เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 365 ทำเรื่องรายงาน
บทที่ 365 ทำเรื่องรายงาน
บทที่ 365 ทำเรื่องรายงาน
ผู้อำนวยการหลี่จ้องมองโจวหยวนด้วยแววตาที่ย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่คิดเลยว่าโจวหยวนจะเป็นคนแบบนี้
ปัญหามันเกิดขึ้นแล้ว ไประบายความโกรธใส่ลูกจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ?
ถ้าผู้ใหญ่ไม่ได้ปลูกฝังความคิดพวกนี้ให้ลูกตั้งแต่เด็กก็คงจะไม่เกิดปัญหา แล้วยิ่งเธอเป็นเด็กผู้หญิงแล้วด้วย จะทำอย่างไรล่ะทีนี้?
เห็นไหมล่ะ อย่างไรเสียก็เป็นปัญหาของผู้ใหญ่อยู่ดี
“หัวหน้าโจว ยังไม่รีบไปดูลูกอีกหรือครับ?” ครูใหญ่กู้เตือน
เด็กผู้หญิงตัวคนเดียววิ่งทะเล่อทะล่าออกไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะเสียใจก็สายเกินไปแล้ว
โจวหยววได้สติรู้สึกตัวกลับมาทันที และวิ่งตามลูกสาวออกไป
ผู้อำนวยการหลี่มองครูใหญ่ “เรามาจัดการเรื่องที่ควรจัดการกันดีกว่านะ!”
ครูใหญ่กู้รีบตอบรับ
ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว และก็จัดการได้อย่างราบรื่นด้วย
ส่วนบรรดาผู้ปกครองที่ถูกโจวหรุ่ยซูยุยงก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้มีเด็กหลายคนเลยที่เป็นเหยื่อ
พวกเขารู้สึกผิดมากขึ้นมาก
แม้แต่ครูอวี่ที่เสื้อผ้าขาดวิ่นก็ยังรู้สึกเหมือนกัน
“ต้องขอโทษคุณครูท่านนี้จริง ๆ นะ พวกเราไม่ได้ตั้งใจ!”
“เป็นเพราะเด็กตระกูลโจวจิตใจชั่วร้ายคนนั้นนั่นแหละที่ปั่นหัวพวกเรา”
“ใช่แล้ว ๆ พวกคุณต่างก็มีจิตใจกว้างขวาง อย่าสนใจคนโง่เลอะเลือนแบบพวกเราเลยนะ”
ผู้ปกครองบางคนออกมาขอโทษด้วยความเคอะเขิน หากแต่คำพูดล้วนเต็มไปด้วยความจริงใจ แต่เสี่ยวเถียนคิดว่าเพราะพวกเขากลัวว่าลูกตัวเองจะโดนรังแกที่โรงเรียนมากกว่า
โชคดีที่ครูอวี่นิสัยดีมากและไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เขาเพียงแค่ยิ้มก่อนเดินจากไป
เมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจ พวกผู้ปกครองพลันโล่งใจกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่พอใจต่อครอบครัวโจวมากขึ้นอีก
ตระกูลนี้เป็นผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด
เหล่าผู้ปกครองตัดสินใจว่า ออกจากโรงเรียนเมื่อไรจะแฉเรื่องพวกนี้ให้หมด ทำให้ทุกคนรู้กันไปเลยว่าตระกูลโจวเป็นคนแบบไหน
ตระกูลโจวและตระกูลว่านไม่ถือว่าร่ำรวยในเมืองหลวง แต่ก็ยังมีอำนาจอยู่บ้าง
ส่วนที่มาของอำนาจพวกนี้ย่อมมาจากการประจบประแจงผู้มีอำนาจในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะตระกูลว่าน หลังจากทำงานมาหลายปี พวกเขามีชั้นเชิงจริง ๆ
ปกติโจวหยวนไม่กล้าพูดอะไรกับภรรยามากอยู่แล้ว เพราะกลัวจะทำให้ครอบครัวของพ่อตาขุ่นเคืองใจ
ว่านหงอิงรู้สึกโมโหมากเมื่อรู้ว่าสามีเสียเปรียบกลับมา เธอด่าไปดอกหนึ่งแล้วกลับบ้านแม่ไปหาทางแก้ไข
โจวหยวนที่โดนด่ารู้สึกอึดอัดมากจึงออกจากบ้านไปด้วยเช่นกัน
ส่วนโจวหรุ่ยซูโดนพ่อแม่ลืมทิ้งไว้ที่บ้านเสียแล้ว
เรื่องพวกนี้ เด็ก ๆ บ้านซูไม่ได้ใส่ใจ
เพราะอย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเขาอยู่แล้ว
ที่พวกเขาสนใจคือ ในที่สุดเราก็จะได้ลงทะเบียนเรียนได้อย่างราบรื่นเสียที
หลังจากโจวหยวนออกไป พวกเด็ก ๆ ก็รีบไปถามครูใหญ่ว่าลงทะเบียนเรียนได้หรือยัง
ครูใหญ่กู้รีบให้คนมาช่วยพวกเสี่ยวเถียน และพาไปจัดการเรื่องลงทะเบียนต่อ
เพราะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น แถวที่ต่อกันอยู่ดี ๆ จึงยุ่งเหยิงไปด้วย แม้จะเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย แต่ก็ยังอยู่ในความสงบ
ทว่าเมื่อเด็ก ๆ บ้านซูเดินมาลงทะเบียน พวกผู้ปกครองทั้งหมดต่างเป็นฝ่ายหลีกทางให้
มนุษย์เราเมื่อได้รับความเคารพ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ขอแค่เก่งกาจก็จะควรค่าแก่การเคารพทันที
ความสำเร็จของเด็กพวกนี้ทำให้พวกเขาทึ่งนัก!
เสี่ยวเถียนไม่อยากแซงคิว จึงปฏิเสธอยู่หลายรอบ
แต่ผู้ปกครองอยากให้เธอลงทะเบียนก่อน เด็กหญิงทำได้เพียงกล่าวขอบคุณแล้วไปลงทะเบียนพร้อมกับพี่ชายอีกสองคน
อีกฝั่งหนึ่งคือเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวชี พี่ ๆ ก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากพวกผู้ปกครองเหมือนกัน เลยได้ต่อแถวหน้าสุดเพื่อลงทะเบียน
ในช่วงที่เด็ก ๆ กำลังลงทะเบียน ผู้อำนวยการหลี่ให้ครูใหญ่ทำงานบางอย่าง จากนั้นก็รอพวกเด็ก ๆ อยู่เงียบ ๆ
“ผู้อำนวยการหลี่ ครูใหญ่กู้ พวกเราลงทะเบียนเสร็จแล้วค่ะ กำลังจะกลับบ้านแล้ว เจอกันพรุ่งนี้นะคะ!”
เสี่ยวเถียนประหลาดใจเล็กน้อยที่ทั้งสองคนยังอยู่ที่จุดลงทะเบียน แต่เธอโบกมือลาพวกเขาอย่างสุภาพ
ผู้อำนวยการหลี่เห็นเด็ก ๆ กำลังจะออกไป เขาเลยลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันก็กำลังจะไปเหมือนกัน ไม่งั้นให้ฉันไปส่งพวกเธอที่บ้านไหม?”
เขาพูดจาด้วยน้ำเสียงสุภาพ แถมท่าทางก็เรียกได้ว่าไม่สามารถดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
“ผู้อำนวยการหลี่มีหลายเรื่องให้ต้องทำนะคะ พวกเรากลับเองดีกว่าค่ะ” เสี่ยวเถียนรีบตอบ
เขาเป็นถึงผู้อำนวยการฝ่ายกระทรวงการศึกษา แล้วจะมาส่งพวกเขากลับบ้านเนี่ยนะ? อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย
แต่อีกฝ่ายยืนกรานจะไปส่งจริง ๆ
เด็ก ๆ เหลือบมองหน้ากันและกัน ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แต่ว่าพวกเขายังชวนครูใหญ่กู้และครูอวี่ไปเป็นแขกที่บ้านด้วย
ครูอวี่สงสัยว่าทำไมเด็ก ๆ ถึงชวนเขา แต่ในเมื่ออีกฝ่ายชวนแล้ว และตัวเขาก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นต้องทำจึงตอบตกลง
ผู้อำนวยการหลี่ไม่รังเกียจอยู่แล้วที่จะมีคนไปด้วย เขาแค่คิดว่าในที่สุดก็จะได้เจออาจารย์ฉืออีกครั้งหลังจากผ่านมานานหลายปี
แค่คิดถึงฉากพบกันอีกครั้ง เขาก็ตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้ผู้อาวุโสท่านนั้นจะสบายดีหรือเปล่า
เมื่อคิดถึงคำถามนี้ ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกว่าความคิดตนไร้เดียงสาเหลือเกิน อีกฝ่ายเพิ่งโดนปล่อยกลับมานะ จะไปมีชีวิตดีได้อย่างไร
ครูใหญ่กู้อยากจะไปพบอาจารย์ฉือเหมือนกัน แต่หาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้เลยยอมแพ้ไป
ช่างเถอะ ยังมีอีกหลายเรื่องในโรงเรียนที่รอให้เขาจัดการอยู่
เขาต้องจัดการเรื่องเด็ก ๆ บ้านซูให้ถูกต้อง มีเจ้านายหลายคนที่คอยดูแลอยู่ ถ้ามีเรื่องผิดพลาดขึ้นมา เขาที่เป็นครูใหญ่จะโดนเล่นงานก่อนเป็นคนแรก
เมื่อกลับมาถึงสำนักงาน ครูใหญ่กู้แจ้งให้มีการประชุมด้วยใบหน้าเย็นชา
เปิดประชุมได้ไม่นานเท่าไร แต่เขาดันมารู้ว่าครูใหญ่จินไม่ได้นั่งทบทวนตัวเองอยู่ที่ห้อง ทั้งยังออกจากโรงเรียนไปด้วย แต่ไม่รู้ว่าไปไหน
หัวหน้าอู๋มองใบหน้าถมึงทึงของครูใหญ่แล้วไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เขาเสียใจว่าทำไมถึงโง่เดินตามครูใหญ่จินไปได้นะ?
ในที่สุด ครูใหญ่กู้ที่สีหน้าเย็นชาก็ตัดสินใจได้ว่าครูใหญ่จินจะไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้อีกต่อไป!
เขาต้องทำเรื่องรายงานด้วย
คิดว่าการรายงานครั้งนี้ ผู้อำนวยการหลี่ต้องเห็นด้วยแน่นอน
นอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นฝีมือของบุคลากรภายในแล้ว เรื่องที่ส่งผลร้ายแรงก็ต้องเขียนรายงายลงไป ส่วนด้านการพัฒนาของโรงเรียนเราในตอนนี้ยังดีอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าจะทนต่อปัญหาในครั้งหน้าได้หรือเปล่า
ครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่สามารถจัดการมาถึงขั้นตอนนี้ได้ และเป็นผลมาจากสองพ่อลูกบ้านโจวรนหาที่ตายเอง
ไม่อย่างนั้นโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดก็คงติดอยู่ในวังวน และปัญหาแย่ ๆ พวกนี้แหละที่มันสามารถทำลายแม้กระทั่งห้องเรียนพิเศษที่เขาตั้งขึ้นมาเอง
พอคิดถึงมัน กู้ลี่เหรินก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นใจต่อครูใหญ่จินและโจวหยวนยิ่งกว่าเดิม
เขาเอนตัวเริ่มเขียนรายงาน โดยเขียนรายงายเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษรวมถึงเสนอวิธีจัดการปัญหาด้วย