เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 394 ร่ำรวย
บทที่ 394 ร่ำรวย
บทที่ 394 ร่ำรวย
เสี่ยวเถียนมองออกว่าเจ้าของร้านไม่ได้เห็นค่าของสิ่งของชิ้นนี้มากนัก ก็เลือกจะคว้าของสิ่งนี้มาแค่นี้ก็พอแล้ว อย่าสร้างเรื่องอีกเลย
เธอได้ของสองชิ้นมาในราคาสามหยวน จากนั้นก็เดินสำรวจไปรอบ ๆ ค่อยสอดส่องมองหาเป้าหมายต่อไป
เจ้าของร้านรู้สึกแปลกเล็กน้อย สาวน้อยซื้อของเสร็จแล้วแท้ ๆ ทำไมยังไม่รีบกลับบ้านไปอีกล่ะ? ทว่าเขาก็ไม่ได้คิดสิ่งใดมาก ใต้หล้ากว้างใหญ่ ย่อมมีคนหลากหลายประเภท
ไม่แน่ฐานะทางบ้านเด็กคนนี้อาจจะดีจริง ๆ ก็ได้ เลยไม่ได้สนใจเงินสามหยวนนั้นมากนัก
เสี่ยวเถียนเดินต่อไปข้างหน้า ท่าทางดูสงบนิ่งมาตลอดทาง ดวงตาคู่สวยมองซ้ายแลขวาไปเรื่อย ๆ
ท่ามกลางผู้คนในวัยกลางคนและสูงอายุ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ในไม่ช้าสายตาของเด็กหญิงก็เจอเข้ากับของดีอีกชิ้น
อันนี้คือของดีจริง ๆ นะ
มันคือเครื่องเคลือบสามสี*[1] ตัวม้ามีสีเขียวเหลือง
สูงประมาณครึ่งชุ่น
น่าจะถูกฝั่งอยู่ใต้ดินมานาน จึงเต็มไปด้วยฝุ่นเขรอะ เสี่ยวเถียนกวาดสายตามองไปที่เจ้าของร้าน พบว่าอีกฝ่ายเป็นชายชราในวัยหกสิบเศษ
ซูเสี่ยวเถียนคลี่ยิ้มหวาน “คุณปู่คะ ม้าปั้นตัวนี้สวยมากเลยค่ะ!”
ชายชรากอดอกและจ้องซูเสี่ยวเถียน พอเห็นว่าเป็นเด็กสาวอายุไม่กี่สิบปี แต่งตัวธรรมดา ๆ เลยรู้สึกไม่ค่อยยินดีนัก เป็นแค่เด็กหญิงคนหนึ่งจะไปมีเงินได้อย่างไรกัน?
เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง จะไปมีเงินได้อย่างไร?
“ไปไป๊! ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้เธอมาวิ่งเล่นนะ!” เขาพูดอย่างหมดความอดทน
“คุณปู่ หนูชอบม้าปั้นตัวนี้ค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนย้ำอีกครั้ง
“ถ้าชอบก็ให้ผู้ใหญ่ที่บ้านเอาเงินมาจ่าย”
ชายชราพูดจาไม่มีความสุภาพเลยสักนิด
เสี่ยวเถียนรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเอาเสียเลย แต่ก็รู้ว่ามันปกติถ้าอีกฝ่ายจะตอบสนองเช่นนี้
ใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะพกเงินมาเดินถนนโบราณด้วยล่ะ ไม่มีใครคิดว่าเด็กคนนี้จะพกเงินมาซื้อของเล่นหรอก
“คุณปู่ บอกหนูได้ไหมคะว่าม้าปั้นราคาเท่าไร?”
ชายชราไม่คิดเลยว่าเด็กสาวที่ดูธรรมดาจะถามว่าเครื่องเคลือบสามสีตัวม้าราคาเท่าไร โชคดีที่ตอนนี้หน้าร้านไม่มีลูกค้าคนอื่น เขาลอบสำรวจซูเสี่ยวเถียนและเอ่ยปากตอบ
“ราคาไม่ใช่ถูก ๆ นะ ฉันเห็นว่าเธอเป็นเด็กจะไม่โกหกเธอก็แล้วกัน ราคาหกหยวน ถูกกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
ราคาหกหยวนถือว่าถูกมาก ๆ อาจจะบอกได้เลยว่าทำกำไรได้อย่างมหาศาลเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ต่อราคาจะต้องรู้สึกเสียใจมากแน่ ๆ
“ห้าหยวนได้ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนถาม
“ห้าหยวนก็ได้ ถ้าเธอซื้อตอนนี้ฉันให้เลย!”
เหตุผลที่เขาใจกว้างขนาดนี้เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เสี่ยวเถียนจะมีเงินห้าหยวนมาจ่าย
ขณะที่กำลังมองอย่างเพลิน ๆ เด็กสาวก็รีบหยิบเงินออกมาจากกระเป๋านักเรียนอย่างรวดเร็ว
“นี่ค่ะคุณปู่ ห้าหยวน เงินที่พ่อหนูให้เป็นของขวัญ หนูชอบม้าปั้นตัวนี้มาก”
คุณปู่ตกใจ แต่ในใจกลับยินดียิ่ง
เด็กคนนี้โง่จริง ๆ ของมันราคาแค่หนึ่งหยวนเอง
แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า จริง ๆ แล้วเสี่ยวเถียนรู้ราคาของมันนะ แต่กลัวว่าเรื่องราวต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปในภายหลัง เลยอยากจะเก็บของชิ้นนี้ไว้
“สาวน้อย ให้เงินฉันแล้วก็อย่าให้ผู้ปกครองที่บ้านมาสร้างปัญหาให้ฉันล่ะ!”
เขาขายของชิ้นนี้ในราคาห้าหยวน คนที่บ้านของเด็กคนนี้อาจจะมาบอกว่าเขารังแกเด็กก็ได้ แค่ทรมานมันไม่พอหรอก
เสี่ยวเถียนพยักหน้าอย่างหงึกหงัก “พ่อบอกว่าเงินเป็นของหนูแล้วค่ะ จะทำอะไรก็ได้”
ว่าจบเธอก็ยื่นเงินให้อีกฝ่าย แล้วกอดม้าปั้นตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนราวกับหวงแหนมาก
ชายชราถือเงินห้าหยวนอย่างมีความสุข ท่าทางตื่นเต้นไม่ต่างไปจากเสี่ยวเถียนในตอนนี้เลย
เขาหาเงินได้มากกว่าสามหยวนอีก เท่ากับรายได้ปกติของธุรกิจทั่วไปเลย จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร?
“คุณปู่ หนูไปแล้วนะ!” ว่าจบก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเถียนสับขาอย่างไวราวกับเหาะเหินในสายลม เธอไม่ลดความเร็วลงสักนิดกระทั่งเลี้ยวหัวโค้ง
ทำไมต้องช้าด้วยล่ะ?
อุตส่าห์ได้เห็นของดีทั้งที! ที่เธอเห็นคือตุ๊กตาปั้นตัวดำเมี่ยม ฝุ่นเขรอะจนดูเหมือนก้อนเหล็ก
ก่อนจะตระหนักได้ว่ามันน่าจะเป็นคากคงสีทอง ถึงจะไม่รู้อายุที่แน่นอน แต่ถ้ามันเป็นสีทองก็ถือว่าทำเงินได้
ต้องบอกว่าคนขายแผงลอยส่วนใหญ่บนถนนโบราณไม่รู้เรื่องของเก่าเท่าไรนัก ดีสุดเลยนะก็แค่เคยทำงานที่ร้านขายของเก่าตอนยังหนุ่ม ๆ ความรู้ก็เลยไม่พอ
เรื่องหลอกคนมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อเจอเสี่ยวเถียนก็เป็นฝ่ายโดนหลอกแทน เธอต่อรองราคาตรง ๆ และรับคางคกทองคำมาในราคาสองหยวน
ความจริงเธออยากหาของอีกเล็กน้อย แต่เดินมาจนสุดทางแล้วน่ะสิ เสี่ยวเถียนหันกลับไปมองด้วยความเสียใจ ทำไมถนนสายนี้สั้นจังเลยนะ?
แต่เหมือนวันนี้จะได้อะไรเยอะเลยนะ
เธอตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะมาบ่อย ๆ แต่ต้องปิดบังตัวตนสักหน่อยแล้ว
เธอกลับบ้านอย่างมีความสุขพร้อมกับสมบัติสามชิ้นที่หามาได้ในวันนี้
เสี่ยวเถียนกดความตื่นเต้นไว้ไม่ได้เลย มุมปากยกยิ้มมาตลอดทาง คราวนี้เธอจะไม่ขายแล้ว แต่จะเอากลับบ้านไปให้คนที่บ้านได้เห็น
ตอนซูเสี่ยวเถียนกลับมาถึงบ้าน คุณปู่คุณย่าบุญธรรมกำลังคุยกันอยู่
“เสี่ยวเถียนกลับมาแล้วหรือ? ย่าบอกแล้วไงว่าจะไปด้วย แต่หลานก็ออกไปคนเดียวเนี่ย!” อวี่รุ่ยหยวนพูดแกมบ่น แต่ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิ
“คุณย่า หนูโตแล้วนะ” เด็กสาวตอบอย่างจริงจัง แต่ในสายตาผู้ใหญ่นั้นเหมือนภาษาของเด็ก
สองสามีภรรยาตู้มองหน้ากันแล้วยิ้ม พวกเขาคิดว่าคำพูดของเธอตลกมาก
เสี่ยวเถียนหยิบสมบัติสามชิ้นที่เพิ่งไปหามาเมื่อครู่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนวางลงบนโต๊ะ
คนทั้งสองไม่แปลกใจที่หลานเอาของแปลก ๆ ออกมา
“เสี่ยวเถียน ไปหาสมบัติที่ถนนโบราณมาหรือ?” อวี่รุ่ยหยวนถามด้วยรอยยิ้ม
เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ หนูไปหาสมบัติมา”
“แล้วเจอไหม?” ตู้ถงเหอถามพลางส่งยิ้มให้หลาน
เด็กคนนี้อยากจะรวยอยู่เสมอเลย บนโลกนี้จะมีโชคลาภมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?
ถ้าไปที่นั่นแล้วเจอสมบัติจริง ๆ ทุกคนไม่รวยกันหมดแล้วหรือ?
“เจอค่ะ คุณปู่ดูสิ!”
เธอดันของที่เอาออกมาวางให้อีกฝ่ายดู ชายชรายิ้ม และเมื่อเขาหยิบเครื่องเคลือบสามสีตัวม้าขึ้นมา ใบหน้าก็เปล่งประกายขึ้นในทันที
เหมือนจะเรื่องจริงนะ!
“เสี่ยวเถียน ไปได้มาจากไหนหรือ?”
เขาไม่เชื่อว่าของพวกนี้จะมีขายที่ถนนโบราณ สถานที่แห่งนี้ โดยเฉพาะแผงลอยด้านนอกมันจะขายของไว้หลอกคนผ่านไปผ่านมาเสมอ
*[1] เครื่องเคลือบสามสี เป็นงานหัตถกรรมในสมัยราชวงศ์ถัง เครื่องเคลือบในราชวงศ์นี้จะเป็นแบบดินเผา มีหลายสีและหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นตัวม้าเพราะคนสมัยนั้นนิยมชมชอบม้า ต้นกำเนิดของมันเป็นไปได้มากว่าพัฒนามาจากเครื่องปั้นดินเผาที่เคลือบสีเขียวและสีเหลืองจากสมัยราชวงศ์ฮั่น สิ่งนี้ทำขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องฝังไปกับคนตาย จัดเป็นของล้ำค่าและหายากมากในทางมรดกศิลปะของจีน