เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 278 จัดการตัวปัญหา
บทที่ 278 จัดการตัวปัญหา
บทที่ 278 จัดการตัวปัญหา
“จื่ออัน ฉันมีชีวิตที่ยากลำบากมากนะคะ คุณจะทำเป็นเห็นหายนะแล้วไม่ช่วยไม่ได้นะ!”
“ถ้าชีวิตของคุณยากลำบาก ในฐานะที่พวกเราเป็นเหมือนเพื่อนร่วมชาติ ผมช่วยคุณได้ แต่ว่าตอนนี้คุณกำลังจะทำลายชีวิตผม ทำลายผมคนนี้” สีหน้าของเฉินจื่ออันเย็นเยือก
เสี่ยวเถียนทำทั้งหมดเพื่อปกป้องเขาและซูหม่านซิ่ว ถ้าเขาไม่แสดงตัวออกมา ชีวิตนี้ก็คงจะสู้เด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้ไม่ได้
เขาอยากจะปกป้องการแต่งงานที่ได้มาอย่างยากลำบาก ไม่ต้องการให้ใครมาทำลายความตั้งใจนี้ของเขาลง
เหยียนชุนนีไม่คิดว่าเฉินจื่ออันจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้ และแล้วหยาดน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา
แต่คราวนี้คนรอบข้างไม่มีผู้ใดเห็นใจเธอแล้ว
“คุณจะไปเองหรือจะให้ผมโยนคุณออกไป!”
เฉินจื่ออันยืนอยู่ในสวน น้ำเสียงเย็นเยียบกว่าสายลมหนาวในฤดูเหมันต์
เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้มาทำให้บริเวณในบ้านสกปรกไม่ได้
พอเห็นว่าเฉินจื่ออันไม่มีท่าทีที่จะอ่อนข้อลง เหยียนชุนนีก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
ถ้าตอนนี้ออกจากตระกูลเฉิน พวกเราสามแม่ลูกจะหิวโซอดตายแน่ ๆ! เธอไม่มีตั๋วธัญพืชหรือเงินสักหยวนเดียว
ไม่ได้การแล้ว
เธอจะไปไม่ได้
“จื่ออัน ยกโทษให้ฉันด้วยเถอะนะ ฉันรู้ว่าฉันผิด แต่นับจากนี้จะต้องใช้ชีวิตให้ดีกับคุณแน่นอน ฉันรู้ว่าคุณแต่งงานใหม่แล้ว ฉันจะไม่ขอให้คุณหย่ากับเธอ ขอแค่คุณรับฉัน ถึงจะเป็นเมียน้อยฉันก็ยอมทั้งนั้น” เหยียนชุนนีคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินจื่ออัน
เฉินจื่ออันตกใจ แต่เพราะประสบการณ์จากการเป็นทหารหลายปีทำให้เขาหลบทันที
ถ้าเห็นผู้หญิงคุกเข่าต่อหน้า อาจถูกคนอื่นกล่าวหาเอาได้
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน
แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้คิดมากขนาดนั้น คิดเพียงแต่ว่าหญิงสาวคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบายคอยสร้างปัญหา
เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดสิ่งใดออกมาน่ะ? เป็นเมียน้อยงั้นหรือ มีหน้ามาพูดแบบนี้ได้อย่างไรกัน คิดว่าจะพูดอะไรออกมาก็ได้งั้นหรือ เคยคิดไหมว่าจะมีคนอยากฟังหรือเปล่า!
ไม่เห็นเลยหรือว่าสร้างความวุ่นวายให้กับคนรอบข้างมากแค่ไหน?
“ออกไปซะ คุณคิดว่ามันยังเป็นช่วงเมื่อสิบปีก่อนอีกหรือ?”
เฉินจื่ออันพูดอย่างเย็นชา “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม รีบออกไปจากบ้านผมซะ!”
คนรอบด้านเริ่มส่งเสียงโห่ร้องขึ้นมา
“หัวหน้าเฉิน คุณยังต้องนับอะไรอีก โยนมันออกไปเลย พวกเราสามารถเป็นพยานให้คุณได้”
“ใช่ ๆ ผู้หญิงแบบนี้ คุณจะไปทำตัวสุภาพกับมันทำไมกัน?”
“หม่านซิ่วเป็นผู้หญิงที่ดี ผู้หญิงคนนี้เทียบไม่ได้เลยแม้แต่ปลายนิ้วของหม่านซิ่ว”
…..
เหยียนชุนนีได้ยินเสียงแสดงความเห็นรอบข้างอย่างชัดเจน ใบหน้าจึงแดงระเรื่อด้วยความลำบากใจ ส่วนเด็กอีกสองคนเอาแต่ซ่อนตัว ไม่กล้าก้าวออกมาข้างหน้า
“ได้โปรดเถอะนะ เห็นแก่สถานะก่อนหน้านี้ของพวกเราเถอะนะ ขออาหารให้ฉันกินสักหน่อย ไม่ต้องสนใจฉันที่เป็นผู้ใหญ่ก็ได้ แต่เด็กสองคนนี้กำลังจะหิวตาย!” เหยียนชุนนีโอดครวญ
เสี่ยวเถียนเห็นการคำนวณชัดเจนในดวงตาผู้หญิงคนนั้น เด็กหญิงมองจื่ออันอย่างกังวล กลัวว่าอาเขยจะใจอ่อนลงชั่วขณะ และอนุญาตให้หญิงคนนี้อยู่ที่บ้าน
เสี่ยวเถียนมีลางสังหรณ์ว่า อีกฝ่ายจะต้องอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนแน่นอน
โชคดีที่จื่ออันไม่ทำให้เสี่ยวเถียนผิดหวัง เขาหยิบเงินสิบหยวนและตั๋วธัญพืชอีกหลายใบออกมา ก่อนจะโยนใส่ให้ผู้หญิงคนนั้น “เงินกับตั๋วพวกนี้ผมให้คุณ แล้วก็พาลูกชายของคุณออกไปซะ ผมไม่อยากเห็นคุณนับจากนี้อีก!”
ให้เงินกับตั๋ว?
คนรอบข้างยกนิ้วโป้งชื่นชมเฉินจื่ออัน
มีเมตตาต่อผู้หญิงที่เคยหัก หลังถือว่าเป็นความกรุณาที่สุดแล้ว!
เหยียนชุนนีรู้ว่าวันนี้เธอไม่มีความหวังที่จะอยู่ต่อ เพราะงั้นจึงหยิบเงินกับตั๋ว และจากไปพร้อมกับลูกสองคน
เฉินจื่ออันในความทรงจำของเธอไม่ใช่คนแบบนี้ เขาไม่เคยเฉยเมยต่อตน
เห็นเหยียนชุนนีเดินออกไปไกล คนมุงล้อมเห็นว่าไม่มีความตื่นเต้นให้ดูก็แยกย้ายกันกลับบ้านท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง
เสี่ยวเถียนมองเฉินจื่ออันด้วยรอยยิ้ม พอใจกับแสดงออกของอาเขยเป็นอย่างยิ่ง
ผู้เป็นอาขยี้ผมหลานสาวอย่างแรง “สาวน้อยเก่งมาก อาเขยขอบคุณมาก”
เสี่ยวเถียนเงยหน้าขึ้น แสร้งทำเป็นผู้ใหญ่ก่อนจะพูดอย่างยโสโอหัง “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหนูหรอกค่ะ หนูทำเพื่ออาใหญ่!”
แต่ท่าทางน่ารักนุ่มนิ่มเหมือนขนมปังมันไม่ได้มีแรงกดดันเลยแม้แต่นิดเดียว และทำให้เฉินจื่ออันส่งเสียงหัวเราะลั่น
แต่เสี่ยวเถียนส่งเสียงร้องเหอะ “อาเขยยังมีกะจิตกะใจมาหัวเราะอีกหรือคะ? อาใหญ่ร้องไห้เป็นเผาเต่า รีบไปดูเร็วเข้าซี่!”
เมื่อเฉินจื่ออันได้ยินคำพูดของเสี่ยวเถียน ก็ระลึกขึ้นมาได้ว่าหม่านซิ่ววิ่งร้องไห้ออกไปไม่สนใจสิ่งใดเลย จึงรีบเปลี่ยนเส้นทางไปยังบ้านหลักตระกูลซู
ตามมาด้วยเสียงตะโกนไล่หลังของเสี่ยวเถียนตัวน้อบ “อาเขย ๆ ประตูยังไม่ได้ล็อกเลย”
แต่เวลานี้เฉินจื่ออันไม่ได้มีเวลามาสนใจอะไรทั้งนั้น
เสี่ยวเถียนทำอะไรไม่ได้นอกจากหากุญแจมาล็อกเอง เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็หมุนตัวกระโดดหยองแหยงกลับบ้านตัวเองอย่างร่าเริง
พอกลับถึงบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะเริงร่าดังมาจากในบ้าน เป็นเสี่ยวจิ่วกำลังเลียนแบบเสียงเสี่ยวเถียนนั่นเอง
“หนูได้ยินมาว่าในสมัยก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อฉินเซียงเหลียน สามีของเธอไปสนามรบ แต่หลังจากได้ยินข่าวว่าสามีตาย เธอก็ไปแต่งงานใหม่และให้กำเนิดลูกสองคน ต่อมาตัวสามี โอ๊ะ ไม่สิ อดีตสามีกลับไม่ได้ตายในสนามรบ หลังจากที่กลับมา ผู้หญิงที่ชื่อฉินเซียงเหลียนก็มาหาเขาที่บ้านแทนค่ะ คุณลุงคุณป้า หนูยังเด็กเลยไม่รู้ว่าได้ยินถูกหรือเปล่า?”
ต้องบอกว่าพี่เก้าเลียนแบบเก่งมาก แต่เสี่ยวเถียนกลับไม่ค่อยมีความสุขนัก
หมายความว่าอย่างไรเนี่ย?
หรือที่รวม ๆ กันในนั้นมีพี่เก้าอยู่ด้วย?
น่าเกลียดจริง ๆ เอาแต่ดูอยู่ข้าง ๆ ไม่ออกมาช่วยกันเลย! ตอนนั้นมีแค่พี่เก้า หรือว่ายังมีพี่ ๆ คนอื่นอยู่ด้วย?
พอคิดว่าตนถูกจับตามอง เสี่ยวเถียนก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดี
“พวกพี่รังแกหนู!” เสี่ยวเถียนทำแสร้งบีบน้ำตาตอนพูดออกมา
พอได้ยินเสียงเสี่ยวเถียน คนตระกลูซูต่างกรูเข้ามาห้อมล้อมเด็กหญิงตัวน้อย
เสี่ยวจิ่วประหม่าจนแทบสติเสีย เขาเสียใจมาก ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงไม่ทำ
“เสี่ยวเถียน พี่ไม่ได้ทำนะ พวกเราไม่ได้ทำจริง ๆ” พี่เก้าขอโทษ
เสี่ยวเถียนปิดหน้าด้วยมือข้างหนึ่ง สะอื้นฮักจนไหล่สั่นสะท้าน
ท่าทางของเธอมันเหมือนแบบนั้นจริง ๆ
แม้แต่หญิงชรายังไม่สบายใจที่หลานสาวร้องไห้
คุณย่าซูรีบตีเสี่ยวจิ่วเบา ๆ ทันที “หลานรักไม่ต้องร้อง ย่าช่วยตีให้แล้ว รอแม่รองกลับมาจะให้จัดการพี่เก้าเองนะ!”
“เสี่ยวจิ่วดูซิ ทำให้น้องร้องไห้เนี่ย ปลอบน้องเลยนะ” เสี่ยวชีมองน้องเก้าด้วยสายตาดุ ๆ
“ดีนะที่พี่รองไม่อยู่ ถ้าเขาเห็น น้องเก้าโดนดีแน่!” เสี่ยวซื่อก็พูดเช่นกัน
เสี่ยวเถียนได้ยินก็สะอื้นต่อ “ปลอบไม่ได้หรอก!”
เสี่ยวจิ่วได้ยินก็ร้อนรน เขาปรี่เข้าไปหยอกล้อเอาใจน้องสาวทันที
ทั้งยังบอกอีกว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจะช่วยเสี่ยวเถียนถือกระเป๋าอะไรแบบนี้ เป็นสัญญาที่ไม่มีความเท่าเทียมเอาเสียเลย
เสี่ยวอู่และเสี่ยวปาแอบหัวเราะที่น้องเล็กฉลาดเป็นกรดเหมือนปีศาจ
สาวน้อยคนนี้เริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เลย
ดูเสี่ยวจิ่วจอมบื้อนี่สิ โดนน้องหลอกเข้าเสียแล้ว!
หลังจากนั้นก็ปลอบเสี่ยวเถียนสำเร็จ
ตอนที่เธอเงยหน้า ทุกคนก็รู้ว่าดวงตาของเด็กหญิงใสแจ๋ว ไม่มีร่องรอยของการร้องไห้เลย
เสี่ยวจิ่วคับข้องใจมาก ทำไมถึงมาหลอกกันได้เนี่ย?
แล้วใครใช้ให้เป็นน้องสาวของเขาล่ะ? เป็นน้องสาวเพียงคนเดียวแล้ว ถ้าจะหลอกก็หลอกเถอะ ไม่เป็นไรหรอก!
คุณย่าซูรู้ว่าหลานสาวของเธอสบายดี ดังนั้นจึงไปทำเกี๊ยวต่อ
หม่านซิ่วช่วยแม่ทำอาหารเงียบ ๆ ไม่สนใจเฉินจื่ออัน
ความคับข้องใจของเฉินจื่ออันวันนี้เหมือนหายนะเงียบ เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่โดนคนตำหนิเสียอย่างนั้น!
แต่เฉินจื่ออันไม่รู้ความคิดของภรรยา
เธอไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เหยียนชุนนีมาหาที่บ้านวันนี้ แต่เธอกลับโทษตัวเอง
หม่านซิ่วเป็นคนตระหนักถึงความผิดพลาดของตนเอง
เธอรู้สึกผิดจริง ๆ ที่ไม่ไว้ใจสามี
อยู่กินด้วยกันมาตั้งหลายปี ลูกก็โตแล้ว แต่กลับไม่เชื่อใจสามีแล้วยังสงสัยในตัวเขาอีก หม่านซิ่วครุ่นคิด แต่ตอนนี้ทุกคนอยู่ในบ้าน เธอพูดออกไปไม่ได้หรอก
ช่างเถอะ ไว้ค่อยคุยกันคืนนี้!
คุณย่าซูสังเกตเห็นบรรยากาศระหว่างลูกสาวกับลูกเขยอย่างละเอียด
แต่เรื่องของคนหนุ่มสาว หญิงชราแบบเธอเข้าไปยุ่งไม่ได้
ช่างเถอะ ๆ กินข้าวก่อน แล้วค่อยให้พวกเขารีบกลับไปแก้ปัญหากันเอง
เกี๊ยวร้อนหอมกรุ่นตัวอวบอ้วนออกมาจากหม้อ สมาชิกทั้งบ้านนั่งล้อมโต๊ะกินเกี๊ยวกันอย่างมีชีวิตชีวา
หลังจากกินเสร็จ หญิงชราปฏิเสธความช่วยเหลือจากลูกสาวที่จะช่วยทำความสะอาดให้ และเอ่ยบอกให้เธอกลับบ้านไป