เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 253 ครอบครัวเดียวกัน
บทที่ 253 ครอบครัวเดียวกัน
บทที่ 253 ครอบครัวเดียวกัน
หลังคาบ้านหลักตระกูลซูไม่แข็งแรงพอ พอหิมะตกหนักเข้าก็ทนไม่ไหว
ปีก่อนที่หิมะตกหนัก ลูกชายทั้งสามของบ้านซูต้องมากวาดหิมะออกจากหลังคา
พ่อแม่ต่างก็ยุ่ง ไม่มีเวลาสนใจหิมะพวกนี้หรอก
ตอนนี้โส่วเวินพี่ใหญ่นำน้องชายมาทำงาน พวกเด็กหนุ่มอายุยังน้อย เคลื่อนไหวคล่องตัวกว่าพ่อของพวกเขาหลายเท่า
ตอนที่เหล่าต้ากับเหล่าเอ้อร์ออกไปเมื่อเช้า คุณย่าซูยังกังวลอยู่เลยว่าจะไม่มีใครทำความสะอาดหิมะบนหลังคาให้
พอเห็นหลาน ๆ มาทำ คุณย่าพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เสี่ยวเถียนอยากช่วย แต่เหล่าพี่ชายต่างปฏิเสธเสียงแข็ง
“รีบไปอุ่นตัวที่เตียงเตาเถอะ เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลให้เด็กผู้หญิงลงมือหรอกนะ” โส่วเวินพูดอย่างเป็นธรรมชาติมาก
ท่าทางนั้นทำให้เสี่ยวเถียนรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นพ่อแก่ ๆ แต่พอนึกได้ว่าชาติก่อนพวกพี่ ๆ รักเธอมากแค่ไหน ดวงตาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
โชคดีที่พวกพี่ ๆ เข้ามหาวิทยาลัยได้ และยิ่งมีผลการเรียนดีขนาดนี้ อนาคตจะต้องดีอย่างแน่นอน
หลายคนไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของน้องเล็ก
“โส่วเวิน หลานกับน้องระวังด้วย หิมะมันลื่นมาก”
คุณย่าซูมองพวกหลาน ๆ ที่อยู่บนหลังคา เธอตะโกนบอกด้วยความเป็นห่วง
โส่วเวินเดินอย่างระมัดระวัง “ย่าไม่ต้องห่วง พวกเรารู้ขีดจำกัดดีครับ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
ถึงหลานจะให้คำมั่นสัญญา แต่คุณย่าซูก็ยืนเหงื่อแตกอยู่ลานบ้าน
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา หิมะยังตกอยู่ แต่หลังคาบ้านไม่มีหิมะอีกแล้ว
โส่วเวินกับน้องปีนลงจากต้นไม้
หญิงชราเห็นใบหน้าเด็ก ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความหนาวเย็น พวกเขายืนอยู่บนหลังคาเย็นยะเยือกคงลำบากมากแน่
คุณย่าซูปวดใจเหลือเกิน
“รีบไปอุ่นตัวที่เตียงเร็วเข้า!”
เสี่ยวเถียนเตรียมน้ำเชื่อมร้อน ๆ ให้พวกพี่ ๆ ไว้แล้ว และให้พวกเขารีบดื่มเพื่ออบอุ่นร่างกาย
“หนูต้มกับขิงสองชิ้นค่ะ ดื่มแล้วจะช่วยไล่หวัดได้”
โส่วเวินรับถ้วยน้ำเชื่อมขิงจากมือเสี่ยวเถียนแล้วดื่มเข้าไปอึกใหญ่
หลังจากดื่มน้ำเชื่อมขิงก็รู้สึกอุ่นไปทั้งร่างกาย ก่อนจะถูมือเข้าด้วยกันแล้วเอ่ย
“พวกผมไปดูฝั่งบ้านปู่ฉืออีกดีกว่าครับ แล้วก็บ้านป้าเถาฮวา ถือโอกาสแวะไปดูด้วย”
คุณย่าซูยิ้ม “ดีแล้ว บ้านเถาฮวาไม่มีคนใช้การได้ เสี่ยวกังก็เด็ก ส่วนอาจารย์เสิ่นไม่มีความสามารถด้านนี้”
ถึงเสิ่นจื่อเจินจะอยู่คอกวัวมาหลายปี แต่ในใจเธอนั้นอาจารย์เสิ่นเป็นเพียงบัณฑิต ไม่มีความรู้ด้านนี้ด้วย
ขณะที่กำลังดื่มน้ำเชื่อมขิงอุ่น ๆ ซูซื่อเลี่ยงก็เอ่ยขึ้น “ย่าครับ ตอนพวกเราไปเดี๋ยวจะไปเชิญพวกเขามากินข้าวด้วยครับ จะไม่ได้ต้องไปหาอีกรอบ”
“ได้ พวกหลานไปเถอะ! โส่วเวินเอ้ย ดูแลน้องด้วยนะ!”
คุณย่าซูมีความสุขเหลือเกินที่หลานรู้จักเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือ แต่เธอก็ยังเป็นห่วงความปลอดภัยอยู่ดี
หญิงชราผู้ใจดีต่อคนอื่น ยินดีที่ได้เห็นพวกเด็ก ๆ เต็มใจช่วยคนอื่นเช่นกัน
“ย่าไม่ต้องห่วง พวกเราดูแลตัวเองได้ครับ!” ซื่อเลี่ยงยิ้ม
เสี่ยวเถียนรีบบอกว่าจะไปด้วย แต่ผู้เป็นย่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ไม่ได้ ข้างนอกหิมะตกถนนลื่น อย่าวิ่งไปวิ่งมาเลยนะหลานรัก อยู่บ้านช่วยย่าทำอาหารดีกว่า”
เสี่ยวเถียนขบคิด เธอทิ้งย่าทำงานที่บ้านคนเดียวไม่ได้ จากนั้นก็ตอบตกลง
คนบ้านซูที่อายุเยอะออกไปช่วยเหลืองาน ส่วนคนที่เป็นเด็กก็อยู่บ้านส่งเสียงเจื้อยแจ้วปรึกษากับย่าว่าวันนี้จะกินอะไรดี
ช่วงฤดูหนาวไม่มีอะไรกินเลย โชคดีที่สถานการณ์บ้านเราตอนนี้ไม่ได้เลวร้าย
แค่ผักกาดกับหัวไชเท้าก็พอแล้ว แถมยังมีของที่หาได้จากบนเขาอย่างเห็ดหูหนูกับเห็ดอื่น ๆ อีก
รวม ๆ แล้วก็มีจำนวนเยอะมาก
ในที่สุด ย่าหลานก็ปรึกษาหารือได้ในที่สุด ก่อนตัดสินใจตุ๋นซุปไก่หนึ่งหม้อแล้วทำเกี๊ยว
เสี่ยวเถียนคิดว่าด้วยสภาพอากาศแบบนี้กินหม้อไฟคือดีที่สุด แต่ด้วยเงื่อนไขที่ไม่เอื้อยอำนวย และก็ไม่มีหม้อไฟที่บ้านด้วย
โชคดีที่ใกล้จะเปิดประเทศแล้ว พอถึงตอนนั้นก็มีเครื่องครัวให้ใช้มากขึ้น เมื่อถึงช่วงหิมะตกตอนฤดูหนาวก็มีมีหม้อไฟให้กิน
พวกเด็กผู้ชายไม่รู้ว่าหม้อไฟคืออะไร แต่พอได้ยินว่าจะกินเกี๊ยวก็มีความสุขมาก แล้วรีบไปช่วยกันหมด
“คุณย่า ผมจะสับเนื้อ!” เสี่ยวซื่อเป็นฝ่ายขอรับผิดชอบหน้าที่อันหนักอึ้ง
แต่คุณย่าซูไม่กล้าให้ทำ เพราะเสี่ยวซื่อยังเด็ก ใช้มีดไม่เป็นกลัวจะบาดตัวเอง
“เดี๋ยวย่าทำเอง หลานไปล้างผักกับเสี่ยวเถียนไป ถ้าไม่เอาก็ไปตักน้ำแทน” คุณย่าซูห้ามไว้
แต่เสี่ยวซื่อถือมีดไว้ไม่ยอมปล่อย “ย่า ผมอายุเท่าไรแล้ว? ทำไมต้องกังวลด้วย?”
คุณย่าซูกลอกตาใส่หลานชาย “อายุเท่าไรหรือ? ในใจฉันแกก็ยังเป็นเด็กไม่ใช่หรือไง?”
“ผมโตแล้วจริง ๆ นะย่า ไม่ต้องห่วงหรอก ยืนมองอยู่ข้าง ๆ ก็ได้”
คุณย่าซูคิดก็ว่ามีเหตุผลดี เลยหยิบกะละมังออกมานวดแป้งในขณะที่จ้องหลานชายคนที่สี่สับเนื้อ
ต้องบอกเลยว่าทักษาการสับเนื้อของเสี่ยวซื่อค่อนข้างดี
คุณย่าซูรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทีละน้อย
เถาฮวามาไวมาก เธอพาเสี่ยวเหมยมาด้วย
“เสี่ยวเถียน มา ๆ เดี๋ยวพี่ช่วย!” เสี่ยวเหมยเข้าประตูมาเห็นน้องล้างผักก็ถลกแขนเสื้อแล้วเดินเข้าไปช่วย
เถาฮวาวางตะกร้าในมือลง หลังจากนั้นก็ล้างมือแล้วเดินไปหาป้า
“ป้า ฉันมาแล้ว ทำไมนวดแป้งเยอะจัง”
คุณย่าซูอายุไม่น้อยแล้ว การนวดแป้งจะใช้แรงกำลังเยอะมาก
หญิงชราไม่เกรงใจดันกะละมังให้เถาฮวา และไปเตรียมตุ๋นไก่
“เถาฮวาเอ้ย จะไปเมืองหลวงเมื่อไรล่ะ?”
คุณย่าซูเอ่ยถาม
เถาฮวายิ้มบาง ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ฉันคุยกับจื่อเจินแล้วจ้ะว่าจะไปหลังปีใหม่”
“ดีแล้ว พวกเรายังฉลองปีใหม่อย่างคึกคักด้วยกันได้นะ” คุณย่าซูยิ้ม
“จื่อเจินบอกว่าเสี่ยวเหม่ยต้องไปเรียนที่เมืองหลวง น่าจะเปิดเรื่องหลังปีใหม่พอดี เป็นเวลาที่เหมาะพอดีเลยค่ะ”
“ได้ยินว่าเสี่ยวเหมยกรอกชื่อมหาวิทยาลัยที่เมืองหลวงไปสินะ”
“โส่วเวิน ซื่อเลี่ยง กับซานกงก็จะไปด้วย พอดีเลยมีคนดูแลแล้วค่ะ!” ตอนเถาฮวาพูด เธอไม่ได้เหมือนโดนบังคับสักนิด ท่าทีและน้ำเสียงเหมือนว่าพวกเขาเป็นลูกของเธอเอง
เสี่ยวเถียนได้ยินก็ยิ้ม “มีป้าเถาฮวาคอยดูแลพี่ ๆ คุณย่าจะได้สบายใจขึ้นด้วยค่ะ”
คุณย่าซูพยักหน้า “อย่างที่ว่า มีเถาฮวาอยู่ ป้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”
ว่าจบคุณย่าซูก็ถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้กังวลมาตลอดเลย ไม่อยากให้เด็ก ๆ มันไปเมืองหลวง เกรงว่าไม่มีคนดูแลพวกเขา”
“ตอนนี้ป้าไม่ต้องกังวลแล้วนะ ฉันจะดูแลพวกเขาอย่างดีแน่นอนค่ะ” เถาฮวาให้คำมั่นสัญญา
ตอนนี้อวี่รุ่ยหยวนกับคนอื่น ๆ มากันแล้ว ร่างกายพวกเขาเต็มไปด้วยหิมะ
“เข้าไปนั่งผิงไฟในห้องก่อน” คุณย่าซูยิ้ม
แต่รุ่ยหยวนยืนกรานจะเข้าครัว “ฉันไม่ใช่แขกสักหน่อย เป็นครอบครัวเดียวกันต่างหาก”
คุณย่าซูได้ยินก็ไม่เกรงใจ