เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 39 ก้อนทอง
บทที่ 39 ก้อนทอง
บทที่ 39 ก้อนทอง
เหล่าพี่น้องตระกูลซูลงจากภูเขาพร้อมกับตะกร้าเล็กใหญ่ ระหว่างทางก็เจอเด็กอีกสองสามคนซึ่งขึ้นเขาไปถอนหญ้าเช่นกัน
ซูอู่ร่างมองเด็กพวกนี้อย่างระแวดระวัง และเด็กเหล่าก็ไม่เห็นสิ่งอื่นนอกจากวัชพืชที่พวกเขาเก็บมา
ดูเหมือนว่าสองวันนี้ไม่ใช่เพราะเขาพบเห็ดเยอะ หากแต่พวกเขาที่โชคดีต่างหาก
หลังจากเดินมาถึงเชิงเขา ซูซื่อเลี่ยงก็พาพี่น้องคนอื่น ๆ เอาวัชพืชไปส่งให้กับทีมฝ่ายผลิตเพื่อคำนวณคะแนนการทำงาน
ทิ้งไว้แค่วัชพืชตะกร้าหนึ่งกองและบอกว่าจะเอากลับไปเป็นอาหารให้หมูกิน แล้วให้ซู่อู่ร่างพาน้องเก้ากับน้องเถียนแบกกลับบ้านไป
อันที่จริงมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตะกร้าใบนี้ไม่ได้มีแค่หญ้าที่เป็นอาหารของหมูเท่านั้น แต่ยังมีเห็ดและเผียวเอ๋อร์ด้วย
ถึงเด็ก ๆ ของตระกูลซูจะอยากกินเผียวเอ๋อร์ขนาดไหน แต่ก็ทำได้เพียงล้างอย่างระมัดระวังแล้วใส่ลงในหม้อ ทั้งยังไม่มีใครแอบกินด้วย
ไม่นานเวลาเลิกงานก็มาถึง
คุณย่าซูกลับมาถึงบ้านก็มุ่งหน้าไปที่ห้องครัวอันดับแรกเพื่อทำอาหาร แล้วก็เห็นกองเห็ดอยู่บนพื้นและเผียวเอ๋อร์ครึ่งหนึ่งในหม้อบนเตา
เธอตระหนกตกใจ
“มาจากไหนกันเนี่ย?” น้ำเสียงของคุณย่าซูเปลี่ยนไป
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ราชามังกรจะรู้สึกว่าส่งเงินกับตั๋วมาให้ไม่พอก็เลยส่งเห็ดกับผลไม้ป่ามาให้เพิ่มอีกน่ะ?
“คุณย่าครับ พวกเราเก็บมาเองครับ” น้องเก้าจ้องมองเผียวเอ๋อร์แล้วพูดขึ้น
ครั้นเมื่ออยู่บนเขา ซูจิ่วเหลียนกินไปแล้วสองลูกและไม่ได้กินมันอีก อยากกินจังเลยน้า น้ำลายจะไหลอยู่แล้ว
แต่น้องเถียนกลับบอกว่ารอคนที่บ้านกลับมาก่อนแล้วค่อยกิน เขาก็เลยอดทนสุดชีวิต! ใกล้จะทนไม่ไหวแล้วทำอย่างไรดีล่ะ?
“หลานไม่ได้โกหกใช่ไหม?”
เก็บมา? ขึ้นเขาอยู่ทุกวันไม่รู้ตั้งกี่คน ไม่ยักจะเห็นว่าคนอื่น ๆ จะเก็บของดีขนาดนี้มาเลย?
เด็ก ๆ ที่บ้านก็เหมือนลิงบนเขา คุ้นเคยกับถิ่นที่แถวนี้มาก แล้วเหตุใดไม่เห็นจะเอาของดี ๆ มาให้บ้างเลยล่ะ?
“จริง ๆ นะ คุณย่า! ผมกับน้องเถียนไปเก็บด้วยกัน ผมว่าน้องเถียนเดินไปไหนก็มีเห็ดโตที่นั่น!” น้องเก้าพูดอย่างไม่พอใจ
คุณย่าซูร่างกายโซเซด้วยความตกใจ เกือบจะยืนไม่อยู่
ราชามังกรรักน้องเถียนบ้านเธอขนาดนั้นเลยหรือ? เขาถึงส่งของมาให้ตรง ๆ เช่นนี้?
ไม่ ๆ ไม่จริงหรอกน่า น้องเก้าพูดไร้สาระไปเองเท่านั้น
เพราะเด็กคนนี้อายุยังน้อย จึงไม่รู้ว่าการพูดออกมาเช่นนี้จะส่งผลอย่างไร
“น้องเก้า เรื่องนี้พูดไม่ได้นะ ถ้าคนได้ยินเข้าจะจับเถียนเถียนไป!” คุณย่าซูทำให้หลานชายตกใจ
เมื่อน้องเก้าได้ยินคำพูดของคุณย่าซูก็ตกใจจนหน้าซีด เขารีบปิดปากแน่น จ้องไปที่คุณย่าซูด้วยดวงตาหวาดกลัวที่เบิกกว้าง ไม่พูดอะไรสักคำ
ลูกสะใภ้ทั้งสามของตระกูลซูเข้ามาเห็นฉากนี้พอดี
“น้องเก้า หนูเป็นอะไรไป?” ฉีเหลียงอิงถามลูกชายที่มีท่าทางหวาดกลัว
แต่เพราะน้องเก้าหวาดกลัวจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา และได้แต่ส่ายหัวให้แม่ของตน
ฉีเหลียงอิงมองแม่สามีแล้วก็มองไปที่น้องเก้าอย่างไม่เข้าใจ
“คุณแม่คะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“เด็กพูดไปเรื่อยน่ะ ฉันพูดบางอย่างไป เขาเลยตกใจ” เมื่อเห็นสีหน้าของหลานชายคุณย่าซูก็ยิ้ม
เมื่อเห็นว่าแม่สามีไม่ได้โกรธ ฉีเหลียงอิงยิ่งแปลกใจ คำพูดแบบไหนที่ทำให้น้องเก้ามีสีหน้าเช่นนี้กัน
“น้องเก้า หนูพูดว่าอะไร?”
น้องเก้าเอ่ยเสียงแผ่วเบา “พูดไม่ได้ ๆ ถ้าพูดแล้วน้องสาวจะโดนจับไปครับ!”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ฉีเหลียงอิงเท่านั้น แต่เหลียงซิ่วและหวังเซียงฮวาก็อยากรู้ไม่แพ้กัน น้องเก้าพูดอะไรออกมาถึงจะทำให้เสี่ยวเถียนโดนจับตัวไป?
“เด็กดี เอาชามออกไปหาพวกพี่ ๆ แล้วกินด้วยกันไป” คุณย่าซูยิ้ม ก่อนจะส่งชามใส่เผียวเอ๋อร์ให้กับเด็กตรงหน้า
น้องเก้ามองเผียวเอ๋อร์ด้วยความกระหายอยู่นาน เขามีความสุขมากจนลืมปิดปาก ก่อนจะวิ่งถือชามออกไปอย่างเบิกบานใจ
ตอนนั้นเองที่ซูเสี่ยวเถียนวิ่งเข้ามาจากด้านนอก และดึงแขนเสื้อคุณย่าซูให้เดินออกไป
คุณย่าซูไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็ยังเดินตามหลานสาวออกไป
ซูเสี่ยวเถียนดึงคุณย่าซูเข้าไปในห้องโถง
“เด็กคนนี้ ทำไมเอาแต่ใจอีกแล้ว” เหลียงซิ่วเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้
ในครอบครัวมีเด็กผู้หญิงอยู่คนเดียว จึงถูกคุณย่าตามใจจนเคยตัว
“คุณแม่รักเสี่ยวเถียนที่สุด และน้องเถียนก็ใกล้ชิดกับคุณแม่มากที่สุด ตัวพี่ที่เป็นแม่ใหญ่อิจฉาจะตายอยู่แล้ว” หวังเซียงฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พี่สะใภ้ใหญ่อย่าไปแย่งกับแม่เลย คนที่แม่ให้ความสนใจมากที่สุดคือน้องเถียนนะ”
ฉีเหลียงอิงรู้สึกขมขื่นในอยู่เล็กน้อย แต่ใครใช้ให้เธอไม่มีลูกสาวแล้วเป็นลูกชายสามคนกันเล่า?
หวังเซียงฮวายิ้มสดใส ซ้ายขวามีแต่เด็ก ๆ ก็จริง แต่ไม่ได้ป้องกันเธอจากความรู้สึกปวดใจเลย
“พวกพี่ว่าน้องเก้าพูดอะไรคะ? ทำไมคุณแม่ถึงขู่หลานแบบนั้น?”
หลังจากหัวเราะ เหลียงซิ่วพลันสงสัย
“นอกจากเห็ดกองนี้แล้วยังมีเผียวเอ๋อร์อีก…” ในหัวหวังเซียงฮวาประกายวาบ ก่อนเธอจะพูดออกมา
เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่น้องเก้าพูดจะเกี่ยวกับเห็ด?
สะใภ้ทั้งสามมองหน้ากัน
ช่วงนี้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในบ้าน ดูเหมือนจะมีสิ่งดี ๆ ออกมาเพียบเลย
ครั้งก่อนที่ถามก็ถูกแม่สามีโกรธ อีกทั้งยังไม่บอกอะไรเธออีกต่างหาก
ถึงเห็ดจะหายากแต่บนเขายังมีอยู่ ตรงกันข้ามกับพวกเส้นและเนื้อเลย ไม่รู้ว่ามันออกมาจากไหน
หรือมันเกี่ยวกับเสี่ยวเถียน?
แต่เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก จะไปเอาของพวกนี้มาจากไหนล่ะ?
“ถามเด็กคนอื่น ๆ ดีไหม?” ฉีเหลียงอิงว่า
ถึงน้องเก้าจะแก่กว่าเถียนเถียนสองปี แต่มีความเป็นพี่มาก เรื่องที่เกี่ยวกับน้องสาวคิดว่าคงถามไม่ได้
“ลูกคนกลางแล้วกัน หนูจะถามน้องห้าเอง” เหลียงซิ่วกล่าว
ถ้าเกี่ยวกับลูกสาว เธอจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
ที่ห้องโถง
“หลานรักของย่า ลากย่ามาในห้องทำไมกัน? อยากกินลูกกวาดเหรอ?” คุณย่าซูถามอย่างใจดี
“คุณย่าขา หนูมีของดี ๆ ให้ด้วย” ซูเสี่ยวเถียนกระซิบ
“ราชามังกรให้อะไรหนูมา?” คุณย่าซูกระซิบตอบกลับ
“คุณย่า หนูเจอก้อนทองบนเขา!” น้ำเสียงเธอยิ่งเบาลงไปอีก
เธอรู้สึกว่าน้ำหนักของก้อนดินมันแปลกไป เลยถือกลับมาด้วย
ครั้นกลับมาถึงบ้านก็นึกขึ้นมาได้ และรีบนำมันไปล้างทันที
ใครจะไปรู้ว่าหลังจากล้างจนสะอาดก็พบว่ามันเป็นทองก้อนหนึ่ง
คุณย่าซูคิดว่าตนเองกำลังอยู่ในอาการสับสน เหตุใดถึงเริ่มฝันได้เล่า?
“เสี่ยวเถียน หนูพูดโกหกไม่ได้นะ?”
“คุณย่า ดูซี่!” พูดจบก็หยิบทองคำขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารกออกมาจากกระเป๋าเสื้อจริง ๆ
คุณย่าซูกระซิบคำว่าสวรรค์ออกมา แล้วนั่งลงบนเตียงเตา
“คุณย่ามันคือทองจริง ๆ นะ”
คุณย่าซูหยิบก้อนทองในมือของซูเสี่ยวเถียนอย่างสั่นเทิ้ม มองดูอยู่นานแล้วลองใช้ฟันกัด
“มันเป็นของจริง!”
น้ำเสียงของเธอสั่นพร่า ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก
มือที่ถือก้อนทองสั่นทวีคูณ
ทองคำเอ๋ย ยายแก่คนนี้อยู่มาครึ่งชีวิตเคยเห็นแค่ครั้งเดียว แต่ไม่เคยได้สัมผัสเลย ไม่คิดว่าตอนนี้มันจะอยู่ในฝ่ามือของเธอ
สวรรค์ ชีวิตนี้ถูกเติมเต็มสมบูรณ์แล้ว! ต่อให้ตายตอนนี้ก็ไม่เสียใจ
“คุณย่าคะ!” ซูเสี่ยวเถียนกระซิบ
คุณย่าตื่นเต้นขนาดนี้จะไม่ให้เธองงได้อย่างไร?
คุณย่าซูพยายามมองอย่างเต็มที่ เธอคิดว่าแค่เห็ดกับเผียวเอ๋อร์ก็น่าประหลาดใจแล้ว แต่ตอนนี้เธอพึ่งรู้ว่ามันเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น!
“หลานรัก ทำไมหนูโชคดีถึงเพียงนี้?”