เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 387 หัวหน้ามีพรสวรรค์เหลือเกิน
บทที่ 387 หัวหน้ามีพรสวรรค์เหลือเกิน
บทที่ 387 หัวหน้ามีพรสวรรค์เหลือเกิน
เสี่ยวเถียนไม่คิดว่าลุงแกจะโกรธขึ้นมา ยิ่งมองหน้างุนงงของพี่ เธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ ลุงคนนี้คงอารมณ์ไม่ดีสินะ ทำไมต้องหงุดหงิดกับไอ้แค่ประโยคเดียวด้วยล่ะ?
แต่ไม่รู้โส่วเวินคิดอะไรถึงได้หน้าแดง
“ลุงครับ มันไม่ใช่…” โส่วเวินไม่ใช่คนพูดเก่ง เขารีบโบกมือปฏิเสธ
ไม่ทันได้พูดจบ อีกฝ่ายก็ขัดจังหวะ
“จริงไม่จริงฉันไม่รู้ ไอ้หนุ่ม กลับไปก่อนเถอะ หัวหน้าหลี่ไม่ใช่คนแบบนั้น!”
ชายชรามองสองพี่น้อง ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “น้องสาวเธอสวยนะ แต่เพิ่งจะอายุเท่าไรเอง? อย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้าเจอคนคิดไม่ดีขึ้นมา มันจะทำลายชีวิตน้องไปตลอดชีวิตเลยนะ!”
เสี่ยวเถียนเข้าใจแล้ว นี่ลุงคิดว่าพี่ชายเธอจะยกเธอให้คนอื่นหรือ?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
พี่ใหญ่รักเธอมาก แถมเธอยังเด็กอีก มันเป็นไปไม่ได้
จินตนาการของลุงล้ำเลิศเกินไปหน่อยไหม?
โส่วเวินรู้สึกทนฟังต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไรเลยเถิดอีก
“ลุงเข้าใจผิดแล้วครับ หัวหน้าหลี่กำลังหานักแปลอยู่ น้องสาวผมรู้ภาษาฝรั่งเศส วันนี้เราเลยมาลองทดสอบกันครับ!”
คราวนี้เขารีบพูดอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้โดนขัดอีก
หลังจากฟังจบ สีหน้าของลุงคนนั้นก็อ่อนลงมาก หากแต่สายตายังคงกวาดมองเสี่ยวเถียนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่หลายครั้ง
สาวน้อยรู้ภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่อายุเท่านี้ได้อย่างไรกัน?
พ่อหนุ่มคิดว่าตาแก่แบบเขาโง่สินะ?
“ไอ้หนุ่ม ทำแบบนี้ไม่ได้นะ! น้องสาวเธออายุเท่าไรเอง? จะไปรู้ภาษาฝรั่งเศสได้ยังไง?”
ลุงคนนี้เป็นพวกตีหม้อแล้วค่อยถาม*[1]
“ลุง หนูรู้ภาษาฝรั่งเศสจริง ๆ ค่ะ หนูชอบเรียนหนังสือ แถมสอนภาษาฝรั่งเศษให้พี่ชายได้ด้วย!”
โส่วเวินเหมือนโดนฮุคอย่างหนัก ทว่าก็เข้าใจได้
ที่เสี่ยวเถียนพูดก็ถูก ความก้าวหน้าในช่วงหลายวันมานี้เพราะได้เสี่ยวเถียนสอนไม่ใช่หรือ?
“ใช่ครับลุง น้องผมเป็นเด็กฉลาดและก็เรียนเก่งตั้งแต่เด็กครับ เธอเก่งที่สุดในบ้านของเราเลยครับ”
เสี่ยวเถียนแค่พูดเล่นเฉย ๆ แต่ไม่คิดว่าโส่วเวินจะยอมรับแบบนี้
“จริงหรือ?” ลุงแปลกใจมาก
แต่ดูสองคนนี้ไม่น่าจะล้อเล่นนะ ท่าทางของพวกเขาน่าเชื่อถือมากเลยด้วย
“หัวหน้าหลี่ยังไม่มา พวกเธอรอก่อนแล้วกัน”
แต่ทันทีที่พูดจบก็เงยหน้ามาเจอหัวหน้าหลี่ที่เพิ่งขี่จักรยานมาถึง เขายิ้มออกมา “พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเลยหรือ?”
โส่วเวินมองไปยังทิศทางสายตาของอีกฝ่ายก็เห็นเป็นหัวหน้าหลี่ที่พบเมื่อวานนี้ และอีกฝ่ายเองก็ไม่คิดว่าเช้าตรู่ขนาดนี้จะมีคนมารออยู่ด้านนอกโรงงานเช่นกัน
เขามองไปที่ลุงเจ้าหน้าที่ “ลุงโจว เกิดอะไรขึ้นหรือครับ? สองคนนี้เป็นใครน่ะ?”
“เขาบอกว่าพูดภาษาฝรั่งเศสได้ครับ เลยมากหาคุณน่ะ!” ชายชรารีบแนะนำ “พ่อหนุ่มคนนี้บอกว่าเจอคุณเมื่อวานน่ะครับ”
หัวหน้าหลี่มอง แน่นอนว่าเขาจำโส่วเวินได้
“พ่อหนุ่ม ฉันจำเธอได้ เมื่อวานพูดเองไม่ใช่หรือว่าไม่ตรงกับข้อกำหนดของเราน่ะ?”
พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วเขาก็รู้สึกเสียใจ เด็กคนนี้แปลได้ดีที่สุดในบรรดาคนที่มาทดสอบเมื่อวานเลย น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าใจคำศัพท์ทางเทคนิคพวกนั้นสักนิด
“ใช่ครับ หัวหน้าหลี่” โส่วเวินรีบตอบ
“ถ้าหลังจากนี้ถ้ามีเอกสารอะไรที่เหมาะกับเธอ ฉันจะไปหาเธอนะ!”
หัวหน้าหลี่เป็นคนใจดี เขาพูดกับโส่วเวินด้วยรอยยิ้ม ถึงคนหนุ่มสาวในตอนนี้จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว แต่มีหลายคนมากที่ไม่ได้มีความสามารถจริง ๆ แถมยังขยันไม่เท่าพ่อหนุ่มตรงหน้าเขา
“คืองี้ครับหัวหน้าหลี่ คนที่ผมพามาคือน้องสาวของผม เธอเป็นคนสอนภาษาฝรั่งเศสให้ผมด้วย ไม่งั้นให้น้องสาวผมลองได้ไหมครับ?” โส่วเวินว่า
จากนั้นหัวหน้าหลี่ก็สังเกตว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่งอยู่ข้างชายหนุ่ม
เสี่ยวเถียนมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม หน้าตาน่ารักสุดจะพรรณนา
แต่ไม่ว่าจะน่ารักแค่ไหน แต่เขาไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
“น้องสาวเธอเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง? พ่อหนุ่ม ซื่อสัตย์หน่อย!”
โส่วเวินหน้าแดง เขารีบพูดทันที “หัวหน้าหลี่ ผมพูดจริงนะครับ น้องเป็นคนสอนผมเองเลย”
เสี่ยวเถียนรู้ว่าสถานะเธอในตอนนี้ไม่มีทางได้รับความไว้วางใจจากคนอื่นแน่นอน
เธอยิ้มสดใส “หัวหน้าหลี่ หนูชื่อซูเสี่ยวเถียนค่ะ ครูของหนูชื่อฉือเก๋อ หนูเป็นลูกศิษย์ของเขาค่ะ!”
หัวหน้าหลี่เอ่ยซ้ำ “สาวน้อย ฉันจำชื่อเธอได้แล้ว เธอชื่อซูเสี่ยวเถียน มีครูชื่อฉือเก๋อ รีบไปเล่นเถอะ โรงงานเราไม่ใช่ที่ให้วิ่งเล่นนะ…”
พอพูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ ก็ตระหนักบางอย่างขึ้นได้ “อ๊ะ!… สาวน้อย เธอบอกฉันว่าครูชื่ออะไรนะ?”
เสี่ยวเถียนยังมีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่ “ครูชื่อฉือเก๋อค่ะ ได้ยินว่าเขาเก่งมาก หนูก็คิดเหมือนกันว่าเขาเก่งมากค่ะ!”
เธอพูดไปด้วย พึมพำไปด้วย ช่วยไม่ได้นี่หว่า
เธอจะพูดออกไปตรง ๆ ได้อย่างไรว่าเรียนเองน่ะ?
ถ้าหัวหน้าหลี่เชื่อก็บ้าแล้ว
“สวรรค์ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอศิษย์ของคุณฉือ มา ๆ พวกเราไปที่สำนักงานกัน!”
ท่าทีและน้ำเสียงของหัวหน้าหลี่เปลี่ยนไปทันที
ศิษย์ของคุณฉือเลยนะ!
พรหมลิขิตโดยแท้!
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เธอเป็นเด็กที่ฉือเก๋อชอบด้วย ไม่ธรรมดาแน่นอน
เหมือนเธอจะอายุสิบกว่าปีนะ น่าจะไม่ธรรมดาจริง ๆ
สองพี่น้องตามหัวหน้าหลี่ไปที่สำนักงาน
เขารินชาให้ทั้งสองด้วยความสุภาพ
โส่วเวินถอนหายใจ ท่าทางการปฏิบัติต่างจากเมื่อวานมาก!
เสี่ยวเถียนเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์จริง ๆ
เธอคิดจะใช้วิธีนี้เพื่อขอการอนุมัติจากหัวหน้าหลี่
อันที่จริงนี่ก็เป็นวิธีที่ง่ายสุดแล้ว
“พวกเราไม่ดื่มชาค่ะหัวหน้าหลี่ ไม่งั้นเอาเอกสารมาให้หนูก่อนไหมคะ จะได้แปลให้ดูค่ะ?”
เสี่ยวเถียนไม่อยากเสียเวลา เลยเอ่ยจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ออกมาตรง ๆ
หัวหน้าหลี่รีบตอบด้วยรอยยิ้ม “อันนี้คือเอกสารของเมื่อวานนะ!”
อันที่จริงเขาไม่มีเอกสารอื่นแล้ว มีแค่ฉบับนี้ที่เป็นภาษาฝรั่งเศส อีกแผ่นแปลเป็นภาษาจีนไว้เสร็จแล้ว
เสี่ยวเถียนรับมาแล้วอ่านอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“หัวหน้าหลี่ หนูขอใช้โต๊ะ กระดาษ แล้วก็ปากกาได้ไหมคะ?”
“ได้สิ ๆ ใช้ได้เลย” หัวหน้าหลี่รีบตอบ แถมยังไม่ลืมทักทายโส่วเวินด้วย
“เธอเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงใช่ไหม? เรียนคณะภาษาต่างประเทศหรือ?”
โส่วเวินเป็นปลื้มมาก เขารีบตอบทันที “ไม่ใช่ครับหัวหน้าหลี่ ผมแค่สนใจภาษาต่างประเทศก็เลยเรียนเพิ่มเติมครับ แต่คนเก่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด คุณว่าไหมครับ?”
“ตอนนี้เด็กแบบเธอมีน้อยเกินไป แต่ไม่คิดจริง ๆ ว่าอายุเท่านี้จะรู้ถึงความหมายที่ว่าคนเก่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดด้วย”
ว่าจบเขาก็ถอนหายใจ “พวกคนรุ่นเก่าตั้งใจทำงานหนัก ยอมเรียนหนังสือด้วย แต่คนหนุ่มสาวในตอนนี้เหลาะแหละทั้งนั้น!”
หัวหน้าหลี่รู้ดีว่าสาเหตุของสถานการณ์ในตอนนี้เกิดจากนิสัยที่สั่งสมมาหลายปีนี้ และมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน
*[1] เปรียบว่า เวลาจะสืบอะไรจะต้องถามถึงต้นตอ