เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 37 เด็กหญิงเก็บเห็ด
บทที่ 37 เด็กหญิงเก็บเห็ด
บทที่ 37 เด็กหญิงเก็บเห็ด
ฉือเก๋อมองไปยังซูเสี่ยวเถียนที่กำลังเดินตามหลังพี่ชายอยู่ไม่ห่าง “เด็กคนนี้ไม่เหมือนเด็กเลย!”
“เหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย” ตู้ถงเหอเห็นด้วย “เป็นเด็กที่ฉลาดอย่างก้าวกระโดดมาก…”
เขาไม่อยากเอ่ยสิ่งใดต่อ บทสนทนาจึงจบลงเพียงเท่านั้น
ครั้นกลับถึงบ้านก็เพิ่งบ่ายโมง
ซูเสี่ยวเถียนอ่านหนังสืออยู่พักหนึ่งก็พลันรู้สึกเบื่อ
ตอนนั้นเองที่พวกเด็ก ๆ ของตระกูลซูตัดสินใจจะไปถอนวัชพืชกัน
ตอนนี้เป็นวันหยุดฤดูร้อน เด็ก ๆ พากันไปถอนวัชพืนในช่วงบ่าย จากนั้นก็จะส่งมันให้กับทีมผลิต หากอ้างอิงถึงจำนวนในการถอนวัชพืช พวกเขาจะได้รับคะแนนในการทำงานสองถึงสามคะแนนเลย
ซูเสี่ยวเถียนรีบวิ่งไปคว้าแขนเสื้อของซูอู่ร่างเอาไว้ “พี่คะ หนูไปด้วย!”
ผู้เป็นพี่กุลีกุจอเอ่ยขึ้น “เถียนเถียนเด็กดีไม่ต้องไปหรอก บนภูเขามีทั้งงู หนอน หนู แล้วก็มดด้วย อันตรายยิ่งนัก น้องให้ไส้เดือนไก่กินอยู่ที่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ?”
ถ้าไปทำอย่างอื่นซูอู่ร่างคงพาไปอย่างไม่ใส่ใจแน่นอน แต่นี่คือขึ้นเขาไปถอนวัชพืช มันอันตรายเกินไป
แม้จะไม่มีอันตราย แต่อาจจะโดนแดดแผดเผาได้
น้องสาวตัวน้อยผิวพรรณขาวผ่อง ไม่สามารถให้โดนแดดจนไหม้เกรียมได้
ซูเสี่ยวเถียนเม้มปาก “ไม่เอา หนูจะไปด้วย ฝนเพิ่งจะตก หญ้าถอนง่ายสุด ๆ เลย ถ้าเราโชคดีอาจจะได้เก็บเห็ดด้วยนะ”
“แต่ว่า…” ซูอู่ร่างลังเล “เถียนเถียนเด็กดี อยู่บ้านเถอะนะ พอพี่กลับมาจะเอาผลไม้ป่าบนเขามาให้กินด้วยดีหรือไม่”
“ไม่เอา หนูจะไปด้วย!” หาได้ยากที่ซูเสี่ยวเถียนจะทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ มันไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเอาแต่ใจ กลับกันแล้วดูไร้เดียงสาขึ้นต่างหาก “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดคุณปู่แล้ว ปีนี้คุณปู่อายุหกสิบปี หนูอยากขึ้นเขาไปเก็บเห็ดมาทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณปู่”
ซูซื่อเลี่ยงได้ยินก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเถียนเถียนอยากไปก็ให้ไปเถอะ อย่างไรพวกเราก็ดูแลได้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้นน้องเก้าไม่ต้องถอนหญ้าก็ได้ ให้คอยเล่นกับเถียนเถียนก็พอแล้ว”
“พี่รองดีที่สุดเลย!” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวทันที
ซูอู่ร่างซูจิ้ม ๆ หัวซูเสี่ยวเถียนแล้วพูดอย่างเอาใจ “แล้วพี่ไม่ดีเหรอ? ถ้าไม่กลัวว่าขึ้นเขาไปจะเกิดอันตรายขึ้นก็ไร้คุณธรรมแล้ว!”
“พี่ก็ดีค่ะ พี่ ๆ ทุกคนดีหมดเล้ย!” ซูเสี่ยวเถียนพูดจาออดอ้อนเจี๊ยวจ๊าว
ซูซื่อเลี่ยงดีใจกับคำชมเกินจริงมาก ก่อนเขาจะแบกซูเสี่ยวเถียนไว้บนหลัง แล้วบอกซูซานกงให้ช่วยถือกระเป๋าสะพายไว้ ก่อนเดินออกไปก่อน
เหล่าพี่น้องเดินไปขึ้นเขาด้วยกัน ดูทรงพลังเป็นอย่างมาก และมันก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายไปตลอดทาง
เมื่อหญิงชราในหมู่บ้านคนหนึ่งเห็นซูเสี่ยวเถียนบนหลังซูซื่อเลี่ยงก็อดเบ้ปากไม่ได้
ซูซื่อเลี่ยงเหลือบมองที่หญิงชราคนนั้นแล้วเบ้ปากเช่นกัน
นี่คือคนในตระกูลฉางของหมู่บ้าน ตระกูลของเธอให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว แต่ลูกชายทั้งสามคนของเธอกลับให้กำเนิดลูกสาวหนึ่งคน แล้วก็ให้กำเนิดลูกสาวอีกหนึ่งคนเช่นกัน เมื่อห้าปีก่อนเพิ่งจะให้กำเนิดลูกชายมาคนหนึ่ง
หญิงชราฉางยอมรับไม่ได้ที่ตระกูลผู้เฒ่าซูเอาพวกเลี้ยงเสียข้าวสุกมาเป็นแก้วตาดวงใจ ทุกครั้งที่เห็นก็อดพูดเล่นไม่ได้
แน่นอนว่าคราวนี้ก็ไม่เว้นเช่นกัน
“น้องรองเอ๋ย แบกยัยเด็กนั่นไปทั้งวันทำอะไรน่ะ? น้องเธอไม่มีมือมีเท้าหรือไง”
“มีพี่ชายอยู่ตั้งเยอะ ต่อให้น้องเถียนไม่มีมือมีเท้า พวกเราก็จะพาไปได้ทุกที่ครับ!” ซูซื่อเลี่ยงตอบทันที
พอพูดแบบนั้นเขาก็ภูมิใจมากจนกระชับแขนอุ้มซูเสี่ยวเถียนให้สูงขึ้น
ซูเสี่ยวเถียนภาคภูมิใจนัก มองไปยังหญิงชราฉางที่กำลังทำหน้าตาบูดบึ้ง
เธอโกรธจนเกือบอ้าปากด่า
“คุณย่าฉาง คุณย่าดูแลครอบครัวตัวเองก็พอแล้วครับ เมื่อวันก่อนผมเห็นทั้งหลานสาวของคุณย่ายังใส่กางเกงเปิดก้นอยู่เลย เรื่องของตระกูลเราไม่รบกวนย่ามาใส่ใจหรอกครับ!”
ก่อนที่ซูอู่ร่างจะเดินผ่านไปก็ไม่ลืมที่จะพูดจาแดกดันอีก ใครบอกให้หาเรื่องทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตนกันเล่า?
หญิงชราฉางโกรธจัด
เธอไม่ชอบเด็กผู้หญิง และหลานสาวทุกคนจะใส่ชุดมอมแมม มีแค่หลานชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่หวงแหนที่สุด เพราะเลือกปฏิบัติตั้งแต่เด็ก จึงไม่ต่างไปจากเด็กดื้อคนหนึ่ง
ไม่มีใครในหมู่บ้านไม่ชอบเด็กที่แสนล้ำค่าอย่างซูเสี่ยวเถียน เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเอาอกเอาใจ แตกต่างจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันราวกับฟ้าเหว
“หงซินที่เปล่งประกายอย่างเจริดจรัส หงซินที่งดงามอยู่ในใจ หงซินที่เป็นดวงใจของพวกเราชาวนา ความรุ่งโรจน์ของพลพรรคสาดส่องไปทุกชั่วอายุคน…”
ซูซื่อเลี่ยงมองไปยังใบหน้าที่บิดเบี้ยวของหญิงชรา ในใจพลันยินดี เขาฮัมเพลง “หงซินอันเปล่งประกาย” ที่เพิ่งเรียนรู้มาขณะเดินขึ้นเขา
หญิงชราฉางมองดูพวกเด็ก ๆ ของตระกูลผู้เฒ่าซูแล้วไม่พอใจอย่างมาก ก่อนจะคิดว่าพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก ที่บ้านทำไมไม่รู้จักอุ้มหลานรักของเธอออกมาบ้าง?
เด็กซูเสี่ยวเถียนคนนั้นจะมามีค่ากว่าหลานรักของเธอได้อย่างไร?
เหอะ รอกลับไปก่อนเถิด จะให้ยัยเด็กพวกนั้นอุ้มออกมาบ้าง ไม่ใช่แค่ซูเสี่ยวเถียนไม่มีมือเท้าหรอกนะ หลานรักเขาก็ไม่ต้องการมีมันเช่นกัน
ไม่พูดถึงเรื่องราวหลังจากที่ยั่วยุผู้อาวุโสฉางแล้วกัน จิตใจจะได้เบิกบาน มาพูดถึงเรื่องที่ซูเสี่ยวเถียนและคนอื่น ๆ มาถึงภูเขาแล้วดีกว่า พวกเขาได้เจอที่ที่มีพืชพันธุ์เขียวชอุ่มมากมาย จากนั้นจึงลงมือถอนวัชพืช
น้องเก้ายังเด็กจึงถอนหญ้าไม่ได้เยอะ ซูซื่อเลี่ยงเลยปฏิเสธที่จะให้น้องเก้าทำ แล้วให้ไปเล่นเป็นเพื่อนซูเสี่ยวเถียนแทน
ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าแถว ๆ นี้น่าจะมีเห็ด เลยถือกระเป๋าใบเล็กของตนแล้วเริ่มมองหาเห็ดพร้อมกับฮัมเพลง “เด็กหญิงเก็บเห็ด เธอแบกตะกร้าใบใหญ่…”
ตอนนั้นเธอลืมสิ้นไปเลยว่าอีกสองสามปีถึงจะมีเพลงนี้ออกมา นับว่าโชคดีที่น้องเก้าใจกว้าง อายุยังน้อยเลยไม่ได้สังเกตอะไร
“ที่นี่มีเห็ดจริง ๆ ด้วย น้องเถียนมานี้เร็วเข้า!” น้องเก้าค้นพบเห็ดใต้ต้นไม้อย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนเรียกซูเสี่ยวเถียนอย่างมีความสุข
ส่วนซูเสี่ยวเถียนก็พบเห็ดจำนวนหนึ่งเช่นกัน เธอกำลังเก็บมันอย่างระมัดระวัง
“พี่เก้าเดี๋ยวก่อน มันมีเห็ดหลายอัน หนูเก็บเสร็จแล้วจะไปหานะ!” ซูเสี่ยวเถียนตะโกนลั่น
น้องเก้าวิ่งเข้ามาก็เห็นซูเสี่ยวเถียนกำลังเก็บเห็ดขนาดใหญ่พอดี เขาก็อ้าปากค้าง
“น้องเถียน พุ่มเห็ดอันนี้ใหญ่มาก! เถียนเถียนหามันเจอได้อย่างไร?”
เขาเห็นแค่อันเดียวเองแต่ที่น้องเถียนเห็นเป็นพุ่มใหญ่
“หนูแค่โชคดี!” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ใบหน้าเธอประดับด้วยรอยยิ้ม
น้องเก้าพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเห็นด้วยอย่างมาก “น้องเถียนบ้านเราเป็นเด็กที่โชคดีที่สุด!”
ซูเสี่ยวเถียนคิด นี่คือโชคดีใช่ไหม?
ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวเช่นนี้ ได้รับความรักจากผู้ใหญ่และพี่น้องในครอบครัวหมดหัวใจ และได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง นับเป็นโชคที่ไม่มีใครมีมาก่อน
หลังจากที่เธอเก็บพุ่มเห็ดเสร็จแล้ว ดวงตาอันเฉียบแหลมก็พบอีกพุ่มหนึ่ง
ถึงจะเล็กกว่าแต่ก็มีอีกเยอะ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง
พุ่มเห็ดนี้ยังไม่โตเต็มที่ดี บางอันก็ฝังอยู่ในดิน ซูเสี่ยวเถียนหยิบไม้อันเล็กมาแล้วเริ่มขุดดินรอบ ๆ
แต่ก่อนที่จะเก็บเห็ด เธอพยายามอย่างหนักที่จะแงะหินก้อนหนึ่งในดินออกมา
เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยความสงสัย มันแน่นมากและไม่เป็นก้อน ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “นี่อะไรเนี่ย?”