เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 292 ข่าวเรื่องกลับเมือง
บทที่ 292 ข่าวเรื่องกลับเมือง
บทที่ 292 ข่าวเรื่องกลับเมือง
ในไม่ช้า ฉืออี้หย่วนก็ได้ยินว่าซูเสี่ยวเถียนจะต้องกลับอำเภอแล้ว เด็กหนุ่มเกิดความลังเลใจขึ้นมา
ทุกวันนี้เพื่อนของเขามีแค่เด็กบ้านซูเท่านั้น
เขามองดูจันทร์กระจ่างบนฟากฟ้า
แสงจันทร์ส่องสว่าง วงรัศมีเหมือนม่านหมอก
ดวงจันทร์ในชนบทช่างงดงาม!
งดงาม ทว่าหนาวเหน็บ
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่งดงาม ใบหน้าของฉืออี้หย่วนกำลังบูดบึ้ง เบะปากราวกับจะร้องไห้ออกมา
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาอยากจะร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจร้องออกมาได้ แต่ตอนนี้ตนเองรู้สึกว่าไม่อาจทนได้อีกต่อไปแล้ว
ตอนเด็กบ้านซูอยู่ด้วย เขาไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ปีนี้พวกเขาต้องเข้าอำเภอไปเรียนหนังสือ เขายิ่งปลีกวิเวกและรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น
“เสี่ยวหย่วน ไม่มีความสุขหรือ?” ไม่รู้ว่าฉือเก๋อมายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไร
ฉืออี้หย่วนหันกลับไปมองคุณปู่ด้วยแววตาที่ลุกโชน
เด็กหนุ่มภายใต้แสงจันทร์มีสีหน้าเรียบเฉยไม่แยแส
“คุณปู่ เมื่อไรเราจะได้กลับ?”
หลังจากชายชราได้สติกลับขึ้นมา เขาก็ส่ายหัวช้า ๆ
“คุณปู่ มันจะมีวันที่เราได้กลับไปไหม?”
“มีสิเสี่ยวหย่วน” ฉือเก๋อลูบผมหลานชาย “ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
ฉืออี้หย่วนอยากบอกนักว่า เห็นพูดแบบนี้มาทุกปี เวลานี้เขาไม่กล้าเชื่ออีกต่อไปแล้ว
ในตอนนั้นเองที่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวหน้าซูดังขึ้น
ภายใต้แสงจันทร์ส่องสว่าง พวกเขามองเห็นความตื่นเต้นบนใบหน้าอีกฝ่าย
“ผู้เฒ่าตู้ ๆ มีข่าวดี มีข่าวดีครับ!”
เสียงแหบของซูฉางจิ่วเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“ข่าวดีอะไรงั้นหรือ?” ตู้ถงเหอออกมาจากบ้านหลังเล็กก่อนจะเอ่ยถาม
“เบื้องบนให้คุณกลับเมืองได้แล้วครับ ผู้เฒ่าตู้ คุณใกล้จะได้กลับแล้ว”
ซูฉางจิ่วตื่นเต้นมากและเสียงของเขาก็ดังมาก ดังจนแทบจะตะโกนลั่นออกมา
ถ้วยกระเบื้องในมือตู้ถงเหอตกลงพื้นก่อนจะกลิ้งไปมา ส่วนน้ำในถ้วยสาดกระจายเต็มพื้น
จริงหรือ?
มันเป็นเรื่องจริงหรือ?
“ผู้เฒ่าตู้ จริงสิครับ ผมเพิ่งกลับมาจากชุมชนใหญ่ แม้แต่บ้านยังไม่ได้กลับไปเลย ผมรีบตรงมาหาคุณก่อนทันทีเลย” ซูฉางก้าวไปจับมืออีกฝ่าย เขาตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด
ผู้เฒ่าตู้เป็นผู้สร้างความดีความชอบให้หงซินเรา และเขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะมีอายุยืนยาว
และถ้าได้กลับไปก็คงดีมาก
ตู้ถงเหอหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตัน
ฉือเก๋อมองฉากนี้ด้วยความรู้สึกมากมายในใจ
เขาจับมือเย็นเฉียบของหลานชายไว้แน่น
คนที่มาทีหลังต่างก็กลับกันไปหมดแล้ว และเมื่อไรเขาจะได้กลับบ้าง?
ถ้ามีแค่เขา จะอยู่ที่นี่ทั้งชีวิตก็ไม่แย่อะไรหรอก
แต่เสี่ยวหย่วนอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้
ถ้าเขาอยู่ ก็จะต้องอยู่คนเดียว
หากสิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปเช่นนี้ มันคงไม่ดีกับหลานชาย
เขาต้องหาโอกาสพูดคุยกับคนอื่นให้ได้
ฉืออี้หย่วนรู้ว่าคุณปู่กลัวเขาจะเสียใจ
เด็กชายยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณปู่ มันก็ไม่ได้แย่ใช่ไหมล่ะ? อีกไม่นานก็ถึงตาเราแล้ว”
เด็กหนุ่มพูดด้วยความสัตย์จริง ทุกคนได้กลับไปแล้ว และสักวันเขาก็ต้องเห็นแสงแห่งรุ่งอรุณเช่นกัน
แต่คราวนี้แค่ไม่ใช่เขากับปู่เท่านั้น แต่ในภายหลังจะต้องเป็นพวกเราแน่
ซูฉางจิ่วสนทนากับตู้ถงเหอไม่กี่ประโยค จากนั้นก็หันไปมองฉือเก๋อ
ความคิดของสหายเขารู้ดี หากแต่ทำอะไรไม่ได้
“อาจารย์ฉือรออีกหน่อยนะครับ จะต้องมีข่าวดีแน่” พอรู้ถึงความไม่สบายใจ ซูฉางจิ่วรีบเข้าไปจับมือและกล่าวทันที
“อวยพรคุณด้วยนะ!” ฉือเก๋อฝืนยิ้ม และยังหันไปพูดกับตู้ถงเหออีกว่า “สหายตู้ ยินดีกับคุณด้วยนะ!”
“ถ้าฉันกับรุ่ยหยวนไปแล้ว ที่นี่ก็เหลือนายกับเสี่ยวหย่วนแล้วนะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของตู้ถงเหอจางหายไป
เสี่ยวหย่วนมาอยู่ตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นวัยรุ่น แต่นิสัยของเขากลับยิ่งสันโดษมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนมีเสี่ยวเถียนก็พูดเยอะอยู่ แต่พอไม่มีเธอ เด็กคนนี้เอาแต่นิ่งเงียบทั้งวัน ไม่พูดไม่จา
“ผมจำได้ว่า ตอนผ่านบ้านเสี่ยวเถียนเมื่อกี้ เหมือนปู่ซูถามว่าอยากให้เสี่ยวหย่วนไปด้วยไหม พรุ่งนี้พวกเขาจะเข้าเมืองกันน่ะ?”
ฉือเก๋อประหลาดใจมาก ทำไมจู่ ๆ หัวหน้าถึงพูดแบบนี้ออกมา
พวกเขาเข้าเมืองได้ตามที่ใจปรารถนาเลยหรือ?
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวกลับไปออกใบรับรองให้ ถ้าเสี่ยวหย่วนเต็มใจที่จะเข้าเมืองไปอยู่สักระยะ ผมจะออกใบรับรองให้เอง!”
ซูฉางจิ่วไม่ใช่คนหัวแข็ง เขาเต็มใจมอบความสะดวกสบายให้คนอื่นสักเล็กน้อยด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ลูกสาวของเขาเข้ามหาวิทยาลัยได้ แถมฉือเก๋อก็มีความดีในเรื่องนี้ด้วย เขาจำมันขึ้นใจ ดังนั้นจึงคิดหาโอกาสตอบแทนอยู่เสมอ
ฉือเก๋อยิ้ม “งั้นก็ขอบคุณหัวหน้าซูด้วยครับ”
ให้เสี่ยวหย่วนออกไปข้างนอกสักพักจะเป็นการดีกว่า
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณปู่กับคุณย่าซูเข้าเมืองไปพร้อมกับเด็ก ๆ และไข่สามร้อยฟองที่จู้จื่อไปซื้อมา
ก่อนจะไป หญิงชรายังมอบเงินสามสิบหยวนให้จู้จื่อเพื่อซื้อไข่ต่อด้วย
แถมยังบอกอีกว่า อีกสองวันให้อีกฝ่ายนำไข่มาส่ง
ตอนแรกภรรยาจู้จื่อเป็นกังวล ถ้าสามีเกิดประมาทแล้วขาดทุนขึ้นมาจะทำอย่างไร
แต่ตอนนี้มีคนบ้านซูทำด้วย เธอเลยรู้สึกสบายใจยิ่งขึ้น
เนื้อแท้เธอไม่ใช่คนชอบผาดโผน และยังอยากใช้ชีวิตที่มั่นคงด้วย
เรื่องจู้จื่อขอไม่กล่าวต่อ หลังจากที่คุณย่าซูมาถึงอำเภอก็เริ่มทำมาค้าขาย
ไข่สามร้อยฟอง คุณย่าซูเอาไข่ออกมาครึ่งหนึ่ง หนึ่งร้อยฟองทำไข่ต้มชา อีกห้าสิบฟองทำไข่ต้ม
“คุณย่า บ้านเรายังมีตั๋วเนื้ออยู่ แถมรอบนี้เอาผักมาจากบ้านเยอะแยะเลย มาทำแป้งทอดหรือซาลาเปาดีไหมคะ?” เสี่ยวเถียนคิดว่าถึงขายไข่จะได้เงิน แต่มันไม่ค่อยจะปรับตัวกันเท่าไร
คุณย่าซูคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ได้สิ งั้นหลานไปซื้อเนื้อกับพี่สี่ เดี๋ยวพวกเราเก็บผักที่บ้าน พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไปสถานีรถไฟ เสี่ยวหย่วนไม่เคยเข้าเมือง งั้นก็ตามไปซื้อเนื้อด้วยแล้วกัน”
ฉืออี้หย่วนพยักหน้าตกลง
คุณย่าซูยิ้ม “เสี่ยวหย่วน ในเมื่อเธอมาบ้านพวกเราแล้วก็ทำเหมือนว่าเป็นบ้านตัวเองเถอะ ไม่ต้องเกรงใจไปนะ!”
เด็กหนุ่มรีบตอบ “ทราบแล้วครับคุณย่าซู ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมไม่เกรงใจแน่นอน พรุ่งนี้ผมจะตามทุกคนไปที่สถานีรถไฟเอง”
หลังจากที่สมาชิกทุกคนในบ้านทำงานร่วมกันตลอดทั้งเย็น กว่าจะพักก็ดึกแล้ว ทว่าในเช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนตื่นนอนตรงเวลากันหมด
นอกจากไข่ต้มกับไข่ต้มชาแล้ว คุณย่าซูยังเตรียมซาลาเปาไส้ธัญพืชสามสิบลูก และแป้งทอดไส้กุยช่ายอีกยี่สิบแผ่นไปด้วย