เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 294 ประสบความสำเร็จ
บทที่ 294 ประสบความสำเร็จ
บทที่ 294 ประสบความสำเร็จ
ที่จริงพอเทียบกับไข่ต้มจืด ๆ แล้ว ไข่ต้มชาเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า
คุณย่าซูทำไข่ต้มชาเก่งมาก ไม่อยากจะเทียบฝีมือกับคนอื่นเลย เสี่ยวเถียนเห็นคนรุ่นหลังทำของอร่อยมามากมาย แต่ต้องยอมรับเลยว่าไข่ที่ย่าเธอทำนั้นฝีมือประณีตจริง ๆ
คนที่กินไข่ต้มชาไม่อยากกินไข่ต้มรสจืดชืดแน่นอน
แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้วางแผนจะเอาไข่ต้มกลับไปด้วย
เธอเชื่อมั่นว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพยายามของมนุษย์ ตราบใดที่ทำงานหนักพอ ไข่พวกนี้ก็จะถูกขายหมดอย่างแน่นอน
เสี่ยวเถียนกลั้นใจไม่ยอมแพ้ แล้วลงมือขายอย่างจริงจัง
ถึงคนหนุ่มสาวจะไม่ค่อยอยากกินไข่ต้ม แต่อาหารบนรถไฟหลายวันมานี้ทำเอาปากไร้รสชาติไปหมด
พอได้ยินปากเล็ก ๆ พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด เขาก็รู้สึกว่าไข่ต้มก็ดูดีเช่นกัน
“สาวน้อย ไข่ต้มอร่อยจริงหรือ?” เขาอดไม่ได้ที่จะถาม
ตอนนี้เสี่ยวเถียนเกือบยอมแพ้แล้ว พอไดัฟังเธอก็เลือดพล่านทันที
“ใช่ค่ะพี่ชาย ไข่ต้มบ้านเราเป็นไข่จากท้องถิ่นแท้ ๆ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงด้วยค่ะ!” ดวงตาของเสี่ยวเถียนโค้งขึ้น
จากคำแนะนำอันหนักแน่นของเสี่ยวเถียน ชายหนุ่มซื้อไข่ต้มมาห้าฟอง
“พี่ชาย ไข่ต้มราคาถูกนะคะ ฟองละ 0.12 หยวนเอง ถ้าซื้อห้าฟองจะรวมเป็น 0.6 เหมานะคะ” เสี่ยวเถียนรีบหยิบไข่ต้มออกมาจากตะกร้าแล้วรวมเงิน
ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่รู้เรื่อง เขารู้ราคาไข่ไก่ และในมือก็มีตั๋วด้วย ฟองนึงใช้ 0.09 หยวน
แล้วไข่ต้มก็ราคา 0.12 หยวน ราคาไม่มาก ไม่เอาตั๋วด้วย เลยขายได้
เขาไม่รอช้า หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าอย่างฉับไว และนับออกมาเป็นเงิน 0.6 หยวน
“สาวน้อย เธอคิดเลขเก่งนะ? เคยเรียนหนังสือหรือ?”
เสี่ยวเถียนยิ้มหวาน “หนูกำลังเรียนอยู่ค่ะ”
เสี่ยวเถียนบอกว่ากำลังเรียนอยู่ นั่นหมายความว่าเธอเป็นนักเรียน
เห็นได้ชัดว่าคนหนุ่มสาวประหลาดใจมาก ในเขตห่างไกลเช่นนี้มีเด็กผู้ชายจำนวนมากที่เรียนและผู้หญิงส่วนใหญ่เรียนเป็นเวลาสองปี หลังจากที่พวกเขาไม่รู้หนังสือ พวกเขาก็หยุดเรียน
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่พูดจาไพเราะตรงหน้า ไม่คาดคิดว่าจะเป็นนักเรียน
“เก่งมาก ตั้งใจเรียนนะ!” เขายิ้มและให้กำลังใจเด็กหญิง “ถ้าตั้งใจเรียน อนาคตจะเป็นคนดีของสังคมนะ”
เสี่ยวเถียนรับเงินมา ก่อนจะยิ้มรับคำอวยพรแล้วเดินกลับ
ในตะกร้ายังเหลือไข่สิบกว่าฟอง เสี่ยวเถียนวางแผนจะขายให้หมดก่อนลงรถไฟ
ฉืออี้หย่วนเดินตามหลังโดยไม่พูดอะไร ในที่สุดก็อดถามไม่ได้ “เสี่ยวเถียน ทำไมเข้าใจอะไรเยอะจัง?”
เด็กหนุ่มทึ่งมาก!
เสี่ยวเถียนทำให้เขาประหลาดใจจริง ๆ
“ถ้าพูดดีมันก็จะดีเองค่ะ!” เสี่ยวเถียนพูดไม่ได้อยู่แล้วว่าเธอเคยฝึกมาจากชาติที่แล้ว
ในไม่ช้า ไข่ต้มในตะกร้าก็ขายหมดเช่นกัน
เสี่ยวเถียนโล่งใจมาก เธอเดินถือตะกร้าเปล่าด้วยความพอใจ
เพื่อลดภาระให้กับพี่ ๆ เธอเอาของมาครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งแบ่งให้พี่ ๆ
ถ้าของในตะกร้าเธอขายหมด เท่ากับว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
งดงามเหลือเกิน
เธอจับมือผู้เป็นพี่แล้ววิ่งลงจากรถไฟ
เด็กหนุ่มที่โดนมือนิ่มจับ หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไร แต่หัวใจเขาแตกหน่อแล้ว
และเสี่ยวเถียนก็ไม่รู้เลยว่า นับจากนี้หัวใจของอี้หย่วนได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ช้าลงหน่อย เดี๋ยวล้มเอานะ!” เขาเอ่ยอย่างเป็นห่วง
เสี่ยวเถียนที่ดี๊ด๊าอย่างกับนก ขมวดคิ้วมองคนข้างกาย
“พวกเรารีบไปดูพวกพี่ ๆ ดีกว่าค่ะว่าขายหมดหรือยัง ถ้าไม่หมดจะได้เอามาขายต่อ”
พวกพี่ ๆ ไม่เคยค้าขายมาก่อน เสี่ยวเถียนกังวลมากว่าพวกเขาจะขายไม่ได้ และมันคงแย่ถ้าโดนโยนใส่
ตอนเธอวิ่งลงมา ก็เห็นพี่ ๆ ล้อมคุณปู่เอาไว้
ใบหน้าของแต่ละคนมีรอยยิ้มและความตื่นเต้น
“เสี่ยวเถียน สถานการณ์ฝั่งนั่นเป็นยังไงบ้าง?” เสี่ยวซื่อตะโกนอย่างตื่นเต้น
“แล้วฝั่งพี่สี่ล่ะคะ?” เสี่ยวเถียนเห็นพี่ชายก็คิดว่ามันน่าจะดี บรรลุผลลัพธ์ขั้นต้นแล้ว
“เสี่ยวเถียน พี่สี่เก่งมาก ขายออกด้วย ขายหมดเลยนะ” เสี่ยวจิ่วมองพี่สี่ด้วยแววตาเป็นประกาย
ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลยว่าพี่สี่เก่งขนาดนี้ เขาต้องเรียนรู้จากพี่สี่เข้าไว้ จะได้เก่งเหมือนกัน
“ขายได้หรือ พวกเราก็ขายได้เหมือนกัน มีคนอยากได้เยอะเลย” พวกเสี่ยวอู่ก็ประหลาดใจเหมือนกัน
ตอนแรกกังวลว่าน่าจะเอากลับบ้านมากกว่าครึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะขายหมดในเวลาไม่กี่นาที
เสี่ยวอู่สัมผัสเงินในกระเป๋าเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“เสี่ยวเถียนเอาไปตั้งเยอะนี่นา ยังเหลืออยู่ไหม? ถ้ามีเอามาให้พี่นะ!” เสี่ยวซื่อถามน้องเล็กอย่างตื่นเต้น
เขารู้สึกเสียใจที่วันนี้เขาเอามาน้อยเกินไป ถ้าเอามาอีกหน่อยน่าจะดีกว่านี้
เสี่ยวเถียนยกตะกร้าที่ว่างเปล่าให้ดู แสดงให้เห็นว่าเธอไม่มีเหลือแล้ว
เสี่ยวซื่อเสียใจเล็กน้อย เสี่ยวเถียนเอาไปตั้งเยอะ ขายอย่างไรถึงหมดเนี่ย?
เขาชอบความรู้สึกของการขายของจริง ๆ นะ
“พี่อี้หย่วนได้ยินแล้วใช่ไหมคะ? พวกเราทำสำเร็จ ขายออกหมดเลย!”
เสี่ยวเถียนมีความสุขมาก เธอดึงแขนเสื้อของฉืออี้หย่วนแล้วยิ้ม
ฉืออี้หย่วนมองเด็กหญิงที่ยิ้มอย่างมีความสุข แววตาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
คุณย่าซูกำลังร้อนรนอยู่ที่บ้าน
ตอนนี้สภาพแวดล้อมเหมาะทำธุรกิจมาก แต่จะให้ชัดเจนไม่ได้
มีแต่เด็ก ๆ ไป ไม่รู้จะโดนล่อเป้าหรือเปล่า
ถ้าโดนจับล่ะ? ต้องเดือดร้อนแน่
ส่วนตาเฒ่าก็ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือเปล่า มีไหวพริบบ้างไหม ดูแลเด็ก ๆ ได้หรือเปล่า
คุณย่าซูอยู่บ้านคนเดียว คิดกังวลไปต่าง ๆ นานา
แต่สุดท้ายก็ไม่มีข้อสรุป
จนกระทั่งเสียงดังขึ้นที่หน้าประตู ตามมาด้วยเสียงหลาน ๆ คุณย่าซูจึงหยุดความคิดบ้า ๆ บอ ๆ
เธอรีบถามทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณย่า เราขายหมดแล้ว ขายหมดแล้วค่ะ”
อะไรนะ?
คุณย่าซูมองหลาน ๆ ด้วยสายตาไม่เชื่อ ราวกับอยากจะดูว่าพวกเขาโกหกหรือเปล่า
“จริงหรือ?”
“จริงสิย่า ทำไมต้องโกหกด้วย?”
คุณย่าซูงงงวย ทำธุรกิจมันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
เด็กที่ไม่เคยขายของมาก่อนจะขายได้เชียวหรือ?
ยิ่งคุณย่าซูคิดเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนคาดเดาถูก
“เสี่ยวเถียน พวกหลานไม่ขาดทุนใช่ไหม?”
เสี่ยวเถียนงง ย่าคิดอะไรอยู่เนี่ย?
ออกไปขายของนะ จะขาดทุนได้อย่างไร?
“ไม่สิคะ ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราทำเงินได้”
เสี่ยวเถียนจับมือหญิงชราแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ก่อนหยิบเงินปึกหนาออกมาจากกระเป๋าของเธอ
เสี่ยวอู่และคนอื่น ๆ ก็ง่วนกับการเอาเงินออกมาเหมือนกัน และในไม่ช้าก็ควักเงินก้อนโตออกมา
คุณย่าซูมองกองเงินบนโต๊ะ เธอกะพริบตาซ้ำ ๆ คิดว่ามองผิด
ถึงหน่วยเงินใหญ่สุดจะเป็นเงินหยวน ธนบัตรเงินเหมาก็เยอะสุด และไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ ด้วย
“ทำไมเยอะจังล่ะ?” หญิงชราไม่อยากจะเชื่อ