เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 288 สอนหนังสือคุณย่า
บทที่ 288 สอนหนังสือคุณย่า
บทที่ 288 สอนหนังสือคุณย่า
คุณย่าซูมีหน้าที่ดูแลหลาน ๆ แต่ตอนนี้กลับพบว่าหลานของเธอเรียนหนักขึ้น ตอนนี้หน้าหนาวใกล้มาเยือน เหมือนกันตอนที่พวกโส่วเวินก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หญิงชรารู้สึกทุกข์ใจ
หลานเรียนหนักก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ควรทำร้ายสุขภาพเพราะเรียนหนักสิ
“เสี่ยวเถียนเอ้ย หนูเกลี้ยกล่อมพี่เขาหน่อยสิ จะเรียนจนเสียสุขภาพไม่ได้นะ!”
พอได้ยินคำพูดคุณย่าซู เสี่ยวเถียนก็นึกถึงคุณแม่เจี๋ย*[1] จากเรื่องความฝันในหอแดง
เธอจึงมักกังวลถ้าหลานเรียนหนักจนสุขภาพทรุดโทรม ร่างกายมนุษย์จะพังได้ขนาดนั้นเลยหรือ?
“ไม่เป็นไรหรอกคะย่า ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ ๆ สบายดีค่ะ”
เสี่ยวเถียนไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย พวกพี่ ๆ ที่กำลังเรียนหนักก็ยังกินดีอยู่นี่
แต่หญิงชราไม่คิดเช่นนั้น เธอไม่มีแรงพอจะเกลี้ยกล่อมจึงไปสหกรณ์แทน
เธอต้องส่งเสริมโภชนาการให้กับหลาน ๆ อยากให้ตั้งใจเรียน อยากให้ได้กินอิ่ม
หลาน ๆ เรียนเพื่อที่ในอนาคตจะได้ไม่โดนคนรังแก ทำให้ผลการเรียนของพวกเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ
นักเรียนในชั้นต่างก็มีความหวังที่จะไล่ตามเด็กบ้านซู แต่ก็ต้องเศร้าที่ตอนสอบกลับพบว่าไม่เพียงไม่มีความหวังเท่านั้น แต่ช่องว่างยังห่างมากขึ้นด้วย
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เด็กบ้านซูเก็บเป็นความลับไปโดยปริยาย
คุณย่าซู เหล่าซาน ฉีเหลียงอิง เหลียงซิ่วและคนอื่น ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในโรงเรียน
และตอนนั้นเองครูใหญ่กัวก็ได้รับจดหมาย
ตอนเห็นจดหมายยังสงสัยเลยว่าดวงตาของเขามีปัญหาหรือเปล่า
ผู้นำจังหวัดเขียนจดหมายถึงเขา?
จะเป็นไปได้อย่างไร?
พออ่านตั้งแต่ต้นจนจบก็เข้าใจได้ในที่สุด
อากาศช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถือว่าอากาศไม่ร้อน แต่ครูใหญ่กัวกลับเหงือแตกพลั่ก
ไม่คิดเลยว่าตระกูลซูที่เป็นครอบครัวชาวนาจะมีคนหนุนหลังด้วย
นอกจากเฉินจื่ออันแล้ว ยังมีผู้นำจังหวัดที่คอยดูแลอีก
โชคดีที่ตอนแรกฉางฮุ่ยอวิ๋นมาหาถึงที่ หากไม่โดนข่มขู่จากเธอ เขาก็คงยอมแพ้กับเด็กพวกนั้นแล้ว
ไม่งั้นตอนนี้เขาคงแย่แล้ว
ผู้นำจังหวัดดูแลและเอาใจใส่หลาน ๆ บ้านซูจริง ๆ เขาเกือบแน่ใจว่าท่านจะต้องได้รับข่าวในวันนั้นที่เหตุการณ์เกิดขึ้นแน่
มันเป็นข่าวคราวที่ละเอียดมาก และจดหมายฉบับนี้น่าจะส่งไปเมื่อยี่สิบวันก่อน แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้รับมันตอนนี้ แต่ว่าท่านผู้นำก็เอาใจใส่เด็กบ้านซูจริง ๆ นั่นแหละ
ครูใหญ่กัวไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะฉางฮุ่ยอวิ๋นไปโวยวาย หัวหน้าสำนักงานการศึกษาเลยทะเลาะกับต้วนเฉียนจิ้น
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เพราะเหตุการณ์นี้ ต้วนเฉียนจิ้นจึงถูกเรียกตัวจากผู้นำเมืองและโดนวิจารณ์อย่างรุนแรงจนเกือบเสียตำแหน่งอธิบดีไป
สรุปแล้ว ต้วนเฉียนจิ้นรู้สึกว่าตั้งแต่ที่ฉางฮุ่ยอวิ๋นไปโวยวาย เขาก็ไม่มีความสุขเลย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่พอใจภรรยาทุกครั้งที่กลับบ้าน
ฉางฮุ่ยอวิ๋นไม่คิดเลยว่าแค่จัดการกับพวกเด็กชนบทมันกลับเกิดเรื่องเสียได้ เธอไม่กล้าไปโวยวายอีกแล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกเสี่ยวเถียนไม่รู้แล้ว
แต่เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าครูใหญ่กัวยิ่งใส่ใจบ้านเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าดูแลมากเลย
แต่จากมุมมองของซูเสี่ยวเถียน การดูแลของครูใหญ่กัวถือได้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
ก็เหมือนครูดูแลเด็กทั่วไปนั่นแหละ
แน่นอนว่าครูในโรงเรียนก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของครูใหญ่กัวด้วย แต่พวกเขาเข้าใจได้
เพราะเด็กบ้านนี้โดดเด่นมาก
มันจะมีครอบครัวไหนที่ผลิตเด็กนักเรียนที่แสนโดดเด่นออกมาแบบบ้านซูได้บ้าง
กลับกัน ถ้าพวกเขาเป็นครูใหญ่กัว คงดูแลเด็กพวกนี้อย่างหวงแหนไม่ให้เกิดความคับข้องใจ
มีการดูแลจากครูใหญ่กัว เด็กบ้านซูไม่เคยอึดอัดใจอีกเลย แน่นอนว่าหลักฐานคือ พวกเขาตั้งใจเรียนมาก พละกำลังทางกายโดดเด่น เรียนก็เก่งด้วย
แล้วถ้าช่วงไหนพวกเด็ก ๆ ในโรงเรียนรู้สึกอึดอึดก็จะมาหาเด็กบ้านซูกัน
และขณะที่เด็กบ้านนี้กำลังเรียนกัน ก็ได้รับจดหมายจากอาใหญ่
ภาษาเขียนที่งดงามทำให้คนอ่านรู้สึกสบายใจมาก
นอกเหนือจากการทักทายคนในบ้านแล้ว หม่านซิ่วยังเอ่ยถึงสถานการณ์ในครอบครัวของตัวเองด้วย
พอมาใช้ชีวิตอยู่ทางใต้ นอกจากอากาศที่ร้อนและอาหารที่แตกต่างกัน ก็ไม่มีอะไรที่ไม่สะดวกสบายนัก
ในขณะเดียวกัน หม่านซิ่วยังบอกอีกว่าเธอเริ่มแก้ไขงานเขียนแล้ว ใช้เวลาประมาณสองสามเดือนถึงจะเสร็จ
และบอกอีกว่าหลังจากแก้เสร็จจะส่งให้เสี่ยวเถียนดู
คุณย่าซูอ่านหนังสือไม่ออก เสี่ยวเถียนจึงอ่านให้ฟังทีละประโยค
“หลานรักเอ้ย หรือย่าควรตั้งใจเรียนหนังสือด้วยดีไหม?” คุณย่าซูที่อ่านจดหมายไม่ออก จู่ ๆ ก็ถอนหายใจออกมา
เธอพลิกอ่านจดหมายหลายครั้ง แต่ว่าก็อ่านเข้าใจเพียงบางคำ
แม้ว่าซูเสี่ยวเถียนจะอ่านแค่รอบเดียว แต่ก็อ่านเป็นบรรทัด และมันคงจะดีถ้าเธออ่านได้ด้วยตัวเอง
เสี่ยวเถียนไม่คิดเลยว่า คุณย่าซูจะมีความคิดแปลกประหลาดแบบนี้
แต่ว่าถ้าย่าได้เรียนจริง ๆ ก็คงดีนะ
เสี่ยวเถียนตอบตกลงทันทีที่จะสอนหนังสือให้
คุณย่าซูจึงเบิกบานใจเป็นอย่างมาก
ความคาดหวังท่วมท้น แต่ความจริงกับซูบซีด
เสี่ยวเถียนคิดว่าเธอสอนย่าได้แน่นอน
คุณย่าซูยังมีความมั่นใจเลย ต้องเรียนดีแน่ ๆ
แต่หลังจากที่เริ่มสอนไปแล้ว เสี่ยวเถียนงงงวยมาก คำเดียวสอนยี่สิบกว่าครั้ง ย่าจำไม่ได้เลย
รอเธอจำได้เมื่อไร เสี่ยวเถียนก็จะสอนคำต่อไป
ผลคือพอรอคำที่สองจำได้ก็ลืมคำแรกเสียแล้ว
เป็นแบบนี้กลับไปกลับมาอยู่ครึ่งเดียว คุณย่าซูจำได้สิบกว่าคำเท่านั้น
คุณย่าซูผิดหวังมาก ส่วนเสี่ยวเถียนไม่รู้จะพูดอะไรดี
พวกพี่ชายมองน้องสาวกับย่า ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรด้วยเหมือนกัน
สุดท้ายพวกเขาก็ทนที่น้องสาวโดนทรมานไม่ไหว จึงตัดสินผลัดเวรกันสอนคุณย่าแทน
แต่หลังจากที่เริ่มสอน พวกเขาก็เจอเรื่องน่าเศร้าจนต้องขุดหลุมฝังตัวเองลงไป
ตอนคุณย่าเรียนกับเสี่ยวเถียน เธอทำตัวดีมาก ถึงจะจำศัพท์ไม่ได้แต่ก็ไม่หงุดหงิดเลย
แต่พอหลานชายสอน ท่าทางเธอเปลี่ยนไป
“ซูเสี่ยวซื่อ ฉันไม่เคยเห็นแกบื้อแบบนี้เลย ทำไมแกสอนคำนี้ไม่ได้สักทีล่ะ?”
เสี่ยวซื่องงเหลือเกิน เขาสอนผิดตอนไหนเนี่ย?
“เสี่ยวอู่ แกอธิบายให้ชัด ๆ ได้ไหม ทำไมรอบนี้ไม่เหมือนรอบที่แล้วเลยล่ะ?”
เสี่ยวอู่งง เขาผิดหรือ?
“เสี่ยวลิ่ว วันนี้ไม่ได้กินข้าวหรือ ทำไมเสียงเบาจัง เมื่อไรฉันจะเรียนได้ล่ะ?”
เสี่ยยวลิ่วงง ได้แต่ซ่อนตัวอยู่มุมห้องแล้วร้องไห้เงียบ ๆ!
*[1] คุณแม่เจี๋ย เป็นภาพสะท้อนสตรีผู้ที่ได้รับความเคารพในสังคมศักดินา คุณแม่เจี๋ยเป็นคนจากตระกูลสื่อ ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลไม่แพ้ตระกูลเจี๋ยเลย ต่อมาเมื่อเจี๋ยไต้ซ่าน (สามี) เสียชีวิตลง เธอจึงกลายเป็นผู้ที่ดูแลเรื่องราวภายในจวนแทน