เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 363 เรียนกับอาจารย์ฉือเก๋อหรือ
บทที่ 363 เรียนกับอาจารย์ฉือเก๋อหรือ?
บทที่ 363 เรียนกับอาจารย์ฉือเก๋อหรือ?
“น้องสาวแกจะเป็นยังไงมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน!” โจวหรุ่ยซูหน้าแดงก่ำจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
ท่าทางที่แสดงออกมาเหมือนตนได้รับความคับแค้นใจทุกอย่าง ใครมันจะไปคิดว่าอีกฝ่ายคือผู้กระทำผิดล่ะ?
เสี่ยวปาอยากจะหัวเราะเหลือเกิน ป่าใหญ่ขนาดนี้ นกพันธุ์ไหนก็มีจริง ๆ!*[1]
โตมาไร้มารยาทจริง ๆ ถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?
โจวหยวนเห็นลูกสาวทนทุกข์ก็ไม่คิดสนใจเรื่องอื่น
“ครูใหญ่กู้ คุณแน่ใจหรือว่าจะทำให้ผมขุ่นเคืองเพราะคนบ้านนอกพวกนี้?” ใบหน้าของเขาเย็นชา แถมท่าทางก็เหมือนอยากจะฉีกหน้าครูใหญ่ออกเป็นชิ้น ๆ
“ผมมีหน้าที่แค่รับผิดชอบเด็ก ๆ และโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นครับ!” ครูใหญ่กู้กล่าวอย่างหนักแน่น
ในใจเขามีเพียงความคิดเดียว นั่นคือเรื่องนี้จะต้องได้รับการแก้ไขให้ชัดเจน
ก่อนหน้านี้ยังค่อย ๆ คิดอยู่ ทว่าตอนนี้มันไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ในเมื่อเรื่องวุ่นวายถึงขนาดนี้ก็ให้มันระเบิดไปเลย แล้วจะต้องจัดการให้สิ้นซาก
ไม่งั้นถ้าพวกเขาออกไปเมื่อไร มันจะทิ้งปัญหามากมายไว้แน่นอน!
ในฐานะครูใหญ่แล้ว เขาไม่สามารถมองอนาคตของโรงเรียนที่มีอันตรายแอบแฝงได้
โจวหยวนจ้องมองครูใหญ่อยู่สามนาที
เขารู้ชัดแล้วว่า ถ้ายืนกรานที่จะอยู่ก็ไม่มีทางจัดการเรื่องนี้ได้
ออกไปเสียจะดีกว่า
“ไปกัน เสี่ยวหรุ่ย พ่อจะพาลูกกลับบ้านเอง! ดูซิว่าใครจะกล้ามาขวางอยู่อีก!”
กลับถึงบ้านเมื่อไร เราจะปรึกษากับคนที่บ้านให้จัดการครูใหญ่ผู้ดื้อรั้นของโรงเรียนแห่งนี้ไปเสีย!
แต่เด็กบ้านซูก็เข้าไปขวางเอาไว้ ไม่ปล่อยให้พวกเขาได้เดินจากไป
ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับว่าตนยอมโดนฟันร่างขาดเพื่อที่จะดึงจักรพรรดิลงหลังม้าชัด ๆ*[2]
“นี่มันหมายความว่ายังไง? คิดจะกักบริเวณฉันหรือ?”
ความอับอายของโจวหยวนแปรเปลี่ยนเป็นโกรธ มันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว!
ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งทำลายความเครียดขึ้นมา
“ฉันก็คิดว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนเช่นกัน!”
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย หัวใจของโจวหยวนเต้นแรงขึ้นและมองไปยังทิศทางของเสียงนั้นโดยไม่รู้ตัว
ผู้อำนวยการหลี่มาจริง ๆ ด้วย!
“ผู้อำนวยการหลี่ ท่านมาได้ยังไงครับ?”
“ทำไมล่ะ? ฉันมาไม่ได้หรือ?”
ผู้อำนวยการหลี่ชำเลืองมองโจวหยวน เห็นได้ชัดว่ามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ถึงโจวหยวนจะอวดเบ่งบารมีข้างนอก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้านายของตน เขากล้าเสียที่ไหนล่ะ!
เขายืนอย่างเชื่อฟังต่อหน้าผู้อำนวยการหลี่ คิดจะอธิบายบางอย่าง ทว่าไม่ได้พูดออกมา
กลับกันนั้นเป็นครูใหญ่กู้ที่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการหลี่อย่างรวดเร็ว ก่อนยิ้มแย้ม “ผมไม่คิดเลยครับว่าผู้อำนวยการหลี่จะมาด้วยตัวเอง!”
“ครูใหญ่กู้ ผมขอโทษด้วยจริง ๆ ไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ในการดูแลของผมจะสร้างปัญหาให้คุณเยอะขนาดนี้!” ผู้อำนวยการหลี่จับมือครูใหญ่กู้และขอโทษอย่างจริงใจ
กู้ลี่เหรินรู้ว่าอีกฝ่ายมาโรงเรียนเราเป็นการเฉพาะหลังจากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร? เขาไม่ได้โทรบอกเสียหน่อย
หรือว่าคนหนุนหลังเด็กพวกนี้จะทรงพลังพอให้ผู้อำนวยการหลี่มาด้วยตัวเองน่ะ?
“ผู้อำนวยการหลี่สุภาพเกินไปแล้วครับ ผมละอายใจเหลือเกิน!”
“คุณเป็นเหยื่อนะ ทำไมถึงไม่กล้ารับคำขอโทษไว้ล่ะ? ขนาดคนทำยังไม่คิดขอโทษเลยนะ?”
ผู้อำนวยการหลี่มองท่าทางของลูกน้องแล้วโกรธจัด ตอนนี้ยังไม่ขอโทษอีก ยืนรออะไรอยู่?
แต่โจวหยวนไม่เข้าใจสายตาของเจ้านาย เขายังคิดหาวิธีที่จะจำกัดปัญหาพวกนี้อยู่!
ผู้อำนวยการหลี่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วส่งเสียงขึ้นจมูก ก่อนหันศีรษะไปทางอื่นโดยไม่สนใจโจวหยวนที่โกรธแทบตายนั่น
ตระกูลโจวเป็นตระกูลที่มีฐานะดีอยู่แล้ว เดิมทีคิดว่าคนตระกูลนี้น่าจะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่ใครจะรู้เล่าว่าดันเป็นเช่นนี้เสียได้!
เรื่องผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนหน้านี้ยังยอมได้ แต่รอบนี้คิดอะไรทำอะไรอีกล่ะ?
ผู้อำนวนการหลี่ไม่สนใจเรื่องโจวหยวนแล้วหันไปซุบซิบกับครูใหญ่แทน
“ฉันได้ยินมาว่ามีนักเรียนคนหนึ่งสอบได้คะแนนเกือบเต็มด้วย!”
โจวหยวนยิ่งรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงเมื่อได้ยินประโยคนี้
เป็นเพราะเขาประเมินศัตรูต่ำไป เดิมทีคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่า แม้แต่ผู้อำนวยการหลี่ก็ยังมาหาด้วยตัวเองเลย
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?
ขอโทษหรือ?
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนผิดนี่?
ครูใหญ่กู้ดึงเสี่ยวเถียนออกมายืนตรงหน้าผู้อำนวยการแล้วแนะนำ
“นักเรียนตัวน้อยคนนี้ชื่อซูเสี่ยวเถียนครับ เธอสอบได้คะแนนสูงถึงสามร้อยเก้าสิบหกคะแนนเลย”
ว่าจบเขาก็มองไปที่โจวหยวนและเอ่ยต่อ
“แต่น่าเสียดายที่คะแนนของเธอโดนคนแอบอ้างเอาไป โรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดของเราเกือบเสียเด็กที่แสนยอดเยี่ยมคนนี้ไปเสียแล้ว!”
มันไม่ใช่ว่าเด็กจะเสียโรงเรียนไปนะ แต่โรงเรียนต่างหากที่จะเสียเด็กคนนี้ไป
เสี่ยวเถียนเป็นคนไม่กลัวคนแปลกหน้าอยู่แล้ว แม้ว่าจะเคยเจอผู้อำนวยการหลี่เพียงครั้งเดียว แต่ก็เอ่ยทักทายอย่างสง่าผ่าเผย การแสดงออกน่าทึ่งมาก
“ไม่เลว ๆ นักเรียนตัวน้อย เธอยอดเยี่ยมมากเลย! ฉันเห็นข้อสอบพวกนั้นแล้วล่ะ มันยากจริง ๆ!”
ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกว่า ต่อให้เขาทำข้อสอบพวกนั้นด้วยตัวเอง ก็ไม่น่าทำได้ถึงสามร้อยหกสิบคะแนนหรอก
แต่สาวน้อยตรงหน้ากลับสอบได้ถึงสามร้อยเก้าสิบหกคะแนนเลยนะ
นี่คือครูดังสร้างศิษย์เอกใช่ไหมเนี่ย?
“ผู้อำนวยการ วิชาคณิตศาสตร์กับเคมีฟิสิกส์ เสี่ยวเถียนสอบได้คะแนนเต็มครับ ส่วนวิชาภาษาจีนกับประวัติศาสตร์และการเมืองโดนหักในคำถามข้อเขียนเท่านั้นครับ”
พูดเรื่องนี้แล้วเขาก็ตื่นเต้นมาก
ตอนเห็นกระดาษคำตอบ เขาพูดไม่ออกเลย สรุปแล้วเขามีความสุขมากจนเกือบจะลืมชื่อแซ่ของตัวเองไปแล้วเนี่ย
ผู้ปกครองโดยรอบรู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวเถียนสอบได้คะแนนดี แต่ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้
ยิ่งได้ยินครูใหญ่แนะนำ พวกเขาก็ยิ่งโดนคลื่นซัดอย่างแรง
เด็กคนหนึ่งสอบได้คะแนนเต็มเกือบทุกวิชา มันน่าตกใจมากจริง ๆ
พวกเขาอดมองลูกของตนไม่ได้ ทำไมลูกที่คิดว่าเก่งตอนนี้กลับไม่เปล่งประกายเสียเลย?
ก็ยังเป็นลูกบ้านอื่นที่โดดเด่นกว่า!
ผู้อำนวยการหลี่มองเสี่ยวเถียนอย่างระมัดระวังและพยักหน้าชื่นชม
“เก่งจริง ๆ นักเรียนตัวน้อย ฉันได้ยินมาว่าเธอเคยเรียนกับอาจารย์ฉือเก๋อหรือ?”
คำพูดของผู้อำนวยการหลี่ทำให้หลายคนตกใจ
ทุกคนในเมืองหลวงรู้ว่าฉือเก๋อคือใคร!
ครั้งหนึ่งเขาเป็นนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง! แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้นกับเขา และหายตัวไปหลายปีแล้ว แต่มันไม่ได้สร้างผลกระทบต่อจิตใจคนในเมืองหลวงเท่านั้น
ช่วงนี้ได้ยินว่าอาจารย์ฉือเก๋อกลับมาแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด และจู่ ๆ ก็ได้ยินผู้อำนวยการหลี่บอกว่า เด็กคนนี้เคยเรียนกับอาจารย์ฉือเก๋อมาก่อน จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร?
เด็กคนนี้อายุเท่าไรกัน?
ถ้าอาจารย์ฉือเก๋อเป็นคนสอน ก็น่าจะเจ็ดแปดปีที่แล้วหรือนานกว่านั้นอีก เพราะเขาไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเลยน่ะ
แล้วเด็กอายุแค่นี้เรียนกับเขาจริง ๆ หรือ?
แต่ผู้อำนวยการหลี่ไม่จำเป็นต้องพูดโกหกนี่นา?
“ใช่ค่ะผู้อำนวยการหลี่ หนูเรียนกับอาจารย์ฉือเก๋อเมื่อสี่ปีก่อนค่ะ!”
เสี่ยวเถียนตอบคำถามอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ถือตัวสักนิด
“จริงอย่างที่ว่า เด็กที่อาจารย์ฉือสอนนั้นจะแตกต่างไปจากคนอื่นเลย”
ฉืออี้หย่วนมองผู้อำนวยการหลี่อย่างครุ่นคิด เขามีความสัมพันธ์อะไรกับปู่ไหม?
ในตอนที่กำลังคิดก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจ “ฉันก็เป็นนักเรียนของอาจารย์ฉือเหมือนกัน แต่ก็เป็นแค่นักเรียนน่ะ!”
นักเรียนกับครู เดิมทีก็มีแนวคิดของตัวเองกันอยู่แล้ว
*[1] พอสังคมเริ่มใหญ่ขึ้น มนุษย์ก็มีทุกรูปแบบเหมือนกัน ทั้งคนดี คนเลว คนชั่ว
*[2] ถึงตายก็ยอม