เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 318 ทำอย่างไรดี
บทที่ 318 ทำอย่างไรดี
บทที่ 318 ทำอย่างไรดี
สองสามีภรรยาตู้มองเสี่ยวเถียนด้วยสายตาไม่เชื่อเท่าไรนัก
ก่อนหน้านั้น สาวน้อยคนนี้ก็ฝึกต่อสู้เหมือนกัน แต่ทักษะของเธอไม่ได้ดีขนาดนี้
แต่ถ้ามีทักษะการต่อสู้สูงก็นับเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน
พวกเด็กผู้หญิงหรือเด็กที่โตมามีรูปร่างหน้าตาดีก็จะได้ไม่ต้องโดนเอาเปรียบ
แต่จิตใจของปู่ย่ากังวลอยู่เสมอว่าหลานสาวตัวน้อยจะทนทุกข์ทรมาน
พอหม่าซ่านฟางรู้ว่าโดนบีบจนขยับไม่ได้ เธอก็คิดได้ว่าสายเกินไปที่จะหนีแล้ว
เธอเคยชินกับเผด็จการอยู่ตลอด และไม่คิดจะชายตามองเด็กอย่างเสี่ยวเถียนเลย
แต่เด็กที่เธอไม่คิดจะสนใจกลับบีบแขนเธอได้ด้วยมือข้างเดียว หม่าซ่านฟางพยายามดิ้นรนสุดชีวิต และคิดจะโต้ตอบกลับไปอีกรอบ
เธอคิดว่าตนเองประเมินศัตรูต่ำไปจริง ๆ
“คุณอย่าดิ้นจะดีกว่านะ ถ้าเกิดไม่ระวังแขนหักขึ้นมา หนูชดใช้ไม่ได้จริง ๆ นะ!”
เสี่ยวเถียนยิ้มกว้าง แต่สิ่งที่เธอพูดน่ารำคาญเหลือเกิน
“เพราะคุณอายุเยอะแล้ว กระดูกกระเดี้ยวไม่แข็งเท่าวัยหนุ่มสาวหรอกนะคะ”
หม่าซ่านฟางแทบกระอักเลือด เดิมทีเธอไม่เคยเชื่ออะไรสุ่มสี่สุ่มห้าเลย
เพราะทั้งชีวิตทำตัวยโสโอหังมาตลอด ไม่เคยโดนเด็กหญิงบีบแขนจนทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวเลย
ขยับไม่ได้ก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะปากเธอยังขยับได้อยู่
เดิมทีหม่าซ่านฟางเป็นคุณนายจากตระกูลมั่งคั่ง แต่เธอเชี่ยวชาญในเรื่องพ่นคำผรุสวาท เป็นพวกแม่ค้าปากตลาดมาหลายปี
และคำพูดคำจาที่ว่าใส่เสี่ยวเถียนก็ไร้มารยาทมาก
เสี่ยวเถียนเหวี่ยงมืออีกข้างไปตบปากหม่าซ่านฟาง
“ปากคุณไม่ค่อยสะอาดเลย เดี๋ยวหนูช่วยล้างให้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก!”
หม่าซ่านฟางอยากจะด่า แต่พอเห็นมือขาวราวกับหยกของเสี่ยวเถียนกำลังจะขยับอีกครั้ง เธอก็ชะงักไปทันที
นังเด็กสารเลวคนนี้ ด่าไม่ได้ก็คงต้องลงไม้ลงมือเสียแล้ว
แต่เธออึดอัด สุดท้ายก็เลือกด่าคนที่ไม่รู้จักขัดขืนแทน
“ตู้เทียนเหอ แกไม่ใช่สามีฉันหรือไง นี่คิดจะดูคนอื่นรังแกเมียตัวเองเนี่ยนะ? ทำไมฉันโชคร้ายขนาดนี้ ทำไมต้องแต่งงานกับสามีไร้ค่าแบบแกด้วย…”
ตู้เทียนเหอโดนภรรยาด่าเสียแล้ว ยิ่งโดนต่อหน้าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้แล้ว สีหน้าเขาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวแดง
ถ้าเราเป็นผู้ชายก็ไม่อยากโดนด่าว่าไร้ค่าหรอก ยิ่งโดนภรรยาด่าด้วยแล้ว ต้องพบเจอกับความลำบากใจมากแค่ไหนลองคิดดูก็แล้วกัน
ตู้เทียนเหออยากจะตอกกลับ แต่เขาขี้ขลาดมาครึ่งค่อนชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับหม่าซ่านฟาง เขาขี้ขลาดมากถึงขนาดสู้ไม่ได้ด่าไม่ออกด้วยซ้ำ
เขามองเสี่ยวเถียน แต่อีกฝ่ายเป็นเด็กหญิงวัยสิบขวบกว่า ๆ และเป็นหลานสาวของพี่ชายเขาด้วย
ในฐานะผู้อาวุโส เขาทำอะไรกับเด็กคนนี้ได้บ้าง?
แน่นอนว่าที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ต่อให้เขาเดินออกไป แต่จะสู้เสี่ยวเถียนได้หรือ?
แม้แต่หม่าซ่านฟางยังเอาชนะไม่ได้เลย
และหม่าซ่านฟางก็ยังเอาชนะเสี่ยวเถียนไม่ได้
ถ้าเขาพุ่งออกไปโดยไม่ระวังตัว แล้วโดนเด็กคนนี้ถีบใส่โดยไม่ไว้หน้าขึ้นมาจะทำอย่างไร?
ตู้เทียนเหอเกิดความรู้สึกลังเล ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ในขณะเดียวกัน เด็กบ้านซูก็จ้องมองที่ตู้เทียนเหอด้วยสายตาเฉียบคม
ท่าทางแบบนั้น หากตู้เทียนเหอลงมือแม้แต่นิดเดียว เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทใหญ่โตแน่นอน
เห็นคู่ของตู้เทียนเหอแล้วรำคาญจริง ๆ!
ถึงจะเป็นน้องชายของคุณปู่ตู้ แต่กลับรู้สึกไม่ชอบใจเลย
ฮั่วซิวเฉิงยืนดูเรื่องชาวบ้านเพราะกลัวว่ามันไม่บานปลาย*[1] ทั้งยังไม่ลืมพูดจาเหน็บแนมไปอีก
“เสี่ยวเถียน ทักษะดีมากเลยนะ ฉันชอบมาก! กลับไปต้องไปฝึกกันหน่อยแล้ว ดีไหม?”
ประโยคนี้ทำให้ตู้เทียนเหอหาเหตุผลเจอ
เขาไม่กล้าทำอะไรกับเสี่ยวเถียนเลย และก็ไม่ได้กดดันฝั่งพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เหมือนกัน
ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต พี่ใหญ่คนนี้พ่ายแพ้ให้กับเขามาโดยตลอด
เขามองไปที่ตู้ถงเหอและอวี่รุ่ยหยวนด้วยสายตาขุ่นเคือง
ทำไมสองคนนี้ถึงไม่ตาย ๆ ไปสักที?
ถ้าตายไปตั้งแต่ตอนอยู่ที่นั่น ทรัพย์สินพวกนี้ก็จะตกเป็นของครอบครัวเรา แล้วทำไมกลับเป็นเราแทนที่ต้องคับแค้นใจล่ะ
บางคนก็เป็นเสียอย่างนี้ ไม่คิดว่าเป็นความผิดตนเอง พอไปไม่ถึงเป้าหมายก็เลยกลายเป็นความผิดของคนอื่น
“ยังไงพวกเราก็เป็นคนจากตระกูลตู้นะ แต่พวกคุณกลับยืนดูเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มารังแกภรรยาของผมเนี่ยนะ?”
ตู้เทียนเหอพูดจาไม่ได้มีความสุภาพเลยสักนิด และไม่แม้แต่จะเรียกว่าพี่ใหญ่พี่สะใภ้ด้วยซ้ำ
ฮัวซิ่วเฉิงยืนมองอยู่ข้าง ๆ อดทำเสียงจุ๊ ๆ ไม่ได้ “ถ้าไม่บอกว่าคุณกำลังคุยกับพี่ใหญ่ ก็คิดว่าคุณกำลังคุยกับศัตรูนะเนี่ย?”
“ใช่ครับ แววตาเหมือนอยากจะกินคนเข้าไปแบบนั้นเลย พี่ใหญ่ผมกลัวจัง!” ซื่อเลี่ยงทำท่าทางหวาดกลัว
โส่วเวินพูดไม่ออก เด็กคนนี้มันเป็นน้องชายของเขาจริงหรือ?
เอาเถอะ อย่างไรก็น้องชายของเขาอยู่ดี!
ซูซานกงหันหน้าหนี ไม่อยากยอมรับว่ามีพี่รองเป็นคนแบบนี้
ตู้เทียนเหอยิ่งรู้สึกหงุดหงิดพอโดนบีบคั้น
“แต่นี่มันตระกูลตู้นะ ส่วนพวกเธอเป็นคนนอก จะมารังแกฉันได้ยังไง?” ตู้เทียนเหอหน้าแดงก่ำ
อวี่รุ่ยหยวนไม่ชอบน้องสามีคนนี้เลย
ปีนั้นที่เธอแต่งเข้าบ้านก็โดนน้องสามีกับแม่ของอีกฝ่ายบีบคั้น ทำให้เธอรู้สึกคับแค้นใจไม่น้อย
นึกย้อนไปวันวานเหล่านั้นก็ยากที่จะปล่อยวาง
และต่อมาก็แย่งทรัพย์สมบัติทำให้เกิดการทะเลาะกันหลายครั้ง ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับลูกชายเธอด้วย
มีชีวิตแบบนี้ไปจนแก่ตายแน่ เพราะงั้นทั้งสองบ้านก็เลยแยกกันอยู่ถึงได้ดีขึ้นมาหน่อย
พ่อสามีรักสะใภ้รองมาก ยิ่งลูกจากภรรยาคนนี้ก็ยิ่งรัก ตอนที่เราแยกบ้านกัน ทรัพย์สินที่ได้มาก็แค่ครึ่งหนึ่งของคนบ้านรองเอง
น่าเสียดายที่พ่อเฒ่าตามืดบอด สุดท้ายก็มองไม่เห็นเลยว่าลูกชายที่รักมาครึ่งค่อนชีวิตเป็นคนไร้ค่า
คนไร้ค่าก็ยังเป็นคนไร้ค่า ใช้เวลาไม่กี่ปี ทรัพย์สินของครอบครัวก็ถูกล้างผลาญไปจนหมดเกลี้ยง
ตรงกันข้ามกับบ้านใหญ่เลย ถึงจะได้น้อย แต่ก็มีการจัดการอย่างเหมาะสม ใช้เวลาไม่กี่ปีมันก็เพิ่มขึ้น
ครอบครัวของตู้เทียนเหอมีแรงจูงใจซ่อนเร้น และแม้แต่ทรัพย์สินของพวกเราก็ยังสนใจ ทั้งยังก่อเรื่องไว้มากมาย
“แต่นี่คือบ้านของฉัน คนพวกนี้ก็คนของฉันและแขกของฉัน แต่พวกแกเป็นคนที่ไม่ได้รับเชิญแถมยังทำให้คนเขารังเกียจอีก” อวี่รุ่ยหยวนพูดเสียงเรียบ
“แต่นังเด็กป่าเถื่อนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามันชักจะเหิมเกริมมากเกินไปแล้วนะ!” เส้นเลือดในดวงตาของตู้เทียนเหอแตกเป็นฝอย
เขาถือเอาทรัพย์สินบ้านใหญ่ตระกูลตู้มาเป็นของตัวเองตั้งนานแล้ว แต่ใครใช้ให้พี่ใหญ่ไร้ประโยชน์ล่ะ แถมยังมีลูกชายแค่คนเดียวแล้วยังตายไวอีก?
ทรัพย์สินอันมหาศาลของตระกูลตู้ควรจะตกเป็นของเขา!
เพราะเขาปลูกฝังความคิดไว้ให้ลูกหลานของตนไว้เยอะเลย
“นี่เป็นหลานสาวของฉัน ไม่ใช่เด็กป่าเถื่อนไม่รู้หัวนอนปลายเท้า!”
ตู้ถงเหอเป็นคนที่อ่อนโยน แต่พอได้ยินน้องชายพูดแบบนั้นใส่ เสี่ยวเถียนก็อดโกรธไม่ได้
“ไอ้แก่ตายยากคู่นี้ยังไม่ให้เด็กป่าเถื่อนปล่อยย่าของฉันอีกหรือ?”
“ปู่บอกว่าถ้าพวกแกรู้ความสักหน่อยจะให้ข้าวกินถ้วยนึง ถ้าไม่รู้ก็ปล่อยให้อดตายไปเลย ทรัพย์สินทั้งหมดนี้จะได้เป็นของเรา!”
ตู้เทียนเหอได้ยินหลานชายทั้งสองพูดโดยไม่คาดคิด
ถ้าพูดที่บ้านก็ว่าไปอย่าง แต่ออกมาพูดข้างนอกแบบนี้ได้อย่างไร?
“ไอ้เด็กเวร พูดอะไรกัน?” เขารีบดุหลานชายทั้งสองทันที
หม่าซ่านฟางก็รีบตะโกนใส่หลานชายเหมือนกัน แต่ปากของเธอบวมเป่งเพราะโดนเสี่ยวเถียนตบ คำที่เอ่ยออกมาเลยสั่นเครือได้ยินไม่ชัด
แน่นอนว่าอวี่รุ่ยหยวนได้ยินมันทั้งหมด เธอโกรธจนรู้สึกแย่มาก
*[1] ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่ใช่แค่ดูเพื่อความบันเทิง แต่ยังใส่ไฟให้เรื่องราวมันยุ่งยากขึ้นไปอีก