เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 269 คุณคู่ควรไหมล่ะ
บทที่ 269 คุณคู่ควรไหมล่ะ?
บทที่ 269 คุณคู่ควรไหมล่ะ?
เป็นคนตระกูลซูเหมือนกันแท้ ๆ แต่ทำไมเอาแต่ส่งเงินไปบ้านใหญ่นัก บ้านรองมันไม่ควรได้เงินบ้างหรือไง?
หลิวซิ่วอิงทุกข์ใจจนมือคันยิบ ๆ อยากจะออกไปกระชากซองจดหมายในมือผู้ดูแลเฉียนเหลือเกิน
แต่เธอไม่กล้า!
“มันไม่ใช่ของคุณสักหน่อย จะขอบคุณทำไม?” ผู้ดูแลเฉียนมองซูฉางจิ่ว
แต่อีกฝ่ายเป็นพวกดื้อรั้น
ชุมชนเดียวก็ทำทั้งฟาร์มหมูฟาร์มไก่ แถมยังให้เขาส่งหมูไปให้เพิ่มอีก ถึงจะมีความเห็นแย้ง แต่เพราะพูดไปแล้วในตอนแรกก็ต้องทำตามนั้น!
เหอะ การที่เขาเป็นผู้ดูแลมันง่ายหรือไง? ไม่ใช่เพราะอยากให้อาหารของคนในชุมชนได้เพิ่มอีกสักสองชิ้นหรือไง?
พอคนพวกนี้ได้ยินว่าเจ้าหน้าที่ก็ดูเปล่งประกายขึ้นมา อันที่จริงสิ่งที่พวกเขากินคือไม่บะหมี่ผัดผักกาดก็ผัดมันเทศที่ไม่ใส่น้ำมัน
ซูฉางจิ่วไม่ต้องแบ่งเนื้อให้คนในชุมชนก็ได้ แต่เขาก็ยังแบ่งให้
ได้ยินมาว่าหนึ่งคนได้ส่วนแบ่งตั้งเยอะ ไม่รู้ว่าเนื้อพวกนั้นซูฉางจิ่วรู้สึกผิดบ้างหรือเปล่า!
แค่คิดก็อึดอัดแล้ว!
ด้วยความไม่สบายใจ ผู้ดูแลเฉียนยังหยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋า
“รีบให้พวกนักศึกษามารับเร็ว ฉันเห็นว่าพวกคุณกำลังจะออกเดินทางใช่ไหม? อย่ารีรออีกเลย!”
ผู้ดูแลเฉียนคิดว่าถ้าตนยังอยู่ในหงซินจะไม่สามารถอดกลั้นความโกรธได้อีก
ช่างมัน เขาจะรีบลืมความโกรธออกไป และต้องรีบออกไปให้ไว!
ซูฉางจิ่วรีบเรียกพวกเด็ก ๆ ให้เข้ามา
ผู้ดูแลเฉียนมองเด็กพวกนั้น ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “ลูกสาวคุณล่ะ?”
“ผู้ดูแลเฉียน ลูกสาวผมไม่ต้องหรอก…”
อีกฝ่ายร้องเหอะ “ไม่ต้องได้ยังไง? มันทำไมกัน? ลูกสาวคุณกับคนอื่นไม่เหมือนกันหรือไง?”
ว่าจบ ซูฉางจิ่วก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกและเอ่ยเรียกลูกสาวให้เข้ามา
เสี่ยวเฉ่าก้มหัว ยืนอยู่ข้างซูเสี่ยวเหมย
“เก่งมาก ๆ เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นเด็กที่เก่ง!”
ถึงผู้ดูแลจะมองคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่ดี แต่ชมลูกสาวจากใจจริงนะ!
ทั้งยังพูดให้กำลังใจอีกด้วยว่าให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจเรียนเพื่อรับใช้ชาติในภายภาคหน้า ตอนพูดท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความกะตือรือร้น
จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าโส่วเวินคนแรกแล้วแจกซองให้คนละซอง
โส่วเวินถือซองไว้ในมือ เขาไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอบคุณ แล้วจะปฏิบัติตามที่ผู้ดูแลกล่าว
“เงินไม่เยอะเท่าไร ชุมชนใหญ่ของเรายากจนนัก แต่อย่าคิดว่ามันน้อยเกินไปนะ!”
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าเงินยี่สิบหยวนค่อนข้างเอื้อมไม่ถึง
เด็กเหล่านี้เป็นเลิศในทั้งจังหวัด แต่เขามอบให้แค่ยี่สิบหยวนเท่านั้น
ก็มันเป็นเรื่องยากนี่ แล้วเขาก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วด้วย ชุมชนใหญ่ของเราเองก็ยากจนเหมือนกันนะ!
ยี่สิบหยวนต่อคน มากสุดเท่าที่ทางชุมชนใหญ่จะมอบให้ได้
และถ้ามอบให้นักศึกษาหงซินแล้ว ก็ต้องมองให้นักศึกษาจากชุมชนการผลิตอื่นด้วย
ว่าง่าย ๆ คือ หงซินที่เดียวก็มีห้าคนรวด แต่ทีมอื่นรวมกันแล้วมีแค่สามคนเท่านั้น
ถูกต้อง ผู้ดูแลเฉียนไม่สนใจคังอี้เยี่ยนักศึกษาคนนั้นหรอก เขาทำเหมือนกับว่าจำไม่ได้แล้วว่ามีคนแบบนี้อยู่ด้วย
เขาอยากจะเมินเฉย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยินยอม
หลังจากที่กล่าวขอบคุณ คังอี้เยี่ยเดินออกมาจากฝูงชน
“ผู้ดูแลเฉียน คุณต้องกระทำอย่างเท่าเทียมนะ ฉันเป็นยุวชนก็จริง แต่ก็เป็นสมาชิกหงซินด้วย จะให้เงินแค่พวกเขาไม่ได้นะ!” หญิงสาวพูดออกมาตรง ๆ
ผู้ดูแลเฉียนตกใจก่อนจะตอบสนองได้ว่าคนตรงหน้าคือใคร
เขาขมวดคิ้วอย่างเลี่ยงไม่ได้
พอเห็นผู้ชายตรงหน้าเมิน หญิงสาวกลอกตาคิดก่อนจะเอ่ย “ผู้ดูแลเฉียน คุณเป็นผู้ดูแลของชุมชนใหญ่ ถึงฉันจะอยู่ชนชั้นรากหญ้า แต่พวกคนชนชั้นรากหญ้าต่างหากที่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อฉันน่ะ”
ใบหน้าของซูฉางจิ่วบิดเบี้ยวน่าเกลียด
ผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอายจริง ๆ หมายความว่าอย่างไร?
จะบอกให้ผู้ดูแลรู้หรือไงว่าเขารังเกียจคนนอกแบบนั้นน่ะ?
เขามองหน้าผู้ดูแล จากนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
“ฉันรู้เรื่องสถานการณ์ของคุณนะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยและก็สอบผ่านด้วย แต่ตัวเองต้องชั่งน้ำหนักหน่อยนะว่าโรงเรียนที่สอบได้มันเหมือนกับของพวกเขาไหม” ผู้ดูแลเฉียนถามด้วยใบหน้าเย็นชา
ผู้หญิงคนนี้เป็นความอัปยศที่สุดของชุมชนใหญ่
คนแบบนี้มันจะเป็นที่ขบขันของพวกผู้ดูแลเสมอ
แล้วจะให้เงินเธอเนี่ยนะ จะทำได้อย่างไรกัน?
ถ้าทำได้ เขาก็อยากจะเอามีดนับพันฟันเธอเหลือเกิน
แต่ว่าถ้าเธอออกไปจากหงซินในภายภาคหน้า จะไม่กลับมาอีกแน่นอน
พอนึกได้ผู้ดูแลเฉียนพลันรู้สึกโล่งใจที่ตัวหายนะจะหายไป
ส่วนคังอี้เยี่ยขมวดคิ้ว
เป็นเรื่องจริงที่ว่า หลานบ้านซูสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หมด ส่วนผลการเรียนของเธอดีพอที่จะเข้าเรียนได้ในระดับวิทยาลัยอาชีวะเท่านั้น
และถึงเธอจะเรียนระดับอาชีวะ แต่มันก็เป็นระดับอาชีวะเลยนะ จะที่ไหนก็ไม่สำคัญหรอก
“แต่ฉันก็ยังเป็นคนที่ได้รับหนังสือตอบรับอยู่ดีนะ!” คังอี้เยี่ยรู้สึกสึกว่า แม้เธอจะเข้าได้แค่วิทยาลัยอาชีวะ แต่ก็ดีกว่าคนอื่น ๆ
ผู้ดูแลเฉียนร้องเหอะ “คังอี้เยี่ย เป็นมนุษย์ต้องเข้าใจให้มากนะ! ก่อนถาม คุณคิดสักหน่อยดีไหมว่าตัวเองคู่ควรหรือเปล่า?”
ว่าจบ เขาก็เบือนใบหน้าหนี แล้วบอกให้พวกโส่วเวินออกเดินทาง
คังอี้เยี่ยไม่คิดว่าผู้ดูแลเฉียนจะทำแบบนี้ มาถามเธอกันจริง ๆ เลยว่าคู่ควรหรือเปล่าเนี่ยนะ
เธอต้องคู่ควรอยู่แล้วสิ การสอบมันขึ้นอยู่กับความสามารถนะ ทำไมถึงไม่คู่ควรล่ะ?
แต่เธอพูดไม่ได้ ทำได้แค่กำหมัดขบเคี้ยวฟันเท่านั้น
เหล่าซานกลัวผู้นำที่อำเภอจะรอนาน พอบอกลาผู้ดูแลเฉียนเสร็จก็เร่งให้ทุกคนขึ้นรถ
คนบ้านซูไม่อยากจะมองคังอี้เยี่ยแล้ว จึงรีบขึ้นรถไปอย่างไว
เหล่าซานขึ้นเป็นคนสุดท้าย หลังจากสตาร์ตรถก็ออกตัวอย่างรวดเร็ว
ผู้ดูแลเฉียนและคนอื่น ๆ ที่กินควันไอเสียของรถไม่ได้อารมณ์เสีย กลับกันพวกเขากลับยิ้มออกมาแทน
เด็กเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าสู่อนาคตที่ดี!
พอกลับมาก็จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!
“ผู้ดูแลเฉียน เที่ยงนี้มากินข้าวที่บ้านผมไหมครับ” ซูฉางจิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม
อีกฝ่ายเหลือบมองก่อนถาม “มีเนื้อให้กินไหม?”
“มีครับ ๆ” อีกฝ่ายรีบตอบ
“ถ้ามีงั้นก็ไป เนื้อในบ้านคุณเอามากินให้หมดเลย” ผู้ดูแลเฉียนโบกมือเรียกคนด้านหลัง
พอเห็นรูปร่างหน้าตาก็รู้ว่าเป็นพวกที่หาผลประโยชน์จากคนร่ำรวย
คนที่ตามมาจากข้างหลังหัวเราะลั่น
เหมือนซูฉางจิ่วคนนี้จะไม่ใช่พวกถือตัว
อย่างน้อยก็ยินดีที่จะแบ่งเนื้อให้พวกเขากิน
หัวหน้าซูรีบต้อนรับพวกผู้ดูแลและพาไปที่บ้าน
เสี่ยวเฉ่าเป็นคนฉลาด เธอไปหาพ่อก่อนจะรีบกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้ที่บ้านฟัง
คังอี้เยี่ยมองคนพวกนั้นด้วยความเกลียดชัง
มือกำหนัดแน่น จ้องเขม็งพวกซูฉางจิ่วโดยหวังว่าจะระบายความเกลียดชังออกไปได้
ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะทิ้งคำปลอบใจเอาไว้ให้
แต่คังอี้เยี่ยไม่มีอะไรให้เลย
พวกผู้หญิงในชุมชนการผลิตกลัวว่าสามีจะเอ็นดูผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา จึงรีบลากสามีของตนจากไปทีละคน
ก่อนจากไปยังไม่ลืมที่จะมองค้อนอีกฝ่ายด้วย
ถึงจะอยากได้เงิน แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่นี่ยังโดนดูถูกด้วย ความอับอายจึงยิ่งทวีคูณขึ้น
และตอนนี้บ้านซูกำลังจะถึงตัวเมืองในไม่ช้า
พวกคุณย่าซูกลับบ้าน ส่วนฝั่งเหล่าซานกำลังไปที่โรงเรียน
ที่ห้องประชุม มีผู้นำของอำเภอหลายท่านรวมถึงเฉินจื่ออันในนั้นด้วย
“จื่ออัน นี่ใช่หลานชายหลานสาวของคุณหรือเปล่า?” พอเห็นเด็ก ๆ เลขาคังก็คลี่ยิ้มกว้าง และถามจื่ออันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“ใช่ครับ คุณเลขา!” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม
เด็ก ๆ บ้านซูต่างมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จ และในฐานะอาเขยก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกัน