เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 406 ศักดิ์ศรีของบะหมี่พริกป่น
บทที่ 406 ศักดิ์ศรีของบะหมี่พริกป่น
บทที่ 406 ศักดิ์ศรีของบะหมี่พริกป่น
คนขับฮวางถอนหายใจเฮือกใหญ่
จากนั้นก็ประหลาดใจที่พบว่าคนพวกนี้เหมือนจะยืนขึ้นไม่ได้!
“ทำไมพวกแกไม่รีบลุกสักที ต้องรอให้พวกฉันเข้าไปประคองหรือยังไง?”
คำพูดของคนขับทำให้ผู้คนรอบ ๆ เกิดอาการสับสน พวกเขาเต็มใจลงไปนอนแบบนั้นหรือ?
หรือจะลุกไม่ได้?
คนอื่น ๆ มีคุณธรรมมากกว่าคนขับจึงเข้าไปช่วยพวกคนตรงหน้า
ตอนนั้นเองที่รู้ได้ว่าสี่คนในนั้นมีคนนึงขาหัก อีกคนมีปัญหาที่เอว
ดีขึ้นมาหน่อยคือคนบนสุด
ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังคงกรีดร้องสุดชีวิตเหมือนกำลังหวาดกลัวมาก
ที่ทำให้ประหลาดใจคือ สองคนข้าง ๆ ไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่ไม่รู้ทำไมถึงร้องไห้แบบนี้!
ยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม?
“มีสัตว์ประหลาดครับ ช่วยพวกเราจับมันที!” พอรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ เหล่าซู่ก็คว้าตามเสียงฝีเท้านั่นเอาไว้
คนที่จับได้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าร้อนรน
“หุบปาก!”
อีกฝ่ายเอ่ยด้วยความโกรธ เขาเป็นคนเดียวกับคนที่ค้านเรื่องนี้ตอนอยู่บนรถ
“ช่วยพวกเราเถอะครับ จับสัตว์ประหลาดตัวนี้ที!”
ตอนนั้นเสี่ยวหลิวตระหนักได้ว่าสัตว์ประหลาดที่พูดถึงคือเสี่ยวเถียน
เสี่ยวหลิวเป็นคนที่แยกดีชั่วออก เธอจ้องเขม็งไปที่คนพวกนั้น
จากนั้นก็ถามเสียงต่ำ “ทำไมเขาถึงคิดว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดล่ะ?”
เด็กสาวที่อ่อนหวานแบบนี้จะเป็นสัตว์ประหลาดได้อย่างไร?
อันธพาลพวกนี้ตาบอดหรือไง?
อืม… ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตาบอดจริง ๆ เหมือนจะไม่ใช่แค่นั้นนะ ตาบอดไม่พอ ยังโดนไสยศาสตร์ด้วยหรือ?
เสี่ยวเถียนลุกลี้ลุกลนอยู่ครู่เดียว จากนั้นก็ส่ายหัว
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พอรู้ว่าพวกเขาตามมาก็กลัวมาก เลยหยิบบะหมี่พริกป่นที่หยิบมาจากบ้านสาดใส่พวกเขา ใครจะรู้ว่ากลายเป็นแบบนี้ล่ะ?”
เสียงของเสี่ยวเถียนไม่ดังก็จริง แต่ก็ดังมากพอให้ทุกคนได้ยิน
อ๋อ… มันคือบะหมี่พริกป่น!
เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกอันธพาลร้องห่มร้องไห้ขนาดนี้
พอรวมกับคำสารภาพแล้ว ที่แท้ก็โดนบะหมี่พริกป่นนี่เอง!
ทว่าคนที่ร้องไห้กลับไม่ยอมรับเช่นนั้น
โง่หรือเปล่า? ไม่เคยเห็นพริกป่นหรือ?
จะพริกบ้านไหน ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง?
เสี่ยวเถียนลืมตาแล้วสร้างเรื่องต่อ “พวกเขาไม่ใช่แค่ร้องไห้นะคะ แต่ยังสู้กันจนกลายเป็นก้อนแบบนี้อีก สู้กันตัวต่อตัว กะเอาให้ตายเลย”
ต้องบอกว่าความสามารถในการโกหกและจ้องมองของเสี่ยวเถียนแข็งแกร่งมาก
เห็นกันชัด ๆ ว่าคนพวกนี้โดนเธอเตะจนลงไปนอนกองรวมกัน แต่ปากกลับบอกว่าพวกเขาสู้กันจนกลายเป็นแบบนี้อีก
พวกอันธพาลได้ยินก็ตกใจ ลืมโต้กลับไปเลย
เสี่ยวเถียนเป็นสัตว์ประหลาดนะ ทำไมถึงไม่ยอมรับล่ะ?
ทำไมถึงพูดแบบนี้?
ฮือ ๆ แบบนี้มันไม่ได้เป็นสัตว์ประหลาดแล้ว!
“พอทะเลาะกันก็เอาแต่บอกว่าหนูใช้วิชามาร แต่หนูแค่โยนบะหมี่พริกป่นใส่ต่างหาก!”
เสี่ยวเถียนเล่าพร้อมทำท่าไร้เดียงสาไปด้วย
ก็เธอโยนบะหมี่พริกใส่จริง ๆ แล้วก็เตะไปสองสามคนเอง ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยนะ
ก็คนพวกนี้มันไร้ประโยชน์เกินไปนี่
“แล้วพวกเขาได้พูดอะไรไหม?”
คนขับรถฮวางคิดว่าเรื่องราวไม่น่าง่ายแบบนั้น
การที่พวกอันธพาลหมายหัวเด็กตัวคนเดียว หากไม่มีเหตุผลอื่นอีก เขาไม่เชื่อแน่
เสี่ยวเถียนพูดว่า “พวกเขาบอกว่า มีผู้หญิงที่ชื่อโจวหรุ่ยซูบอกให้พวกเขาตามหนูมา!”
“โจวหรุ่ยซูคือใครหรือ? มีความแค้นอะไรกับเธอหรือเปล่า?” เสี่ยวหลิวถาม
ซูเสี่ยวเถียนส่ายหัว “ไม่มีค่ะ อ๋อ… เหมือนว่าบ้านเธอจะเป็นคนของกระทรวงการศึกษานะคะ มีคนของเธอพยายามจะเปลี่ยนคะแนนสอบของหนู แต่โดนหนูรู้ก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่มีแล้วค่ะ!”
ท่าทางไม่เป็นพิษไม่เป็นภัยทำให้ทุกคนเชื่อได้ไม่ยาก
เพราะเป็นคนธรรมดาจึงฟังเข้าใจ นี่เป็นเรื่องที่คนมีตำแหน่งใหญ่โตอยากจะแกล้งคนชั้นผู้น้อยนั่นเอง
“จับไว้เลย!” คนขับฮวางไม่ใช่พวกชอบใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้อื่น พอได้ยินก็รู้สึกโมโหเลยทันที
ส่วนพวกผู้โดยสารที่ปกติมักจะโดนคนอื่นรังแกไม่น้อย เมื่อได้ยินก็เห็นอกเห็นใจเสี่ยวเถียนเป็นธรรมดา
“สาวน้อย พวกเราจะจับคนพวกนี้ไว้แล้วจะเป็นพยานให้เธอนะ” หญิงที่อุ้มลูกรีบออกตัวช่วย
“ถึงพวกเราจะสนใจแต่เรื่องของตัวเองก็จริง แต่จะปล่อยให้คนเลว ๆ รังแกคนดีไม่ได้หรอก!”
ขณะที่ทุกคนแย่งกันพูด ก็ยังไม่ลืมที่จะจับคนพวกนี้มัดรวมกันไว้
ท่ามกลางเสียงตะโกนของคนขับฮวาง พวกอันธพาลโดนมัดรวมกันเป็นลูกบอลก่อนจะโยนขึ้นรถไป
คนขับฮวางแล่นรถอย่างไวเพื่อส่งผู้โดยสารไปยังปลายทาง
หลังจากกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจต่อพวกเขา คนที่เหลือก็ตามคนขับกลับเมืองไป
ส่วนไอ้พวกอันธพาลที่โดนจับมัด ทั้งยังโดนมัดปากไม่สามารถพูดอะไรไม่ได้เลย
เสี่ยวเถียนแอบเตะเท้าคนพวกนั้นเพื่อระบายความโกรธในตอนที่คนอื่น ๆ ไม่สนใจ
ความจริงแล้วถึงแม้คนอื่นจะไม่เห็น แต่ว่าเสี่ยวหลิวกลับเห็นมันอย่างชัดเจน
แต่ในสายตาของเสี่ยวหลิวคือ อันธพาลพวกนี้เป็นคนเลวที่คิดจะรังแกเด็กคนหนึ่ง จึงไม่แปลกใจถ้าเสี่ยวเถียนจะเตะอีกฝ่ายสองสามทีเพื่อระบายความคับแค้นใจ
หากเธอไม่ใช่พนักงานเก็บตั๋ว แต่เป็นผู้โดยสาร เธอก็คงจะเข้าไปเตะพวกเขาเหมือนกัน
รถโดยสารประจำทางเข้ามาเทียบท่ายังจุดที่มีคนพลุ่กพล่าน และผู้โดยสารก็ค่อย ๆ เยอะขึ้นเรื่อย ๆ พอเห็นพวกคนที่จับมัดรวมโดนโยนลงพื้นก็ตกใจมาก
เสี่ยวหลิวเป็นคนที่อดทนคนหนึ่ง
ระหว่างทางยังบอกอีกว่าคนพวกนี้โดนจับมัดเพราะทำร้ายคนอื่นมา
ผู้โดยสารต่างขุ่นเคืองแล้วก้าวเข้าไปเตะคนพวกนั้นทันที ในไม่ช้าพวกเขาก็โดนเตะจนร่างกายประทับไปด้วยรอยรองเท้า
ด้วยความเที่ยงธรรม พวกอันธพาลก็ถูกผู้โดยสารที่ไม่รู้เรื่องราวเตะออกไปไกลกว่าที่เสี่ยวเถียนทำเสียอีก
เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวโดนบอกว่าเป็นสัตว์ประหลาด คนธรรมดาที่ไหนถึงมีแรงเยอะขนาดนั้นล่ะ?
แค่ลูกเตะเดียวก็ทำเอาเจ็บแทบตายแล้ว กระดูกพวกเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในไม่ช้า
ทว่าหากพวกเขากล้าตะโกนออกไป พนักงานหน้ากลมได้ใช้สายตาฟาดฟันใส่แน่
หลังจากรถประจำทางมาถึงตัวเมืองและปรึกษากับผู้โดยสารแล้ว คนขับฮวางไม่ได้ไปที่สถานีขนส่ง แต่ไปสถานีตำรวจก่อน
พวกคนโง่เขลาที่โดนทารุณมาตลอดทางเห็นตำรวจก็เหมือนกับเห็นญาติ ทำให้ลุงตำรวจตกใจเอามาก
ทั้งยังเริ่มสงสัยแล้วว่าพวกผู้โดยสารจับผิดคนหรือเปล่า
พวกเขาไม่เคยเห็นคนร้ายตื่นเต้นที่ได้เจอลุงตำรวจมาก่อนเลย
ทว่าหลังจากซักถามอย่างถี่ถ้วนแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าอันธพาลพวกนี้คิดจะทำร้ายเด็กสาวจริง ๆ
มีแค่พวกนี้เท่านั้นแหละที่โง่ ลักไก่ไม่สำเร็จกลับเสียข้าวสารไปหนึ่งกำมือ*[1] อีก เลยโดนพริกป่นสาดเข้าตานี่ไง
ถึงจะยังสงสัยว่าทำไมถึงสู้กันหลังโดนพริกเข้าตา ถึงขนาดสู้กันจนฟกช้ำขนาดนี้ด้วย
ที่จริงพวกเขารังเกียจไอ้คนพวกนี้จริง ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ยืนยันตัวแล้วว่าเป็นพวกอันธพาล เลยยิ่งเชื่อเข้าไปอีกว่าพวกมันต้องทำเรื่องไม่ดีแน่ ๆ
และคนกลุ่มนี้ก็ยังไม่หยุดยืนกรานต่อหน้าลุงตำรวจว่าเสี่ยวเถียนเป็นสัตว์ประหลาดอยู่ดี
*[1] ฉวยโอกาสไม่สำเร็จแล้วยังขาดทุนอีกต่างหาก