เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 311 หัวขโมยกลางดึก
บทที่ 311 หัวขโมยกลางดึก
บทที่ 311 หัวขโมยกลางดึก
พอรายได้ที่เพิ่มขึ้น เสี่ยวเถียนก็ไม่ได้มอบทั้งหมดให้คุณย่า เพราะกลัวว่าเธอจะเกิดความสงสัย เลยเอาแค่ส่วนน้อยให้เท่านั้น ส่วนที่เหลือเก็บเอาไว้
ช่วงนี้นอกจากที่เอาเงินกับตั๋วให้ย่าแล้ว เสี่ยวเถียนออมเงินไว้ด้วย
ถ้ารวมกับห้าหยวนในวันนี้ เสี่ยวเถียนมีเงินหนึ่งร้อยแปดสิบห้าหยวน ตอนลงรถ เธอคิดว่าจะได้ถึงสองร้อยหยวนแน่นอน
อย่าดูถูกเงินสองร้อยหยวนนะ ถึงจะซื้อที่ดินไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็มีเงินจำนวนหนึ่งแล้ว
และเงินที่รวมได้ก่อนหน้านี้เป็นงินเดือนห้าเดือนของพวกพี่ใหญ่และพี่สี่กับพี่ห้า
ส่วนเสี่ยวเถียนใช้เวลาเดือนกว่า ๆ ในการหาเงิน
เมื่อคิดถึงวิธีหาเงิน รู้ตัวอีกทีก็เผลอหลับไปเสียแล้ว
ในช่วงกึ่งกลับกึ่งตื่น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติที่เกิดขึ้นรอบตัว เสี่ยวเถียนลืมตาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เห็นเงาร่างสีดำสองคนกำลังพลิกกระเป๋าเดินทางของพวกเขา
หัวขโมยงั้นหรือ?
เสี่ยวเถียนตัดสินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้ผลีผลาม แต่กำลังตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวอยู่ นอกจากคนสองคนที่กระทำบางอย่างอยู่ คนอื่นต่างก็หลับสนิท
รวมถึงฮั่วซิวเฉิงด้วย เขาหายใจสม่ำเสมอ นอนหลับสบายอย่างเห็นได้ชัด
ซูเสี่ยวเถียนตัดสินทักษะของสองคนนี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าถือมีดสั้นหรืออาวุธอื่น ๆ หรือเปล่า
เธอกลัวว่าถ้าแหวกหญ้าเดี๋ยวงูสองตัวนี้จะตื่น
แต่สองคนนี้เอามือมาคลำที่เตียงเธอแล้ว
ตอนที่นอน เสี่ยวเถียนเอาสัมภาระทั้งหมดวางไว้เหนือหัว
“ลูกพี่ นี่มันเด็กผู้หญิงนี่!” เสี่ยวเถียนกลั้นหายใจตอนได้ยินหนึ่งในนั้นพูด
“แกคิดจะทำอะไร?”
อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ผมแค่คิดว่าถ้าเราพาเด็กคนนี้ไปด้วย อาจจะเรียกค่าไถได้นะ!”
“แต่พาเด็กตัวใหญ่ขนาดนี้ไปมันลำบาก อาจจะโดนฟ้องก็ได้นะ ช่างเถอะ มาทำงานของเราดีกว่า”
มีสมาธิกับการทำงานจนเสี่ยวเถียนพูดไม่ออก
ขโมยของนี่มันตั้งใจได้ด้วยหรือ?
“แต่คนพวกนี้ผมว่าน่าจะได้เงินน้อยนะ แต่เด็กคนนี้น่าจะมีราคาหน่อย” ชายคนนั้นยังยืนกรานและคิดจะพาเสี่ยวเถียนไป
เสี่ยวเถียนคิดว่าอีกฝ่ายต้องใช้ผ้าปิดปากเธอแน่ ๆ
ด้วยความตื่นตระหนก เสี่ยวเถียนจึงตัดสินใจลงมือ
ก่อนที่ผ้าจะปิดถึงจมูก เธอเอื้อมมือไปข้างหลังคว้าแขนที่ยืนออกมาเอาไว้
เสี่ยวเถียนมีพละกำลังสูง ภายใต้การสอนของเฉินจื่ออัน เธอรู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อบีบศัตรูให้อยู่หมัด
และตอนนี้เธอเพิ่งจะทำสิ่งนั้น
ซึ่งคนที่โดนจับเป็นชายคนหนึ่ง และไม่สามารถดิ้นหลุดจากการจับกุมของเสี่ยวเถียนได้
“นังเด็กนี่ ปล่อยฉันเดียวนี้นะ คงไม่คิดว่าฉันจะฆ่าแกใช่ไหม!”
คนที่ถูกจับไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายเลย แต่เป็นฝ่ายขู่เธอแทน
เสี่ยวเถียนไม่คิดเลยว่าจะมีขโมยที่อาละวาดแบบนี้เหมือนกัน แต่พอคิดถึงเรื่องสองแม่ลูกสะใภ้คู่นั้นก่อนหน้าก็ไม่แปลกใจ
“จริงหรือ? หนูอยากเห็นจังว่าคุณมีความสามารถในการฆ่าหรือเปล่า!” เสี่ยวเถียนมีท่าทางนิ่งสงบ
ชายคนนั้นไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะจับเขาไว้แน่นขนาดนี้ เพราะเธอยังเด็กแต่กลับไม่กลัวเลย
“ลูกพี่ มาช่วยผมเร็ว!” ในที่สุดเขาก็กัดฟันพูดออกมา
คนที่คิดจะหนีได้ยินประโยคนี้ แม้ว่าเขาจะไม่พอใจที่เพื่อนไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อม แต่เขาก็รีบเข้าไปช่วยทันที
พอเห็นอีกคนเข้ามา เสี่ยวเถียนรู้ว่าจัดการไม่ได้แน่นอนเพราะเธอทำคนเดียวไม่ได้
แล้วถ้าคนนี้ถือมีดหรืออะไรก็ตาม เธอจะกลายเป็นปลาบนเขียง
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะกล้าหาญแล้ว
ซูเสี่ยวเถียนตัดสินแทบจะในทันที!
“มีหัวขโมย!” เธอตะโกสุดเสียง
คนในนอนอยู่ในตู้นอนตื่นขึ้นเพราะเสียงร้องตะโกนของเด็กหญิง
หัวขโมยทั้งสองร้อนรน คนที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ไม่ได้สนใจสหายของตนและหมายจะหนีไปทันที
“พี่ใหญ่ ช่วยผมด้วย!”
พอคนที่โดนเสี่ยวเถียนจับรู้ว่าเพื่อนคิดจะหนี เขาก็ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับทุกอย่างเพียงลำพัง
เขาพยายามจะออกจากเกาะกุมของเสี่ยวเถียน หากแต่มันไร้ซึ่งหนทาง
กรงเล็บของเด็กหญิงเหมือนคีมเหล็กที่ยึดไว้
เขายังสงสัยอยู่ครู่หนึ่งเลยว่าคนตรงหน้าใช่เด็กหญิงจริงหรือเปล่า?
“เหล่าล่า ไม่ได้กินข้าวหรือไง ใช้แรงหน่อย!”
“ผมใช้แรงทั้งหมดแล้ว!” ชายที่โดนจับแขนแทบจะร้องไห้เข้าไปทุกที
“ฉันไม่สนหรอกว่าแกจะคร่ำครวญอะไร แต่เธอทำให้คนอื่นตื่นแล้ว เราจะจบแล้ว!”
“พี่ใหญ่ มือเด็กคนนี้แข็งแรงมาก ผมเอาออกไม่ได้ รีบมาแยกมือผมออกเร็ว”
หัวขโมยคนนั้นไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนเดียวจะแข็งแรงขนาดนี้ เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีแล้ว แต่ดึงแขนออกไม่ได้
หายนะมาถึงก็ตัวใครตัวมัน ประโยคนี้ท่าจะจริง
ชายผู้ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่กลัวคนอื่นจะตื่นและจะโดนจับ จึงรีบจากไปด้วยความรวดเร็ว
ตอนนั้นเองที่ฮั่วซิวเฉิงผุดตัวลุกขึ้นจากเตียง
เขาเห็นสองคนนี้แล้ว ฮั่วซิวเฉิงก็จัดการโดยไม่รู้ตัว
ต้องบอกว่าทักษะของฮั่วซิวเฉิงนั้นยอดเยี่ยมเลย ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ปราบได้หนึ่งคน
“ซูเสี่ยวเถียน ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ในขณะที่ฮั่วซิวเฉิงจับอีกคนอยู่ เขาไม่ลืมถามสถานการณ์ฝั่งเสี่ยวเถียนด้วย
“หนูอยู่บนเตียงค่ะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่คนนี้จะหนีหนูเลยจับไว้” เสี่ยวเถียนรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าฮั่วซิวเฉิงตื่นขึ้นแล้ว
ชัดเลยว่าสองคนนี้เป็นหัวขโมยจริง ๆ แต่พวกเขาไม่ได้เอาอาวุธอะไรมาเลย
ตอนนั้นเอง ฉืออี้หย่วนและเสี่ยวซื่อก็ตื่นขึ้นมาเหมือนกัน เด็กหนุ่มทั้งสองพลิกตัวอย่างรวดเร็ว และช่วยเสี่ยวเถียนจับหัวขโมยเอาไว้
เด็กหญิงโดดลงจากเตียง
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตื่นขึ้นเพราะเสียงเอะอะโวยวาย แต่พวกเขาไม่คิดว่าตอนมาถึงจะเห็นเสี่ยวเถียนจับหัวขโมยได้จริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงคนร้องครวญคราง
“ไอ้สารเลวนั่นมันขโมยเงินของฉันไป!”
“ไอ๊หย่า ฉันหาตั๋วธัญพืชของฉันไม่เจอ มันคือส่วนแบ่งสำหรับสองเดือนของฉันเลยนะ!”
“ของฉันก็หายเหมือนกัน”
คนบนรถไฟตะโกนขึ้น แต่ก็มีบางคนไม่ดูข้าวของตัวเองก่อน เพราะรีบเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
มีคนเอาไฟฉายมาด้วยตอนขึ้นรถไฟ รถที่มืดสนิทเลยสว่างขึ้น
คนในตู้โดยสารต่างช่วยเหลือกันและกัน ก่อนโจรทั้งสอนจะโดนมัดอย่างรวดเร็วเหมือนบ๊ะจ่าง แล้วโยนลงพื้น
ทุกคนร่วมกันลงมือ คนพวกนั้นได้เงินกับตั๋วไปไม่น้อยเลย มีของมีค่าด้วย
“นี่มันนาฬิกาของฉันนี่!”
“อันนี้ปากกาของฉัน!”
“นี่มันเงินของฉัน!”
ทันใดนั้นก็มีคนคิดจะเอาของกลับคืนไป
แต่ฮั่วซิวเฉิงหยุดเอาไว้
คนรอบข้างหาของของตัวเองด้วยความยากลำบาก พอโดนคนขวางไว้ก็หยิบไม่ถึง
“สหาย ถึงคุณจะช่วยจับขโมย แต่จะเอาของไปเองไม่ได้นะ”
“ใช่แล้ว ถ้าเอาไปแล้ว คุณกับหัวขโมยจะไปต่างอะไรกันล่ะ?”