เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 383 เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย
บทที่ 383 เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย
บทที่ 383 เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย
“อาจารย์ผมชื่อเฉาเกาซวนครับคุณย่าอวี่!” ซื่อเลี่ยงตอบชื่อด้วยท่าทางเคารพ
อวี่รุ่ยหยวนได้ยินชื่อของบุคคลนั้นก็กระตุกยิ้มเย้ยหยัน
“ที่แท้ก็เขานี่เอง!”
ไม่น่าแปลกใจสักนิด!
ซื่อเลี่ยงเป็นเด็กมีพรสวรรค์ แต่ว่าโชคของเขาไม่ค่อยดีสักเท่าไร มีอาจารย์ตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ดันมาเจอคนไร้ประโยชน์แบบเฉาเกาซวนเนี่ยนะ?
“คุณย่าอวี่ อาจารย์เฉาคนนี้เขามีปัญหาอะไรหรือคะ?” เสี่ยวเถียนถามขึ้นทันที
หญิงชราถอนหายใจ
“คนคนนี้ไม่ใช่พวกตั้งใจสอนหรือตั้งใจสร้างผลงานหรอกนะ”
“เขาตั้งใจแต่ประจบประแจงเบื้องบนมาตลอดเลย เรียกได้ว่าความสำเร็จทุกวันนี้ได้จากการประจบเป็นหลักด้วยซ้ำ”
“คนที่อยู่ในวงการศิลปะ แต่ไม่สามารถสร้างผลงานดี ๆ ได้ ไม่มีทางได้คะแนนดีหรอกนะ แล้วคนแบบนั้นเป็นครูก็มีแต่จะทำลายนักเรียนด้วยซ้ำไป!”
อวี่รุ่ยหยวนเป็นคนสูงส่ง ถึงจะอยู่หงซินมาหลายปีก็ยังสูงส่งอยู่ และเธอไม่ชอบคนอย่างเฉาเกาซวนจากก้นบึ้งของหัวใจ โดยเฉพาะเรื่องที่อีกฝ่ายมากดดันเด็กที่เธอฝึกฝนด้วยตนเอง
เสี่ยวเถียนมองพี่รองด้วยสายตาเห็นใจ รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ถามพี่รองนะ? ถ้าเธอถามไวกว่านี้คงจะรู้สถานการณ์ของเขาตั้งนานแล้ว
เธอกังวลจริง ๆ การที่ว่าพี่รองเจอเรื่องแบบนี้แล้ว อาจจะต้องเดินเส้นทางที่อยุติธรรมไปอีกนานเลยก็ได้
“พี่รอง หนูว่าการแข่งครั้งนี้พี่รองลองไปเสี่ยงดูก็ได้นะคะ ถ้าเกิดชนะขึ้นมาล่ะ?”
อวี่รุ่ยหยวนพยักหน้า “ใช่ ไปลองสักหน่อย เธอเก่งกว่าที่ตัวเองคิดไว้เยอะนะซื่อเลี่ยง”
สิ่งแรกที่ต้องทำตอนนี้คือสร้างความมั่นใจให้ซื่อเลี่ยงขึ้นมาใหม่ จะให้เด็กคนนี้โดนกดเอาไว้เงียบ ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนซื่อเลี่ยงคงจะค้าน แต่ตอนนี้เขากลับตระหนักได้ถึงบางอย่าง
เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่เขาทำผิดพลาด ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไรสินะ?
ไม่งั้นทำไมน้องเล็กกับคุณย่าอวี่ถึงมองมาที่ตนเองอย่างจริงจังแบบนั้นล่ะ?
“คุณย่าอวี่ น้องเล็ก ผมจะเข้าร่วมการแข่งครับ!”
ถึงแม้ว่าเข้าร่วมแล้วจะไม่ได้รางวัล แต่ถ้าเป็นเขา เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่
ไปลองก่อนก็ได้
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น สองย่าหลานพลันโล่งใจขึ้นนัก ถึงคนอื่น ๆ จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ถือว่าเพื่อความสุขของซื่อเลี่ยงแล้วกัน แค่มีความกล้าที่จะเข้าร่วม ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี
อวี่รุ่ยหยวนมองหลานสาว และส่งสัญญาณว่าต้องการจะคุยกันเป็นการส่วนตัว
เสี่ยวเถียนพยักหน้าตอบรับ
“คุณย่าอวี่จะไปหาย่าของหนูเองหรือจะให้ไปพาแกมาคะ?”
“เดี๋ยวย่าไปเองจ้ะ!” ว่าจบก็หมุนตัวเดินจากไป
เสี่ยวเถียนพยักหน้า “ย่าไปก่อนเลยค่ะ วันนี้ย่าของหนูทำอาหารจานใหม่ด้วยนะ”
หลังจากคุยเรื่องซื่อเลี่ยงจบ เสี่ยวเถียนก็หันมาถามซานกง เทียบกับพี่รองแล้ว เรื่องของพี่สามราบรื่นเสียจนไม่สามารถราบรื่นไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะอาจารย์ของเขาคือเสิ่นจื่อเจิน เป็นคนที่พวกเรารู้จักกันดี
เสิ่นจื่อเจินชื่นชอบซานกงอยู่แล้ว ตอนนี้เลยมาสอนด้วยตัวเองเลย
เสี่ยวเถียนโล่งใจ
พี่สามยังพูดถึงจุดที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย อย่างตัวเองกับลุงเสิ่นมีความคิดเห็นตรงกันข้ามกัน
เสี่ยวเถียนขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า “พี่สาม เดี๋ยวตอนบ่ายหนูเขียนปัญหาที่พี่บอกมาให้นะ แล้วพี่ก็ไปเรียบเรียงเอา วันจันทร์เอาไปคุยกับลุงเสิ่นดูค่ะ อาจจะได้อะไรมาก็ได้นะ”
คำถามพวกนี้เป็นสิ่งที่เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มอื่น ๆ มา
ซานกงรีบพยักหน้า
ส่วนเสี่ยวซื่อเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะเพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นานเลยไม่มีอะไรต้องบอกเป็นพิเศษ เพราะแบบนั้นเสี่ยวเถียนจึงเพียงพูดย้ำ ๆ ว่าให้เรียนเยอะ ๆ ดูเยอะ ๆ และฟังมาเยอะ ๆ ซึ่งพี่ชายก็รับเอาไว้ หลังจากคุยกับพี่ ๆ เสร็จ เธอก็ไปที่ห้องครัว
ที่ห้องครัว คุณย่าซูทำอาหารมาสามจาน และให้หลาน ๆ ได้ลองชิม เด็กหญิงคิดจะยกออกมาด้วยตนเอง แต่ปู่กลับแย่งไป
“เดี๋ยวปู่ทำเอง หลานยังเด็ก เกิดทำหกลวกมือขึ้นมาจะทำยังไง?”
เสี่ยวเถียนพูดไม่ออก ทำไมเธอยังเด็กอยู่ล่ะ? เธออายุสิบกว่าปีแล้วนะ เธอเหมือนเด็กสี่ห้าขวบหรือ? แต่ก็ยังรู้สึกอบอุ่นใจกับความรักของคุณปู่
ก่อนจะเอ่ยอย่างโอ้อวดว่า “คุณปู่รักหนูที่สุดเลยค่ะ!”
“เสี่ยวเถียน มีเมนูอื่นอีกไหม? รีบบอกย่าเร็วเข้า”
คุณย่าซูแทบรอถามหลานไม่ไหวแล้ว
“คุณย่าพอใจกับเมนูนี้ไหมคะ?” เด็กสาวถาม
“พอใจแล้วล่ะ เมื่อกี้ย่าบุญธรรมของหลานบอกว่าอร่อยมาก แถมยังบอกอีกว่าก่อนหน้านี้เธอกินของอร่อยมาเยอะนะ แต่ไม่มีที่ไหนอร่อยเท่าย่าทำแล้ว!”
หญิงชราภาคภูมิใจมากจนเสี่ยวเถียนอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นย่า
หลังจากบอกสูตรอาหารแล้ว เธอก็ขึ้นไปชั้นบนโดยอ้างว่าจะคุยธุระกับอวี่รุ่ยหยวน
“ย่าบุญธรรมบอกหนูทีค่ะว่าเรื่องนี้เราควรทำยังไง?” เธอเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย
ถึงตอนนี้ปัญหาของพี่รองได้แก้ไขในขั้นเบื้องต้นแล้วก็ตาม ทว่าในอนาคตเขาก็ยังต้องเรียนกับอาจารย์คนนี้อยู่ดี ถ้าโดนล้างสมองอีกจะทำอย่างไร?
“ย่ารู้จักเฉาเกาซวนดี เขาเป็นพวกที่ทำอะไรก็หวังผล” อวี่รุ่ยหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เขาต้องมีจุดประสงค์อื่นที่กดความสามารถซื่อเลี่ยงแน่”
เสี่ยวเถียนขบคิดไปมา แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าอาจารย์คนนั้นมีจุดประสงค์อะไรเพื่อกดความสามารถนักเรียนของตน!
“ย่าเดาว่าในชั้นเรียนน่าจะมีเด็กที่พื้นฐานทางบ้านดีแน่ ๆ และทำประโยชน์ให้เขาได้!”
นี่เป็นเหตุผลเดียวที่หญิงชราคิดได้
เพราะอย่างไรสาเหตุของมันก็เป็นแค่การคาดเดา อาจจะไม่จริงก็ได้!
“คุณย่าอวี่คะ อาจารย์เฉาคนนี้เป็นคนไม่มีจรรยาบรรณ แล้วก็ไม่มีบรรทัดฐานด้วยหรือคะ?”
อาจเป็นเพราะครูที่เธอสนิทล้วนแต่เป็นคนดี เสี่ยวเถียนประทับในตัวพวกเขามาก
แต่จู่ ๆ ก็มีต้องพบเจอครูประเภทนี้ เธอจึงไม่อยากจะเชื่อเลย
“เสี่ยวเถียน พรุ่งนี้ย่าจะไปที่มหาวิทยาลัยดู อาจจะได้เรื่องอะไรกลับมาบ้างก็ได้ หลานอยากไปด้วยไหม?” หญิงชราถาม
เสี่ยวเถียนอยากไปดูสถานที่ที่พี่รองไปเรียนหนังสือนะ แต่พรุ่งนี้เธอมีภาระกิจต้องสอนพี่ใหญ่น่ะสิ
“ไม่ไปค่ะคุณย่าอวี่ พรุ่งนี้หนูต้องสอนภาษาฝรั่งเศสให้พี่ใหญ่” เด็กสาวปฏิเสธ
อวี่รุ่ยหยวนไม่คิดว่าหลานจะสอนภาษาฝรั่งเศสให้โส่วเวินได้ เด็กคนนี้รู้ภาษาฝรั่งเศสด้วยหรือ? ตอนเราอยู่หงซิน ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลยว่าหลานพูดภาษาต่างประเทศได้ด้วยน่ะ?
“เพิ่งเรียนมาไม่นานมานี้ค่ะ แล้วก็เจอวิธีเรียนนิดหน่อย เลยจะปรึกษากับพี่ค่ะ” เธอรีบอธิบาย
หญิงชราได้ฟังคำตอบเช่นนั้นก็คิดว่าเสี่ยวเถียนคงเจอวิธีจำคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสได้แบบรวดเร็ว จึงไม่คิดถามอะไรอีก
เธอจึงยิ้ม “ได้จ้ะ งั้นพรุ่งนี้หลานอยู่บ้านสอนพี่ใหญ่ไปนะ ส่วนย่าจะไปดูสถานการณ์ที่มหาวิทยาลัยแทน”