เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 260 เฉลิมฉลองปีใหม่
บทที่ 260 เฉลิมฉลองปีใหม่
บทที่ 260 เฉลิมฉลองปีใหม่
ภรรยาซูฉางจิ่วมองไปตามเสียง ก่อนจะเห็นพวกผู้หญิงกำลังมุงดูความตื่นเต้นอยู่ และผู้หญิงที่เอ่ยเมื่อครู่เป็นสะใภ้ของตระกูลซูคนหนึ่ง
สามีของเธอก็โดนคังอี้เยี่ยยั่วยวนไปเมื่อสองปีก่อนเช่นกัน วัน ๆ ไม่อยู่บ้านเลย หลังจากที่คังอี้เยี่ยโดนจับได้ในตอนนั้น เธอตื่นเต้นไปหลายวัน
พอเห็นอีกฝ่ายในตอนนี้จะมีความสุขก็ไม่แปลกหรอก
หัวหน้าซูรีบออกจากบ้านมาและเอาหนังสือตอบรับของนักศึกษาคังให้ภรรยา ก่อนจะบอกเธอว่าเอาให้คังอี้เยี่ยด้วย
เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้ใช้ช่วงที่กำลังส่งจดหมายตอบรับให้มาข่มขู่
ภรรยาซูฉางจิ่วกำลังจะเอาของให้ ก็เห็นอีกฝ่ายโค้งให้สามีตัวเอง
“หัวหน้าซู ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะทำเรื่องไม่ดี แต่ฉันก็ยังเป็นคนของหงซินนะ ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว คุณจะให้ฉันนอนข้างถนนไม่ได้นะ!”
ตอนที่เธอพูด ยังพยายามบีบน้ำตาให้หลั่งออกมาด้วย
ด้วยท่าทางน่าสงสาร ถ้าผู้ชายที่ไม่รู้จักมาเห็นเข้าจะต้องเข้าไปปลอบแน่
แต่ทุกคนในหงซินรู้ว่าคังอี้เยี่ยเป็นผู้หญิงที่ไม่สามารถไปคลุกคลีด้วยได้
อีกอย่าง ตอนนี้ก็มีผู้ชายอยู่ไม่กี่คน ที่เหลือคือผู้หญิงหมดเลย ถ้ารู้สึกเห็นใจก็คงจะแปลก
“ฉันบอกสหายคังแล้วไง ทำไมไม่ไปหาหลี่ฉางหมิงนู่นล่ะ?” ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้น
พอคังอี้เยี่ยได้ยินก็ประหลาดใจมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ!
ตอนแรกที่ชอบหลี่ฉางหมิง เพราะเจ้าตัวเป็นนักบัญชีและในมือมีอำนาจ
มันทำได้เธอได้กินดีอยู่ดี แต่งตัวดี ทำงานน้อยลง แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นมันไร้ประโยชน์ไปแล้ว
เธอกำลังจะเป็นนักศึกษา ชีวิตต่อจากนี้ไม่รู้จะดีแค่ไหน
แล้วทำไมต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อผู้ชายคนนี้ด้วยล่ะ?
ข่าวคราวรู้ไปถึงหูบ้านซูจากพวกเด็ก ๆ
ตอนนั้นเถาฮวา ฉือเก๋อ และคนอื่น ๆ มารวมตัวที่บ้านซูเพื่อรอฉลองปีใหม่
พอเถาฮวาได้ยิน สีหน้าก็ย่ำแย่มาก แต่ในไม่ช้าก็โล่งใจ
“พี่เถาฮวา มันผ่านไปแล้วค่ะ”
“ซิ่วเอ๋อร์ พอพูดถึงผู้หญิงคนนั้นทีไร พี่นึกถึงลูกน้อยไร้โชคของพี่นัก!” ใบหน้าเถาฮวาซีด
ตอนแรกหลี่ฉางหมิงทะเลาะกับเธอเพราะผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะเตะเธอจนล้มและแท้งลูกในท้องไป
นี่คือเรื่องที่เถาฮวาไม่สามารถลืมเลือนได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
แก้แค้นที่ฆ่าลูกของเธอไป เรื่องนี้ไม่อาจประนีประนอมได้!
ชีวิตนี้ของเถาฮวาคงไม่อาจสบายใจกับเรื่องของสองคนนั้นได้
“พี่เถาฮวา ไม่แน่ว่าพี่อาจจะมีลูกอีกสักคนก็ได้นะ!” ซูหม่านซิ่วปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม “ถ้าพี่กับอาจารย์เสิ่นมีลูกด้วยกันได้ วันข้างหน้าถึงจะเป็นชีวิตที่แสนสงบและสวยงามก็ได้นะ!”
ถึงอาจารย์เสิ่นจะปฏิบัติต่อเถาฮวาอย่างดี แต่ทั้งสองผูกพันกันโดยไม่มีลูก
“เรื่องมีลูกมันไม่สำคัญหรอก มีเสี่ยวเหลียง เสี่ยวเหมย และเสี่ยงกังก็พอแล้ว!” จู่ ๆ เสิ่นจื่อเจินก็พูดออกมา
เถาฮวาหน้าแดงแจ๋ มองสามีอย่างตำหนิ “สองพี่น้องกำลังคุยกันเป็นการส่วนตัวนะ คุณได้ยินได้ยังไงเนี่ย!”
เสิ่นจื่อเจินหัวเราะ ก่อนจะหาข้ออ้างแล้วจากไป
เสี่ยวเถียนกำลังเล่นกับเฉินซิ่วหย่วนอยู่ที่สวน
เด็กชายเดินโซเซตามพี่ด้วยขาสั้น ๆ พลางเอ่ยปากเรียกพี่สาวไปด้วย
เสิ่นจื่อเจินมองฉากนั้นก็คิดว่าอาจจะจริงอย่างที่หม่านซิ่วว่าที่ให้มีลูกเป็นของตัวเอง
พอแต่นึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็เศร้าหมอง
ครั้งก่อนที่ไปเมืองหลวง ก็หาคนมาช่วยยืนยัน เดิมทีเขาเองก็แน่ใจแล้วว่าลูกทั้งสองที่มีกับจูอวี้หลิงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย
เป็นสามีภรรยามาตั้งหลายปี ลูกที่มีก็ไม่ใช่ของตัวเองอีก พูดแล้วก็น่าสมเพชนัก
ช่างเถอะ โชคชะตาคงลิขิตไว้แล้วว่าไม่ให้มีลูก อนาคตต่อจากนี้ปฏิบัติต่อลูกทั้งสามของเถาฮวาเสมือนว่าเป็นลูกของตัวเองก็พอ
คนบ้านซูไม่มีใครคิดจะไปดูคังอี้เยี่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ยุ่งวุ่นวายกับช่วงปีใหม่จะตาย ใครจะไปสนใจผู้หญิงไร้เหตุผลแบบนั้น
ฝั่งซูฉางจิ่วนั้น สุดท้ายก็ให้คังอี้เยี่ยไปนอนที่โรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในชุมชนการผลิต
เพราะไม่มีบ้านใดเต็มใจรับเธอไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกยุวชน พวกเขารู้สึกละอายใจอย่างมากและที่ยิ่งกว่านั้นค่อนข้างอิจฉา
พวกเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ แต่อีกฝ่ายกลับสอบผ่านได้อย่างไร?
พวกเขายังคิดอีกว่ามันสอบเข้าง่ายในสภาพรัฐบาลแบบนี้ด้วยหรือ?
ไม่ได้ตรวจสอบคนแบบนี้ใช่ไหม?
ทว่าไม่มีใครรู้เลย ในหมู่พวกเขามีใครบางคนเขียนจดหมายรายงานเรื่องนี้แล้ว!
ในตอนที่พระอาทิตย์กำลังตก ก็มีเสียงประทัดดังขึ้นในชุมชน
ที่ห้องหลักของบ้านซูมีชีวิตชีวามาก
มีโต๊ะทั้งหมดสามตัว สองตัวตั้งบนพื้น อีกหนึ่งตัวตั้งบนเตียงเตา สมาชิกยี่สิบกว่าคนนั่งรวมกัน
“ครอบครับเรามีลูกหลานมากมาย!” เสี่ยวจิ่วพูดทันที
พอคนในห้องได้ยินก็ผงะ ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ถูกต้อง ลูกหลานมากมายเป็นเป็นสัญญาณที่ดีนะ!” เสิ่นจื่อเจินหัวเราะ “เสี่ยวจิ่ว คิดว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันหรือ?”
ซูเสี่ยวจิ่วมองสลับไปมา ก่อนจะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า “แม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่ครอบครัวทางสายเลือด แต่ไม่กี่ปีมานี้ก็ได้เป็นญาติกันจริง ๆ นะครับ!”
แม้ว่าสถานการณ์สองปีมานี้จะไม่ค่อยดี แต่พอถึงปีใหม่ บ้านซูก็จะส่งอาหารในวันสิ้นปีให้คนคอกวัวอย่างลับ ๆ
ในหัวใจของคนบ้านนี้ พวกเขาปฏิบัติต่อคนคอกวัวเหมือนครอบครัว
พวกฉือเก๋อก็หัวเราะเช่นกัน
อยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี ขาดการติดต่อจากญาติและสหายเก่าไปหมดแล้ว
แต่ที่นี่มีญาติมากมายแบบนี้ เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การมีความสุขจริง ๆ
เสี่ยวเถียนนั่งถัดจากคุณย่าซู และคิดว่านี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
เธอรู้สึกตื่นเต้นมากจริง ๆ ที่ทุกคนอยู่ที่นี่
คนอื่นไม่รู้ แต่เธอรู้ดีว่าชาติที่แล้วมันไม่ได้เป็นแบบนี้
บ้านเรายากจนมาก คนในหงซินก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดี
จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าปีใหม่ได้เนื้อที่แจกจ่ายไปเท่าไร แต่ครอบครัวหนึ่งไม่ถึงยี่สิบจิน
และในบ้านเรายังโดนหม่านเซียงเอาไปครึ่งหนึ่งอีก
มีปีหนึ่งที่แม่ใหญ่และแม่รองผู้ประหยัดค่าใช้จ่ายมาตลอดทนไม่ไหวทะเลาะกับพ่อแม่สามี
ในวันแรกของปีใหม่ บ้านซูแยกครอบครัว คุณย่าซูก็อยู่บ้านของตัวเอง
ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง สิ่งที่เธอทำได้มีน้อยมาก แต่ในที่สุดก็พาครอบครัวเราไปสู่เส้นทางใหม่ได้
สำหรับเสี่ยวเถียน ฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้แสดงถึงชีวิตและความหวังใหม่ ๆ
ขณะที่บ้านเรากำลังดื่มฉลอง ซูฉางจิ่วก็พาครอบครัวมาด้วย พร้อมบอกว่ามาอวยพรปีใหม่ให้คุณปู่คุณย่า
แต่ทุกคนฉลาด และรู้ว่าเขาไม่อยากรบกวน
คังอี้เยี่ยอยู่ที่โรงเรียนไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย ไม่แปลกถ้าเธอจะไม่ไปรบกวนหัวหน้าซู
คุณปู่ซูให้เหล่าซานรินสุราให้ซูฉางจิ่ว
“ในเมื่อมาแล้วก็อยู่ในนานกว่านี้หน่อยสิ!”
ซูฉางจิ่วยิ้ม “ผมได้กลิ่นหอมสุราจากบ้านคุณมาแต่ไกล ค่ำคืนนี้อยากจะขอดื่มอีกสักสองแก้วนะครับ”
พวกผู้หญิงนั่งสนทนากันอีกโต๊ะ คุยกันไปได้สักพัก หวังเซียงฮวาก็บอกว่าจะไปฟาร์มไก่ ก่อนจะบอกว่าให้คนอื่นพักผ่อนได้เลย เธอจะไปทำงานสักหน่อย
เหล่าต้าเดินตามภรรยาออกไปพร้อมกับเสื้อบุนวม ก่อนบอกว่าจะปล่อยให้เธอฉลองปีใหม่ที่ฟาร์มไก่คนเดียวไม่ได้
เหล่าต้าไปฟาร์มไก่ เหล่าเอ้อบอกว่าจะไปฟาร์มหมูบ้าง และให้คนอื่น ๆ อยู่ฉลองไป
ถึงฉีเหลียงอิงจะไม่ชอบฟาร์มหมู แต่เพราะมีมันชีวิตในหงซินถึงได้ดี เธอจึงตามสามีไปด้วย
คุณย่าซูมีความสุขมากเมื่อเห็นลูกชายลูกสะใภ้ทั้งสองคู่ออกไปข้างนอก
หากไม่ใช่เพราะข่าวร้ายในวันที่สองของวันปีใหม่ อาจกล่าวได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดของบ้านเราเลยก็ว่าได้!