เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 268 สร้างปัญหา
บทที่ 268 สร้างปัญหา
บทที่ 268 สร้างปัญหา
คนพวกนี้ไม่รู้จัก แต่ซูฉางจิ่วและหวังเซียงฮวารู้จักพวกเขา
นี่มันพวกผู้ดูแลของชุมชนใหญ่ไม่ใช่หรือไง?
“ไอ๊หย่า ผู้ดูแลเฉียน ผู้ดูแลหลิว ทำไมถึงมาที่นี่ครับ?” ซูฉางจิ่วก็ก้าวเข้าไปจับมือทักทาย
พอได้ยินซูฉางจิ่วพูด คุณปู่ซู เหล่าซานและคนอื่น ๆ ก็จำได้ว่าเคยเห็นคนพวกนี้มาก่อน แต่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อ
“นี่คงไม่ได้จะไปส่งนักศึกษากันใช่ไหม” ผู้ดูแลเฉียนหอบหายใจอย่างหนัก แต่ก็พยายามพูดต่อ
เสี่ยวเถียนมองและคิดว่ามันแปลกเกินไป ถ้าจะมาหา ทำไมไม่มาให้ไวกว่านี้?
ถ้าช้ากว่านั้นทุกคนก็จะไปแล้วนะ
แต่เสี่ยวเถียนจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้วางแผนที่จะมาหาแต่แรก แต่เพราะเมื่อเช้าได้รับข่าวว่าทางอำเภออยากจะยกย่องเด็ก ๆ บ้านซู
พวกผู้ดูแลเลยสรุปกันว่าถ้าทางอำเภอจะยกย่องพวกเด็ก ๆ พวกเขาไม่ทำบ้างก็ไม่คงไม่ได้
เพราะงั้นจึงรีบร้อนมาหา
คุณปู่ซูให้พวกหลาน ๆ ออกมาทักทายพวกคนที่ปั่นจักรยานมาด้วยความเร่งรีบ
พวกผู้ดูแลเฉียนปั่นจักรยานมาอย่างเร็วตลอดทางจนไล่ตามได้ทัน พวกเขาเห็นคนแต่ไม่สนใจจะคุย เอาแต่หอบหายใจอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ปรับลมหายใจกลับมาเป็นปกติ
“ดี ๆ พวกเขาล้วนแต่เป็นต้นกล้าที่ดีทั้งนั้น ผู้เฒ่าซูโชคดีจริง ๆ หลานของพวกคุณเก่งมาก!” ผู้ดูแลเฉียนพูดด้วยความซาบซึ้ง
พวกผู้ดูแลอีกหลายคนก็รีบเข้ามากล่าวชมเชยด้วย
คุณปู่ซูเอ่ยขอบคุณ
“นี่คือเสี่ยวเหมยใช่ไหม? สตรีผู้ไม่ยอมเป็นรองบุรุษสินะ สอบได้ดีมาก” ผู้ดูแลเฉียนพูดกับเสี่ยวเหมย
เสี่ยวเหมยหลบตาแล้วม้วนชายเสื้อ ไม่กล้าพูดอะไร
“ขอบคุณผู้ดูแลเฉียนมากครับ ลูกสาวผมเป็นคนขี้อายน่ะ” เสิ่นจื่อเจินก้าวไปข้างหน้าแล้วยิ้ม
อีกฝ่ายรู้ว่านี่คือพ่อเลี้ยงของเสี่ยวเหมย เพราะเสิ่นจื่อเจินเคยอยู่ที่หงซินมาก่อน
ตอนนี้เขากลับไปแล้ว ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ถ้าวันนี้ไม่ได้มาคงไม่ทันได้เห็นเขา
“อาจารย์เสิ่น สวัสดีครับ ผมได้ยินว่าท่านเคยอาศัยอยู่ในหงซินมาสองปี คงกังวลเรื่องการศึกษาของหงซินไม่น้อยเลย น่าเสียดายที่คุณต้องกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้ว ไม่งั้นคงจะขอให้คุณมาช่วยสอนเด็ก ๆ ในชุมชนแล้ว!”
เสิ่นจื่อเจินยิ้มและพูดด้วยอีกสองประโยค จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ผู้ดูแลเฉียนมองซูฉางจิ่ว ก่อนจะเอ่ย “หัวหน้าซู ได้ยินว่าลูกสาวคนเล็กของคุณก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”
“แค่ในตัวจังหวัดเองครับ ไม่ได้พิเศษอะไรเลย” อีกฝ่ายรีบร้อนตอบ
“แต่เก่งนะ ไม่ใช่ใครที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจังหวัดได้เสียหน่อย” ผู้ดูแลเฉียนยิ้ม
“ท่านเป็นกลุ่มผู้ดูแลของชุมชนใหญ่หรือครับ?”
จู่ ๆ ก็มีคนแทรกตัวเข้ามาแล้วยืนอยู่ข้างหน้าผู้ดูแลเฉียน ทุกคนต่างตกใจมาก
อีกฝ่ายตอบอย่างจริงจัง “ฉันมาจากชุมชนใหญ่ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
แต่คนตรงหน้าดูไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมเลย ถึงคนรอบข้างจะใส่เสื้อผ้าที่เย็บปะติดปะต่อ แต่ก็ซักอย่างสะอาดสะอ้าน
แต่ว่าเสื้อผ้าคนตรงหน้าน่าจะไม่ได้ซักมาสามถึงห้าปีแล้วใช่ไหม?
ก่อนที่ผู้ดูแลเฉียนจะว่าต่อ ชายคนนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วเริ่มร้องไห้
“ท่านผู้ดูแล คุณจะต้องเป็นหลักให้พวกเราตัวเล็กตัวน้อยนะ!”
“ฉีหูจื่อยืนขึ้นเถอะ ทำอะไรอยู่เนี่ย?” ซูฉางจิ่วดุ
ฉีหูจื่อทำอะไรอยู่เนี่ย? มาคุกเข่าต่อหน้าคนมากมาย คิดจะทำอะไร?
ฉีหูจื่อจ้องหัวหน้าซู “ทุกท่านดูสิ ผู้ดูแลกล้าว่าผมต่อหน้าคนมากมายเหมือนผมเป็นพวกชนชั้นล่าง ตอนที่คุณไม่อยู่ก็แทบไม่เห็นหัวพวกเราด้วยซ้ำ!”
ตอนที่พูด ฉีหูจื่อก็หลั่งน้ำตาออกมา
ซูฉางจิ่วมองเขาด้วยความขยะแขยง
ไอ้ฉีหูจื่อมันคอยปั่นป่วนมาตั้งหลายปี นับวันการกระทำของมันก็ยิ่งมากขึ้น
“ทำไมถึงไม่ปฏิบัติต่อคุณในฐานะมนุษย์ล่ะ?” ผู้ดูแลเฉียนมองฉีหูจื่อที่สกปรกมอมแมมจนดูไม่เป็นผู้เป็นคนตรงหน้า “ยืนขึ้นก่อนเถอะ คุกเข่าแบบนี้คนอื่นมาเห็นจะคิดว่าฉันไม่เห็นคุณเป็นมนุษย์!”
คนแบบนี้ไม่เห็นว่าตัวเองเป็นมนุษย์ และจะหวังให้คนอื่นปฏิบัติต่อเขาในฐานะมนุษย์ได้อย่างไร?
ตอนนั้นเองที่ฉีหูจื่อตระหนักว่ากลุ่มผู้ดูแลอาจไม่พอใจที่เขาคุกเข่าอ้อนวอนแบบนี้
ครั้งนี้เขาทำตัวฉลาดมาก จึงยืนขึ้นทันที
“ท่านผู้ดูแล อย่าโทษผมเลย ผมแค่ตื่นเต้นเกินไป!”
แน่นอนว่าตื่นเต้นอยู่แล้ว เพราะหารือกันว่าจะไปหาพวกผู้ดูแลที่ชุมชนใหญ่ แต่ใครจะรู้เล่าว่าอีกฝ่ายจะมาหาถึงบ้านน่ะ
บางทีนี่อาจเป็นโอกาสจากสวรรค์!
“เขาปฏิบัติกับพวกเราชาวนาชนชั้นล่างเหมือนไม่ใช่คน ทั้งยังด่าพวกเราบ่อย ๆ อีก แค่นี้ก็ว่าแย่แล้วนะ แต่เขายังเอาทรัพย์สินส่วนรวมไปเป็นของส่วนตัวเอง มันของส่วนรวมนะ เราทนไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาถอนขนแกะ*[1] หรอกนะ
ฉีหูจื่อเป็นคนที่ขี้ขลาดมาก ในขณะที่เขาพูดยังแอบชำเลืองมองซูฉางจิ่วหลายครั้ง
หัวหน้าซูโกรธมากจนแทบไม่อยากคุยกับฉีหูจื่อ
“ฉีหูจื่อ มีความผิดชอบชั่วดีหน่อยสิ!” ในที่สุดเขาก็พูดออกมาอย่างโมโห
แต่เพราะคำพูดนั้นเลยทำให้ฉีหูจื่อหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
“ผู้ดูแล คุณต้องตัดสินใจแทนพวกเราคนธรรมดานะ! ตอนนี้คุณยังอยู่ไง แต่ถ้าคุณไม่อยู่ เขาจะใช้อำนาจความเป็นหัวหน้าในการทำร้ายสามัญชนอย่างพวกเรา”
ซูฉางจิ่วพูดไม่ออก เขาหมุนตัวกลับไม่มองฉีหูจื่ออีกเลย
“โอ้? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”
ตอนที่ผู้ดูแลเฉียนพูด เขาก็มองซูฉางจิ่วด้วยสายคลุมเครือ
เขาเองก็มองเห็นแววตานั้นของผู้ดูแลเฉียนเหมือนกัน ไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริง ๆ
เขาเข้าใจว่าผู้ดูแลเฉียนหมายถึงอะไร เขามักจะไปยั่วยุพวกผู้ดูแลที่ชุมชนใหญ่เรื่องฟาร์มไก่กับฟาร์มหมูเสมอ
เพราะเหตุนี้ ผู้ดูแลเฉียนจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
“มีครับ!”
“ถ้าอย่างนั้นบอกฉันสิว่าหัวหน้าซูได้เงินฮุบเอาเงินส่วนรวมมาเป็นของตัวเองได้ยังไง!”ผู้ดูแลเฉียนถามด้วยรอยยิ้มครึ่ง ๆ กลาง ๆ
พอฉีหูจื่อเห็นผู้ดูแลเฉียนเข้ามาใกล้ ความหวาดกลัวเดิมที่มีอยู่ได้หายไปในพริบตา
“เมื่อกี้เขาหยิบเงินจากกองส่วนรวมแล้วเอามาให้เด็กพวกนี้คนละห้าหยวน คุณคงไม่รู้หรอกว่าเด็กพวกนี้มันเป็นหลานของเขาทั้งนั้น!”
“มีเรื่องนี้ด้วย?”
“ผู้ดูแล ผมไม่กล้าโกหกหรอก แค่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมที่พวกเราคนตัวเล็กตัวน้อยทำงานหนักมาทั้งปี แถมยังเป็นหนี้ชุมชนการผลิตอยู่สามหยวนห้าสิบเจ็ดเหมาอีก แล้วเอาเงินห้าหยวนไปให้พวกเด็ก ๆ เยอะขนาดนั้นได้ยังไง?”
ยิ่งเขาพูดเท่าไร ฉีหูจื่อก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดยิ่งมีเหตุผลมากขึ้นเท่านั้น
แต่ผู้ดูแลเฉียนรู้ว่าคนที่ชื่อฉีหูจื่ออะไรเนี่ย เป็นพวกที่มีลูกเยอะแล้วแรงงานในบ้านก็น้อย ปกติก็เป็นคนที่ขี้เกียจอยู่แล้วด้วย
ตอนนี้หงซินเป็นชุมชนการผลิตที่ร่ำรวยที่สุด ว่ากันว่าไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีแรงงานเลย แต่ละบ้านได้เงินแจกจ่ายช่วงสิ้นปีไม่น้อยเลย
“เรื่องนี้เองหรือ? แล้วรู้ไหมว่าเขาให้ไปเพื่ออะไร?”
แน่นอนว่าฉีหูจื่อรู้ว่าทำไม แต่ถึงรู้ก็พูดไม่ได้
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “จะอะไรได้อีกล่ะครับ ก็เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวตัวเอง”
ซูฉางจิ่วไม่ได้พูดอะไร ส่วนซูเหล่าเอ้อร์กดความโกรธไว้ในใจไม่ไหว จึงพุ่งไปหมายจะเอาชนะฉีหูจื่อให้ได้ แต่ซูเหล่าต้าห้ามไว้
“ดูตัวเองบ้างสิ นิสัยแบบนี้เมื่อไรจะเปลี่ยนสักที”
พอโดนพี่ใหญ่ห้ามไว้ ถึงจะไม่ยินยอมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“แต่สิ่งที่ฉันรู้มาเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นนะ!” ผู้ดูแลเฉียนยิ้มแล้วพูดอย่างจริงจัง
ฉีหูจื่อผงะ ไม่เข้าใจว่าผู้ดูแลเฉียนหมายถึงอะไร
“ผู้ดูแล คุณหมายความว่ายังไงครับ?”
“วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของชุมชนใหญ่เพื่อมาหาเด็ก ๆ ในชุมชนการผลิต!” ผู้ดูแลเฉียนกล่าวในขณะมองเด็ก ๆ ถือกระเป๋า
ถึงจะไม่รู้จัก แต่ก็สามารถคาดเดาได้
ฉีหูจื่อยังไม่เข้าใจ แต่คนอื่น ๆ กลับเข้าใจแล้ว
ผู้ดูแลเฉียนไม่ได้เพื่อมาทำอะไรที่นี่ แค่มาหาเด็ก ๆ บ้านซูเท่านั้น
ถ้าฉีหูจื่อไม่ทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจ ก็คงต้องทำให้คนอื่นขุ่นเคืองแน่!
จากนั้นก็ได้ยินผู้ดูแลเฉียนพูดต่อ
“เด็ก ๆ หงซินเก่งมาก ที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพื่อเป็นตัวแทนของชุมชนใหญ่มาขอบคุณและส่งคำอวยพร หวังว่าเด็ก ๆ พวกนี้จะกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการพัฒนาประเทศในภายภาคหน้า!”
“ขอบคุณผู้ดูแลเฉียนมากครับ!” ซูฉางจิ่วรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงความขอบคุณ
ถ้ามีอีกฝ่ายอยู่ด้วย เงินที่จะมอบให้วันนี้ก็มีที่ไปที่มาที่ชัดเจนแล้ว
และเงินที่เอาออกมาก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่มีอะไรต่อมันในใจด้วย
ฉีหูจื่อได้ยินผู้ดูแลเฉียนพูดเช่นนั้น แล้วเห็นอีกฝ่ายหยิบซองจดหมายออกมา ก่อนจะเข้าใจว่าน่าจะเอาเงินมามอบให้
เขาจ้องเด็กบ้านซูด้วยความอิจฉาและเกลียดชังในใจ
บ้านซูมันจะโชคดีอะไรนักหนา ทำไมมีแต่คนเอาเงินมาให้?
เหอะ พวกมันต้องประจบเฉินจื่ออันแน่ ๆ
ไม่มีตัวไหนดีสักคน!
ฉีหูจื่ออารมณ์เสียมาก หลิวซิ่วอิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็แทบจะถอนเปลือกต้นไม้ออกหมดแล้ว
จะเป็นไปได้อย่างไร? ผู้ดูแลของชุมชนใหญ่ก็มาส่งเงินด้วยหรือ?
*[1] แอบเอาของส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว