดงหนึ่งผืน ก่อนจะเย็บดาวไว้บนกระเป๋าทุกใบ
ซูเสี่ยวเถียนถือกระเป๋านักเรียนใบใหม่อยู่ในมือ เด็กหญิงคลี่ยิ้มกว้างจนมองไม่เห็นดวงตา
เรื่องความเป็นนิยมและแฟชั่นเนี่ย เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่จะยอมรับความเป็นนิยมกัน
กระเป๋าแบบนี้ ถ้าอยู่ในยุคหลัง ๆ ต่อให้เป็นคนพื้น ๆ ก็ไม่เหลียวแลหรอก
พวกเด็ก ๆ ในอีกหลายสิบปีข้างหน้าจะทิ้งมันด้วยความรังเกียจ
แต่ในยุคนี้เราสามารถเป็นผู้นำแฟชั่นได้
และยุคนี้ผ้าจะขาดตลาดมาก พวกเด็ก ๆ จึงไม่มีประเป๋าไว้ใช้ ต่อให้มีก็ทำมาจากเศษผ้าขาด ๆ
แม้แต่พวกยุวชนที่มาจากอำเภอก็มีกระเป๋าสีเขียวทหาร นั่นคือเป็นความมีเกียรติอย่างยิ่ง ไม่ต่างไปจากการหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมในยุคหลัง ๆ เลย
กระเป๋าสีเขียวทหารที่มีดาวสีแดงของเด็กบ้านซูดึงดูดความสนใจของคนจำนวนไม่น้อย
ทุกสายตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
หลังจากที่ซูเถาฮวาเห็น เธอก็ทำกระเป๋านักเรียนแบบเดียวกันกับบ้านซูให้พวกลูก ๆ โดยใช้จากกางเกงขาดเข่าที่ลูกชายคนโตส่งมา
เดิมทีเธอคิดจะซ่อมแล้วให้เสี่ยวกังใส่ แต่พอเห็นกระเป๋าบ้านซูแล้วกัดฟันตัดมันแยกส่วนอย่างโหดร้าย
พอเห็นเถาฮวากัดฟันแน่นกำลังถือกรรไกรด้วยท่าทางที่ไม่เต็มใจ เสิ่นจื่ออันก็ทำด้วยความยินดี
เขาหยิบกรรไกรจากมือภรรยาแล้วตัดส่วนจากส่วนที่ขาดออกมาอย่างเรียบร้อย
ถึงเถาฮวาจะไม่ยอมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ยกเว้นแต่จะเอากางเกงมาใส่เป็นขาสั้นแทน
“ไอ๊หย่า ฉันกำลังคิดอยู่เลย ทำไมคุณถึงตัดให้ฉันแล้วเนี่ย?” ซูเถาฮวาพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“ไม่เป็นไรหรอก กางเกงมันขาดเยอะแล้ว เอาไปทำกระเป๋าก็ดีแล้ว” เสิ่นจื่อเจินกล่าวด้วยท่าทีสบาย ๆ
สองวันมานี้เขาอารมณ์ดีมาก
เพราะช่วงนี้ได้รับข่าวบางอย่างมา
ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจริง ๆ แถมว่ากันว่าปัญหาของเขาได้รับการแก้ไขแล้วด้วย และจะได้กลับไปเมืองหลวงในไม่ช้า
ถ้าเป็นจริงอย่างที่ได้ยินมา นอกจากจะได้กลับตำแหน่งเดิมแล้ว ยังได้รับการชดเชยที่สูญเสียไปในสองปีที่ผ่านมาด้วย ตอนนั้นเขาจะได้ทำเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ใส่
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของเสิ่นจื่อเจิน แต่เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กลับเถาฮวา
ซูเถาฮวาค่อนข้างเลือกมาก ในเมื่อตัดกางเกงแล้วก็ทำกระเป๋าอย่างสงบสุขแล้วกัน
หลังจากทำเสร็จ เถาฮวาทำให้เสี่ยวเฉ่าอีกใบเพราะยังมีผ้าเหลือ
มีเด็กไปเรียนหลายคน บ้านซูก็มี บ้านเธอก็มี จะเหลือเสี่ยวเฉ่าคนเดียวก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร
พอเป็นแบบนี้แล้วเยี่ยมมาก เด็กหงซินไปรายงานตัวที่อำเภอด้วยกระเป๋าเหมือนกันทุกประการ
เดิมที่ภรรยาหัวหน้าซูคิดจะทำกระเป๋านักเรียนลายดอกไม้ให้ลูก แต่เถาฮวาทำมาให้แล้ว เธอจึงแสดงความขอบคุณ
เถาฮวายิ้มและและโบกมือเพื่อปฏิเสธ ก่อนจะบอกว่าบ้านเธอได้รับการดูแลจากหัวหน้าซูมาหลายปีเลย อีกอย่างการที่ลูกบ้านเธอต้องไปโรงเรียนก็ต้องรบกวนหัวหน้าซูไปส่งด้วย