เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 306 ความวุ่นวายบนรถไฟ
บทที่ 306 ความวุ่นวายบนรถไฟ
บทที่ 306 ความวุ่นวายบนรถไฟ
“ไม่เคยเห็นพวกไร้ความสุภาพบุรษมาก่อนเลย เห็นผู้หญิงแท้ ๆ กลับไม่รู้จักดูแล ยืนบื้ออะไรอยู่? รอรับรางวัลหรือไง? ออกจากบ้านไม่เคยเจอคนดีหรอก เจอแต่คนเลือดเย็นแบบพวกแกเนี่ย!”
ตอนหญิงวัยกลางคนสบถด่า เธอไม่ยั้งปากสักนิด ไม่รู้ว่ากลัวพวกฉือเก๋อทำอะไรตนขึ้นมาจริง ๆ หรือเปล่า
และการด่าทำให้พวกเขาตกใจมาก
ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดด้วยซ้ำ แล้วทำไมจะต้องมาโดนด่าแบบนี้ด้วย?
ตอนนั้นเองที่คนรอบ ๆ เริ่มมองมาทางพวกเสี่ยวเถียน และชี้ไปที่พวกเขา
ฉือเก๋อให้ความสำคัญกับหน้าตามาก ๆ เขาไม่เคยประสบเหตุการณ์หน้าอายเช่นนี้มาก่อน
เขาอยากจะจัดการเรื่องนี้ให้ไว้ที่สุด
ตอนนั้นเอง เด็กที่หญิงวัยกลางคนจูงมาปีนขึ้นเตียงและคิดจะล้มตัวลงนอน
“ย่า พวกเรานอนที่นี่ได้หรือ?” เด็กถาม
“ได้สิจ๊ะ หลานย่าลำบากลำบนมา แต่โชคดีที่ย่าหาที่นอนให้หลานได้ สบายใจแล้วนะ!”
หญิงชราปฏิบัติต่อหลานชายของเธออย่างดี แม้กระทั่งลูบหัวด้วยความรักด้วย
“ช่วยลุกด้วยค่ะ นี่ที่นั่งเรานะ!” เสี่ยวเถียนมองเด็กคนนั้นด้วยความขยะแขยง เพราะเขาปีนขึ้นเตียงไปโดยไม่แม้แต่จะถอดรองเท้าด้วยซ้ำ
“สหาย ถ้าคุณอยากนั่งตั๋วนอนซื้อตั๋วเองดีไหม?!”
ฉือเก๋อเป็นคนมีการศึกษา เขาใช้เสียงที่เต็มไปด้วยความสุภาพ
แต่ถ้าเป็นคนมีการศึกษาทั้งสองพบกัน ไม่ว่าอะไรก็พูดง่าย
แต่ถ้าเจอทหารก็มักมีเหตุผลที่อธิบายได้ยาก
ซึ่งฉือเก๋อเจอแล้ว
“ทำไมคุณเป็นแบบนี้ล่ะ? เป็นผู้ชายไม่คิดห่วงผู้หญิงบ้างหรือ? ยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม? อีกอย่างนะ แม่ฉันแก่กว่าคุณอีก ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่หน่อยหรือไง?”
อายุของฉือเก๋อไม่ได้น้อย ตอนอยู่หงซินก็มีหน้าที่ต้องทำ แค่เห็นก็รู้แล้ว่าฉือเก๋อแก่กว่าหญิงชราคนนี้อีก
แต่อีกฝ่ายกลับพูดได้ไม่อายปาก
“เคารพผู้หลักผู้ใหญ่?” เสี่ยวเถียนร้องเหอะแล้วพึมพำ
“แค่ออกมาก็ยากลำบากแล้ว ทำไมไม่รู้จักช่วยสักหน่อย? มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมบ้างไหม?” หญิงวัยกลางคนพูดพล่าม “แม่ฉันแก่แล้ว สละให้สักที่นึงจะเป็นไรไป? หรือรังเกียจพวกคนจนแบบเรา?”
ไร้เหตุผลเหลือเกิน เสี่ยวเถียนแทบจะตบหน้าผากด้วยความปวดหัว
นี่คือตัวอย่างของคนไร้เหตุผล ฉันเป็นคนอ่อนแอและฉันภาคภูมิใจกับมันมาก!
ออกมาดี ๆ ทำไมต้องเจอคนแบบนี้ด้วย?
สันดานคนเดี๋ยวนี้มันเสื่อมทรามขนาดนี้แล้วหรือ?
จู่ ๆ เธอก็ฉุกคิดได้ว่า ทำไมสองคนนี้ต้องเอาที่นอนชั้นล่างไปด้วย อีกที่ก็มีแท้ ๆ
เธอคิดในใจ ทำให้สายตาเหลือบมองไปโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มร่างสูงนั่งอยู่อีกเตียงข้าง ๆ และมองฉากนี้ด้วยใบหน้าเย็นเฉียบ
สีหน้าอีกฝ่ายเคร็งขรึมกว่าอาเขยอีก ไม่น่าโดนยั่วโมโหได้ง่าย ๆ ไม่แปลกใจเลยที่สองคนนี้ไม่กล้าไปแย่งเตียงเขา
แล้วก็นั่งมองพวกเราที่มีแต่คนแก่กับเด็ก คงจะคาดการณ์ว่าพวกเราโดนรังแกง่ายสินะ!
เสี่ยวเถียนคลี่ยิ้มเย็น
รังแกง่ายใช่ไหม? งั้นก็มารอดูกันสิ?
“แม่เฒ่ารบกวนลุกด้วยค่ะ พวกเราจะพักผ่อนแล้ว!” เสี่ยวเถียนกล่าวกับคนที่นั่งบนเตียงด้วยใบหน้าเย็นชา
หญิงชราร้องเหอะ ไม่สนใจเด็กอย่างเสี่ยวเถียนด้วยซ้ำ
“ก็อย่างที่ฉันบอกไปตอนแรก ถ้ามันเป็นที่ของพวกเธอก็เรียกมันซะสิ ถ้ามันตอบ ฉันจะได้ยอมรับว่ามันคือที่ของพวกเธอ!”
เสี่ยวเถียนหัวเราะด้วยความโกรธ มันมีคนหน้าด้านขนาดนี้ด้วยหรือ?
ขโมยที่นั่งคนอื่น แล้วยังพูดจาหน้าไม่อายแบบนี้อีกหรือ?
“สหายท่านนี้ คุณจะทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้ไม่ได้นะ ที่นั่งมันจะไปพูดได้ยังไง?” เสี่ยวซื่อพูดอย่างอดทน
เขาใช้ชีวิตอยู่หงซินและได้ร่ำเรียนในอำเภอ คนที่รู้จักไร้เดียงสากันมาก และเขาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย
หญิงชราจ้องเสี่ยวซื่อ แล้วเอ่ย “เด็กที่ขนยังไม่ขึ้นแบบแกพูดจะอะไร? พูดอะไร? ทำไมฉันจะไม่มีเหตุ? ไม่รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เลยหรือไง? แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นพวกเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก*[1]! ทำไมพระเจ้าไม่ปล่อยสายฟ้าฟาดลงมาฆ่าให้พวกแกตายซะล่ะ?”
ไร้เหตุผลขนาดนี้ ยังอ้าปากด่าปาว ๆ ได้อีกหรือ?
เสี่ยวซื่อลูบหัวที่ปวดตุบ ๆ ของตัวเอง แล้วมองน้องเล็ก
ความหมายชัดเจนคือ พี่ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้เลยมองน้องแทน
เสี่ยวเถียนกลอกตา
ผู้หญิงสองคนนี้ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว คาดว่าใช้เพียงคำพูดสู้กันคงไม่ได้ผล
“งั้นหนูจะถามอีกครั้ง พวกคุณจะลุกให้ไหม?” เสี่ยวเถียนถามเสียงเย็นเยือก
หญิงชรายิ้มอย่างมีชัย
เธอไม่เชื่อว่าชายชราหนึ่งคนกับเด็กอีกสามคนจะจัดการเธอได้
ถ้าพวกเขากล้าลงมือกับเธอ เธอจะตะโกนว่าอนาจารทันที
ส่วนสาวน้อยคนนี้คงเหมือนจะรับมือไม่ยากสินะ
เป็นแค่เด็กหญิงอ่อนแอ จะไปทำอะไรได้? เธอมีนิสัยรั้นมาทั้งชีวิตแล้ว จะไปกลัวอะไรกับอีแค่เด็กหญิงคนเดียว?
เสี่ยวเถียนเห็นหญิงชราไม่มีความตั้งใจจะหลีกทาง จึงไม่คิดตอแยต่อ
ไปยุ่งกับคนแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอก
เพราะงั้นเธอจึงหมุนตัวกลับไป
“เสี่ยวเถียน จะไปไหนน่ะ?”
เสี่ยวซื่อและอี้หย่วนตะโกนพร้อมกัน
ทำไมเลิกเถียงกับคนอื่นกลางคันแบบนี้?
ทั้งคู่ไม่เข้าใจ
“หนูจะไปหาเจ้าหน้าที่รถไฟ!” เสี่ยวเถียนพูดเสียงเย็น
หญิงชราได้ยินสิ่งที่เธอพูด แต่ไม่ใส่ใจ
ไปหาเจ้าหน้าที่แล้วทำไม?
ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาทำให้เธอได้ผลออกมาเป็นประสบการณ์ว่า ถ้าเราไร้ยางอาย คนอื่นก็จะไร้ยางอายเช่นกัน
และที่นั่งตรงนี้ เธอต้องการมัน
ก่อนหน้านี้เธอเคยต้องทนทุกข์บนรถไฟมาแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน เธอแก่แล้วเธอยอมได้ แต่หลานชายยอมไม่ได้
หาตั๋วนอนได้มามันไม่ง่ายเลยนะ จะปล่อยไปไม่ได้นะ
เหอะ ไอ้คนที่ซื้อได้มันต้องรวยแน่ ๆ ก็ให้พวกมันซื้อใหม่ไปสิ!
ฉือเก๋อกับเสี่ยวซื่อยืนมองหญิงชราอวดเบ่ง ส่วนอี้หย่วนไปหาเจ้าหน้าที่กับเสี่ยวเถียน
“ผู้เฒ่า คุณไปหาที่อื่นไป ตรงนี้เป็นที่ของฉัน” หญิงชราไม่ลืมที่จะอวดอย่างภาคภูมิใจ
ฉือเก๋อพูดไม่ออก!
ในไม่ช้าเด็กสองคนก็กลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่หนุ่มซึ่งเดินตามหลังมา
“คุณเจ้าหน้าที่ นี่คือที่ของเรา แต่สหายท่านนี้ไม่ยอมลุกให้!” เสี่ยวเถียนกล่าวอย่างอดทน
เจ้าหน้าที่มองหญิงชราตรงหน้า อยู่บนรถไฟมาหลายปี ทำไมจะไม่เคยเจอคนแบบนี้ล่ะ?
เหมือนเธอคนนี้แหละ เขาพบเจอมาเยอะมากแล้ว
*[1] ผู้ใหญ่ระดับบนประพฤติมิชอบ ผู้น้อยระดับล่างก็จะเลียนแบบในทางเสีย