เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 402 สาวน้อยรู้งานดีจริง ๆ
บทที่ 402 สาวน้อยรู้งานดีจริง ๆ
บทที่ 402 สาวน้อยรู้งานดีจริง ๆ
เมื่อรู้สึกว่าสถานที่ข้างนอกไม่ต่างจากกันมาก เสี่ยวเถียนไม่คิดจะเสียเวลาต่อไป และลงจากรถทันที
รถประจำทางรอบนี้มีน้อย ภายในครึ่งชั่วโมงมีรถมาแค่คันเดียว
ตอนนี้เราอยู่ไม่ห่างไปจากป้ายรถมากนัก หลังจากรถคันนี้จอดที่ป้ายก็จะพักและกลับมาในอีกประมาณสิบนาที ถ้าจัดการคนพวกนี้ได้ทันเวลา ก็อาจจะขึ้นรถกลับไปได้
ไม่งั้นต้องรอรอบหน้าเลย
เสียเวลามาก!
หลาย ๆ คนประหลาดใจที่เห็นเสี่ยวเถียนลงจากรถ เพราะตรงนี้มันไม่มีอะไรเลยสักอย่าง จากนั้นคนกลุ่มนั้นก็ตามลงมาทันทีอย่างไม่ลังเล
คนขับแปลกใจที่เห็นคนจำนวนมากลงจากรถพร้อมกันในที่ห่างไกลแบบนี้
“แปลกจัง ปกติลงแค่คนสองคนก็ยากแล้วนะ ทำไมครั้งนี้ลงกันเยอะจัง?”
แม้แต่คนรอบ ๆ ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความประหลาดนี้ สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลยนะ
“คนขับหวาง เมื่อกี้สาวน้อยเธอเพิ่งลงจากรถ แล้วคนอื่น ๆ ก็ตามลงไปด้วยน่ะ”
คนเก็บตั๋วเป็นผู้หญิงหน้ากลม ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จู่ ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
คนพวกนั้นดูไม่เหมือนคนดีเลย น่าจะเป็นพวกอันธพาล การที่ตามเด็กผู้หญิงคนนั้นไปไม่น่าใช่เรื่องดีแน่!
คนขับเหลือบมองกระจกมองหลัง ก่อนจะเห็นเด็กสาวที่เดินไปไกลพร้อมกับพวกอันธพาลที่ตามหลังอยู่ห่าง ๆ เขาจึงเหยียบเบรกทันที
“ลุงคนขับ ผมขอแนะนำว่าอย่าไปยุ่งเลย หน้าที่คุณคือคนขับรถนะ ไม่ใช่ตำรวจ!”
คนบนรถเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ คนขับรถลังเลอยู่เล็กน้อย เขาเองก็อยากช่วยคนเหมือนกัน แต่มันก็เหมือนที่ชายคนนั้นว่านั่นแหละ เขาเป็นแค่คนขับรถ
ผู้หญิงที่อุ้มลูกก็รีบพูดทันที “ใช่แล้วค่ะลุง พวกเรารอกลับบ้านอยู่นะ จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม”
พอมีคนนึงค้านขึ้นมา ก็ตามด้วยคนที่สอง
ถึงจะไม่เห็นว่าคนบนรถเป็นพวกคนเลว แต่มันเป็นสันดานของมนุษย์อยู่แล้วที่จะมุ่งหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงอันตราย
ทุกคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เหมือนจะจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กผู้หญิงคนนั้นหากเธอตกอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มไอ้พวกคนเลว!
แต่กับเด็กที่ไม่รู้จัก พวกเขาจะไม่เสี่ยงอันตรายหรอกนะ
“ไปเถอะ ต่อให้คุณลงไปก็เอาชนะคนพวกนั้นไม่ได้หรอก!” มีคนสูงอายุคนนึงเอ่ยขึ้น “บอกตรง ๆ เลยนะ เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งเห็นว่าคนพวกนั้นมีอาวุธด้วย”
คนขับรถลังเล แต่พอมีคนค้านมากขึ้น ทั้งยังไม่คิดจะช่วยด้วยเขาก็รู้สึกกลัว
ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่หลังจากขบคิดแล้วตัวเองไม่มีความสามารถเลย ทักษะการต่อสู้อะไรก็ไม่มี! แล้วถ้าออกไป ก็คงจะโดนผู้ชายพวกนั้นทุบตีแน่นอน
“เสี่ยวหลิว เธอว่าเราควรทำยังไงล่ะ?” คนขับรถถามคนเก็บตั๋วหน้ากลม
อีกฝ่ายได้ยินว่ากลุ่มคนที่ลงไปพร้อมเด็กผู้หญิงมีอาวุธด้วยก็ตกใจกลัว ใบหน้าซีดถึงขนาดพูดจาตะกุกตะกัก
“คนขับหวาง พวกเราไปกันเถอะ คนพวกนี้เราสู้ไม่ได้หรอก!”
ตอนที่เธอพูดพลางเหลือบมองคนอื่น ๆ บนรถด้วย
บนรถเรายังเหลือผู้โดยสารอีกเจ็ดแปดคน มีผู้หญิงอุ้มลูก หญิงสาวสองคน หญิงชรา ชายชราอีกสอง และชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะทำอะไรไม่เป็นด้วย
คนเดียวที่น่าจะช่วยเหลือได้ก็รู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย
เพราะไม่มีใครพึ่งพาได้สักคน ถึงเธอจะอยากช่วยเด็กคนนั้นเหมือนคนขับ แต่ด้วยความสามารถที่มีจำกัดจึงไม่สามารถช่วยได้
ต่อให้พวกเราสองคนไปก็คงจะกลายเป็นเหยื่อแทน!
เธอลอบภาวนาขอให้เด็กคนนั้นเจอคนดี ๆ และให้สถานการณ์เลวร้ายเปลี่ยนเป็นดีด้วย แม้คนขับจะทนไม่ได้ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะขับรถจากไป
เสี่ยวเถียนเดินไปได้สักพักก็เจอที่ที่เหมาะสม
เธอยืนอยู่ที่ด้านล่างของไหล่เขา ก่อนหมุนตัวกลับมา
พวกผู้ชายที่ตามมาข้างหลังตกใจที่จู่ ๆ เป้าหมายก็หันกลับมา
ทำไมถึงหันมาล่ะ?
ตกใจแทบตาย!
พวกเขามองหน้ากันด้วยความตกใจ หรือความลับจะเปิดเผยเสียแล้ว?
ตอนนั้นใครหลาย ๆ คนตื่นตระหนก
แต่แล้วจู่ ๆ พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเรากำลังจะจัดการกับเด็กที่ไร้เรี่ยวแรงจะมัดไก่ด้วยซ้ำ
มีผู้ชายตั้งหลายคน จะกลัวเด็กคนเดียวเชียวหรือ?
เสี่ยวเถียนหัวเราะคิกคัก “ฉันคงสวยสินะ ไม่งั้นพวกนายจะตกใจตอนฉันหันมาทำไมล่ะ?”
พวกเขามองหน้า จากนั้นก็พร้อมใจกันล้อมเสี่ยวเถียนเอาไว้
สาวน้อยคนนี้ไม่รู้เสียแล้วว่าไม่ควรจะล้อเล่นด้วย! วันนี้ต้องสั่งสอนให้เธอได้รับรู้ถึงความเก่งกาจของพวกเรา
เสี่ยวเถียนลอบมองพวกเขาที่เดินเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอเอามือลูบผม มอบรอยยิ้มหวานจ๋อยให้อีกฝ่าย ถึงแม้ว่ารอยยิ้มของเสี่ยวเถียนจะไม่ได้มีร่องรอยการโจมตี แต่มันกลับทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกขนลุกซู่
ถึงรอยยิ้มไม่ได้มีท่าทีว่าจะโจมตี แต่คนเห็นกลับรู้สึกขนลุก
“พี่โก่ว พี่ว่ามันจะเป็นยังไงต่อครับ? ทำไมผมรู้สึกแข้งขาออ่อนแรงไปหมดแล้ว” หนึ่งในนั้นมีความกล้าหาญน้อยที่สุดเอ่ยขึ้น ขาแข้งอ่อนแรงจนขยับไม่ได้
“กลัวอะไรเล่า? พวกเรามีกันตั้งแต่หลายคนจะสู้เด็กคนเดียวไม่ได้หรือไง?”
คนที่เป็นหัวหน้าจ้องเขาก่อนจะด่า “ถ้าแกกลัวก็ออกไปอยู่ข้าง ๆ ไป รอดูพวกเราสนุกแล้วกัน!”
ได้ยินเช่นนั้น ชายขี้ขลาดก็แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนหน้านี้ที่ได้ลิ้มลองสาวน้อยคนนั้นไปเมื่อหลายวันก่อน รสชาติดีมาก
รอบนี้พวกพี่ ๆ บอกว่าจะพาเขามาด้วย เขาดีใจมาก
โดยเฉพาะตอนที่เห็นเป้าหมายเป็นสาวน้อยที่น่ารักกว่าคนก่อน เขาก็ยิ่งมีความสุข
“ผมไม่กลัว ไม่กลัวหรอกครับ!” ชายขี้ขลาดรีบเอ่ย
ชายผู้เป็นหัวหน้าร้องเหอะ หากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
พวกเขาคิดว่าตัวเองพูดเบา จึงคิดว่าเสี่ยวเถียนไม่น่าจะได้ยิน
ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนเป็นคนหูดี ต่อให้อยู่ไกลหรืออยู่ทิศทางทวนลม เสี่ยวเถียนก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
ตอนแรกเสี่ยวเถียนคิดว่าคนพวกนี้จะมาเพื่อเอาเงิน แต่ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าที่เป้าหมายในวันนี้คือคน ไม่ใช่เงิน
จิตใจเธอเริ่มหมุนเหวี่ยง มาอยู่เมืองหลวงได้ไม่นานแท้ ๆ แต่มีคนคิดร้ายแบบนี้กับเธอแล้ว?
คิดจะทำลายชื่อเสียงของเธอในจังหวะที่ไม่เต็มใจด้วย
โชคดีที่เสี่ยวเถียนไม่ใช่เด็กไร้ความสามารถ ถ้าเป็นคนแบบนั้น วันนี้ชีวิตและความบริสุทธิ์ของเธอคงจะหายไปแล้ว
ไม่ต้องคิดอะไรให้แจ่มแจ้ง คนพวกนั้นก็เข้าใกล้เธอแล้ว
“พวกนายอุตส่าห์ตามฉันตลอดทางเลย ลำบากมากเลยสินะ เดี๋ยวฉันจะปลอบโยนให้เอง!”เสี่ยวเถียนกระตุกยิ้มมุมปาก
มันทำให้หลายคนรู้สึกไปชั่วขณะว่าสาวน้อยตรงหน้ารู้งานดีจริง ๆ
“สาวน้อย เป็นเด็กดีแล้วเชื่อฟังนะ จากนี้ไปเธอจะสบายแล้ว!” ไอ้ตัวหัวหน้ายกยิ้มแพรวพราว
เสี่ยวเถียนเกือบจะอาเจียนเมื่อเห็นมัน
ผู้ชายคนนี้คิดว่าตัวเองหล่อและพราวมากไร้คนเทียบเคียงหรือ? ไม่ดูสารรูปตัวเองหน่อยหรือไง!
เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าหลังจากที่คนพวกนี้พบว่าเธอสวยกว่าโจวหรุ่ยซู ตาชั่งในใจก็เอียงทันที
พวกเขาคิดว่าตราบใดที่เสี่ยวเถียนเชื่อฟัง แผนของโจวหรุ่ยซูก็ไม่สำคัญแล้ว
เสี่ยวเถียนในตอนนั้นเจอโอกาสพอดี!
ตอนนี้ล่ะ!
เสี่ยวเถียนหยิบซองบะหมี่พริกป่นออกมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ก่อนจะขว้างออกไป
ตอนนี้ทิศทางที่ลมมารุนแรงมาก พริกป่นในซองพัดไปพร้อมกับสายลมทันที และบะหมี่พริกป่นสีแดงฉานดุจเปลวไฟก็พุ่งเข้าไปหาชายกลุ่มนั้น
ทันใดนั้นเองที่ไอ้คนพวกนั้นพลันรู้สึกว่าดวงตาแสบร้อน อีกทั้งยังจามไม่หยุดอีกด้วย
นี่กะเอาให้ตายเลยสินะ!