เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 264 ตายแล้วก็ต้องหย่า
บทที่ 264 ตายแล้วก็ต้องหย่า
บทที่ 264 ตายแล้วก็ต้องหย่า
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาร้องห่มร้องไห้ และการร้องไห้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร
เธอจะปล่อยให้ลูกสาวที่ตายไปคับข้องใจไม่ได้
“เหล่าต้า แม่จัดการเอง ให้น้องแกหย่ากับคังเหรินเต๋อซะ!”
ไม่มีใครคิดว่าคุณย่าซูจะพูดแบบนี้ รวมถึงคนบ้านซูด้วย
คนตายไปแล้วนะ จะหย่าทำไม?
“แม่ แต่หม่านเซียง…” เหล่าเอ้อร์คิดจะเตือนสติแม่ว่าน้องสาวจากไปแล้ว
“คังเหรินเต๋อมันไม่ใช่คน ทำร้ายลูกสาวฉันแบบนี้ ต่อให้ตาย ฉันก็ปล่อยให้วิญญาณของเธอเป็นของตระกูลคังไม่ได้!”
คุณย่าซูกัดฟันพูดทีละคำ
ก่อนหน้านี้เธอกับสามีเจอคังเหรินเต๋อกับแม่ม่ายในเมืองมาก่อน และตอนนั้นพวกเราก็มีปากเสียงกัน
ไม่คิดเลยว่าสองคนนี้จะตายแล้ว ทั้งยังทำลายชื่อเสียงหม่านเซียงด้วย
ไม่รู้ว่าหม่านเซียงทนได้อย่างไร!
“แม่…” ซูหม่านซิ่วเรียกเสียงผะแผ่ว
เธอรู้สึกว่าหม่านเซียงที่อยู่ในสถานการณ์นี้คงไม่อยากกลับบ้านให้คนที่บ้านมายุ่ง
บางทีอาจจะเต็มใจเป็นวิญญาณที่บ้านตระกูลคังจริง ๆ
โลกใบนี้มีผู้หญิงที่หย่าได้ไม่กี่คนหรอก
“คนตายไปแล้วจะสนใจเรื่องนี้ไปทำไม?” คุณย่าซูในตอนนี้เหมือนแก่ขึ้นหลายปี
เสี่ยวเถียนเดินไปข้างหญิงชรา “อาใหญ่ ฟังคุณย่าเถอะค่ะ! คังเหรินเต๋อมันไม่คู่ควรกับอาเล็กหรอก!”
โส่วเวินเองก็เห็นด้วยในทันที
มีคนสองคนเห็นด้วย ในไม่ช้าคนบ้านซูก็ได้สติ
“เรื่องนี้ฉันต้องพูดต่อสาธารณชน คนบ้านคังมันไร้กฎเกณฑ์ แล้วยังอยู่กินอย่างเปิดเผยอีก นี่คือการแหกกฎของประเทศ ทำตามอำเภอใจ!”
คุณย่าซูเศร้ามากจนไม่สามารถหลั่งน้ำตาได้ แววตามีความแค้นอยู่ในนั้น
เธอเกลียดตัวเอง ทำไมหลายปีมานี้ถึงไม่ช่วยหม่านเซียงเลย
เกลียดที่ตอนนั้นเธอตาบอด ให้ลูกสาวหมั้นหมายกับคนอย่างคังเหรินเต๋อ
เกลียดยิ่งกว่าคือ ไอ้คังเหรินเต๋อที่มันหน้าด้าน!
เมื่อคุณย่าซูพูดแบบนี้ แม้แต่คนบ้านคังก็ตกใจ แม้ว่าพวกเขาจะไร้ยางอายก็ตาม
ทำไมถึงยิ่งทำตัวไม่เหมาะสมแบบนี้?
อีกอย่างยังเป็นพวกคบชู้กันอีก แล้วจะมาบอกว่าอยู่กินกันโดยไม่แต่งงานได้อย่างไร?
“ยายเฒ่าซู คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ…”
“พวกคุณทำอะไรไว้ ทำไมเราจะพูดไม่ได้?” เหลียงซิ่วพูดอย่างโกรธเคือง
พวกพี่น้องบ้านซูยิ่งโกรธมากขึ้น ตอนเรื่องหม่านซิ่วยังระบายความโกรธได้
แต่ตอนนี้บ้านคังไม่เหลือใครเลย ทั้งเด็กทั้งคนแก่ ไม่มีใครให้พวกเขาได้ระบายความโกรธเลย
“ที่จริงพวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยคุณผู้หญิง พวกเราไม่ได้ทำแบบนั้น นั่นเป็นหลานที่เป็นญาติห่าง ๆ ของภรรยาฉัน แค่มาอาศัยอยู่ด้วยเฉย ๆ”
คังจ้าวได้รับสัญญาณจากคังเหรินเสียน จึงรีบอธิบาย
ตอนที่เขาพูด เขาขาดความมั่นใจมาก และคล้ายจะทำให้คังเหรินเต๋อดูน่าขยะแขยงแปลก ๆ
ถึงสัตว์เดรัจฉานตัวนี้จะตาย แต่จะไม่ปล่อยให้มันอยู่อย่างสงบสุข
“ตาแก่อย่างฉันดีต่อคนอื่นมาทั้งชีวิต ไม่เคยพูดโกหกเลย ก่อนปีใหม่ฉันกับยายเฒ่าก็ไปเห็นพวกชู้มันจีบกัน!” คุณปู่ซูพูดจบก็น้ำตาไหลออกมา
“ผู้เฒ่าซูเข้าใจผิดแล้ว นี่ลูกพี่ลูกน้องกันแท้ ๆ”
“เฮ้ย มันไม่ได้อยู่กินกันสักหน่อย แค่สนิทกันเฉย ๆ เรื่องนี้ผมจะเปิดเผยเอง อารองคัง คุณอย่าพูดอะไรอีกเลย ต่อให้ตาไม่บอดก็มองเห็นอยู่ดี”
หวังเซียงฮวายืนขึ้นต่อหน้าคังจ้าวอย่างดูหมิ่น
คนบ้านคังรู้ว่าต่อให้พวกผู้ชายบ้านซูไม่พูด แต่สะใภ้ใหญ่บ้านนี้ก็พูดต่อหน้าผู้อำนวยการเฉียนได้
“ตอนวันส่งท้ายปีเก่า ฉันได้ยินคังเหรินเต๋อกับหม่านเซียงทะเลาะกันด้วย บอกว่าจะหย่าแล้ว แต่กับแม่ม่ายใหม่อะไรนี่ล่ะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้น
พอมีคนแรก ในไม่ช้าก็มีคนที่สอง
อีกอย่าง ทุกคนเหมือนจะรู้เรื่องคังเหรินเต๋อกับแม่ม่ายคนนี้
พอมีคนพิสูจน์ให้ได้มากขึ้นว่าสองคนนี้คบชู้กัน และก็รู้อีกว่าฝ่ายหญิงเป็นหลานสาวฝั่งแม่ของคังเหรินเต๋อจริง ๆ
ตอนที่พวกเขาเป็นพยาน ไม่ว่าจะคังจ้าว หรือสองพี่น้องคังเหรินเสียนและคังเหรินสือก็ได้แต่บีบจมูก
แล้วใครใช้ให้ไอ้สองตัวนี้มันนอนกอดกันหลังจากที่ตายไปแล้วล่ะ?
บ้านซูฟ้องร้องที่ชุมชนใหญ่ จากนั้นก็พาร่างของซูหม่านเซียงกลับไปฝังที่หงซิน
ตามหลักแล้ว เราไม่สามารถฝังศพลูกสาวที่แต่งงานออกเรือนที่บ้านเกิดเธอได้
ตอนแต่ตอนนี้บ้านหลักตระกูลซูแข็งแกร่งไร้เทียมทาน และไม่มีใครอยากทำให้พวกเขาขุ่นเคืองด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
อีกอย่าง เรื่องของคังเหรินเต๋อตอนนี้ไม่มีใครในชุมชนใหญ่ที่ไม่รู้ คนหงซินก็เกลียดชังคังเหรินเต๋อเหมือนกัน
ถึงหม่านเซียงจะทำไม่ดีก่อนหน้านี้ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร
ถึงจะต้องเผชิญกับความตาย แต่สามีกลับปกป้องเมียน้อย สำหรับผู้หญิงแล้วมันโหดร้ายมากจริง ๆ
อีกอย่าง หม่านซิ่วกับเถาฮวายังเคยหย่าเลย แล้วก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
ตอนนี้คนในชุมชนไม่คิดว่าการหย่าเป็นเรื่องน่าอาย!
เพราะงั้นต่อให้บ้านซูจะฝังลูกสาวที่บ้าน พวกเขาก็ยอมรับได้
ที่จริงมีบางคนแอบไปช่วยด้วย
ทางฝั่งชุมชนใหญ่ พวกหัวหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่นอกเวลานั้น แค่เจอเรื่องเลวร้ายช่วงวันส่งท้ายปีเก่าก็พอแล้ว
คนตายก็ลำบากพอแล้ว ใครจะรู้เล่าว่าจะมีเรื่องคบชู้กันอีก แน่นอนว่าพวกเขาโกรธมาก
แต่เพราะสองคนนั้นตายไปแล้ว ไม่มีทางลงโทษพวกเขาได้จึงได้แต่หาทางอื่น
และจากที่คนบ้านซูเสนอมาว่าอยากจะหย่าให้คนทั้งสอง พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันไม่มีอะไรที่ไม่ถูกต้อง
ผู้ชายแบบนี้ไม่ต้องให้มันนอนในโลง มันก็ไม่มีปัญหาหรอก!
เพื่อปลอบประโลมคนบ้านซู คนที่ชุมชนใหญ่ตัดสินใจว่าทางสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคจะเอาเงินหนึ่งในสามจากค่าทำศพของคังเหรินเต๋อเพื่อฝังศพซูหม่านเซียง
แต่ตระกูลคังไม่พอใจกับสิ่งนี้ หากแต่ทำได้แค่เก็บไว้ในใจเท่านั้น
เพราะคังเหรินเต๋อทำเรื่องผิดศีลธรรม และคนบ้านซูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรด้วย
คังเหรินเต๋อพาแม่ม่ายเข้าบ้าน แต่ไม่มีใครพูดอะไร สรุปแล้วก็ไม่มีใครในบ้านคังที่ดูถูกหม่านเซียงที่เป็นชาวไร่ชาวนา รวมถึงลูก ๆ ของเธอด้วย
ถึงบ้านคังจะอยากไกล่เกลี่ยปัญหา แต่เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดซึ่งเกิดกับชุมชนใหญ่เลย และเผยแพร่อยู่นาน
ถึงคนจะตายไปนานแล้ว คนบ้านซูก็ยังสนับสนุนให้หย่าอยู่ หากเรื่องแบบนี้หลุดออกไปก็คงไม่ดี
เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก และทุกคนรู้ว่าคนบ้านคังมันไม่ใช่คน ทั้งยังรังแกสะใภ้และยังเอาชู้เข้ามานอนในบ้านด้วย
เดิมทีคังเหรินเสียนและคันเหรินสือคิดว่าครอบครัวตนจะไม่โดนหางเลข แต่ใครจะรู้เล่าว่า ในวันที่ 4 เดือน 1 จะมีคนมาเคาะประตูบ้าน
คังเหรินเสียนเพิ่งจะพูดว่าลูกชายที่จะทำเรื่องแต่งงานก็โดนฝ่ายหญิงถอนหมั้น เหตุผลคลุมเครือมาก ฝ่ายนั้นบอกว่าถ้าหากให้แต่งลูกสาวเข้าบ้านไป จึงกลัวว่าจะต้องเจอเรื่องแบบนี้
คังเหรินเสียนโกรธเกือบตาย แต่ทำได้แค่สบถด่าเท่านั้น
“ถ้าจะถอนหมั้นก็ให้ถอนไป รออีกสักหลาย ๆ วัน ลูกชายก็จะไปเป็นเจ้าหน้าที่ที่สหกรณ์แล้ว ผู้หญิงดี ๆ มันจะไม่มีเลยหรือ?” ภรรยาคังเหรินเสียนทุบโต๊ะก่อนจะด่า
ตอนนั้นเอง เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับครอบครัวคังเหรินสือเหมือนกัน
แค่บอกว่าการแต่งงานของลูก ๆ มันสิ้นสุดแล้ว ทั้งยังไม่มีเหตุผลให้ แค่บอกให้รับรู้เฉย ๆ