เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 422 เสียเงิน
บทที่ 422 เสียเงิน
บทที่ 422 เสียเงิน
ฮั่วซือเหนียนมีความคิดที่ว่าจะต้องทำตัวตามอำเภอใจเสมอ คำพูดของเขาคือ มนุษย์มีชีวิตเดียว ทำไมถึงไม่หาของกินเสียล่ะ?
เขาไม่ได้กินปูขนแท้ ๆ มาหลายปีแล้ว
โอกาสดีแบบนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไรล่ะ
เสี่ยวเถียนขบคิดเงียบ ๆ ทำไมชื่อฮั่วซือเหนียนถึงดูคุ้น ๆ นัก? แต่สุดท้ายก็คิดมันไม่ออกเลยปล่อยมันทิ้งไป
“ปูขนหนึ่งจานมีหกตัว เป็นราคาหกสิบหยวนค่ะ” เสี่ยวเถียนไม่กะพริบตาสักนิด
น้ำเสียงนิ่งสงบ ราวกับไม่ได้บอกว่าจานละหกตัวราคาหกสิบหยวนเลย
คุณย่าซูเซจนเกือบล้มลง
เสี่ยวเถียนขอราคาสูงมาก
ร้านเราไม่มีเมนูที่ราคาแพงขนาดนี้เสียหน่อย
หญิงชราคิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธเคือง แต่ก็ต้องประหลาดใจที่เจ้าตัวพยักหน้าโดยไม่ลังเล
ฮั่วซือเหนียนกำลังยิ้ม!
“ได้เลย ฉันขอสองจานนะ!”
คุณปู่ซูก็ตกใจเหมือนกัน เขามองภรรยาด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ คิดว่าตนหูฝาดไปหรือเปล่า!
เหลียงซิ่วและเด็ก ๆ คนอื่นก็เช่นกัน ทุกคนต่างตกใจจนอ้าปากค้าง
ปูขนนึ่งหนึ่งจานมีหกตัว จานละหกสิบหยวน กะเอาเงินเป็นกอบเป็นกำเลยใช่ไหม? แล้วราคาสูงขนาดนี้ ลูกค้าท่านนี้ยังยอมขอสองจานอีกหรือ?
คนคนนี้ผลาญเงินผลาญทองไปหน่อยไหม?
เสี่ยวเถียนส่ายหัว
“ไม่ได้ค่ะ ถ้ารวมบ้านเราไปด้วย มันจะเหลือน้อยมาก คุณก็เห็นว่าสมาชิกเราเยอะแค่ไหน”
ความหมายชัดเจน ถ้าให้คุณอีกจาน บ้านเราก็ไม่พอกินน่ะสิ
ฮั่วซือเหนียนเสียใจ แต่เขาเป็นคนที่ทำตัวชัดเจนเสมอ จานเดียวก็ยังดี ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
คุณปู่ซูรีบพาอีกฝ่ายกลับไปที่ห้องอาหาร
ลูกค้าคนอื่นที่มากินข้าวกับเขาเกือบจะกินเสร็จแล้ว ตอนเห็นฮั่วซือเหนียนกลับมา พวกเขาก็ลุกเตรียมจะกลับบ้าน
“รอก่อน ๆ ยังมีของอร่อยอีกนะ!” เขารีบหยุดเอาไว้
“ของอร่อยอะไรอีกล่ะ?
“จิ้งอวี่ ของดีเลยนา… ถ้าแกไปก่อน อย่ามาหาว่าฉันกินคนเดียวแล้วกัน”
น้ำเสียงของฮั่วซือเหนียนฟังดูตื่นเต้นมาก
แม้แต่ชีจิ้งอวี่ผู้เป็นเพื่อนกันมาหลายปีก็ยังสงสัยว่า มันไปเจอของอร่อยอะไรมาอีกล่ะ?
กระทั่งปูนึ่งถูกยกมาเสิร์ฟ ฮั่วซือเหนียนแทบหุบยิ้มไม่ได้ แถมน้ำลายยังไหลออกมาอีกต่างหาก
“ปูจริง ๆ หรือ?” ชีจิ้งอวี่หาเสียงตัวเองไม่เจอ
“ปูอะไรที่ไหนล่ะ ปูขนเนี่ย!” ฮั่วซือเหนียนจ้องมองเพื่อนที่ไม่รู้จักปูขน
ไม่อยากมีเพื่อนแบบนี้เลย ทำอย่างไรดี?
แต่ชีจิ้งอวี่ไม่เชื่อ
ในเมืองหลวงมีปูดี ๆ อยู่แล้ว แต่ปูขนแท้ ๆ เลยหรือ? ที่นี่คือตอนใต้หรือไง?
“ฉันกินมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เคยตัดสินใจพลาดแน่นอน รีบกินเลย ตัวละสิบหยวนเลยนะ!”
ฮั่วซือเหนียนว่า เขาลับมีดบนจานก่อนโจมตีปูขน*[1]
ทิ้งเพื่อนให้นั่งสับสนอยู่แบบนั้น
ตัวละสิบหยวน กินเงินหรือกินข้าว?
เมนูนี้มันแพงไปไหม?
ขูดรีดกันหรือ?
ต้องร้องเรียนไหม?
“ซือเหนียน ถึงปูจะหายาก แต่ตัวนึงมันไม่ถึงสิบหยวนนะ นี่จะแพงเกินไปแล้ว!” ชีจิ้งอวี่เกลี้ยกล่อม
“ถึงปูขนจะราคาไม่แพง แต่การที่จะส่งมาจากภาคใต้มันไม่ง่ายนะ แล้วการจะรักษาให้มันสดยากกว่านี้อีก ฉันว่าพวกเขาต้องขนส่งทางเครื่องบินแน่นอน”
ว่าจบ ฮั่วซือเหนียนก็ยังคิดอย่างหงุดหงิด ไม่คิดเลยว่าร้านที่ดูไม่มีอะไรจะมีความสามารถขนาดนี้!
“แกยังรู้อีกว่ามันสด?” ชีจิ้งอวี่พูดไม่ออก
“เรื่องกินฉันไม่เคยพลาดหรอกนะ”
ชีจิ้งอวี่ “…”
“จิ้งอวี่ ถ้าอยากจะต้อนรับแขกสักคนก็เลือกร้านนี้นะ ร้านนี้ชื่อว่าหออีหมิง วัตถุดิบล้วนแต่เป็นของชั้นหนึ่ง ฝีมือการทำอาหารก็ดีด้วย แม้แต่ร้านในเมืองยังเป็นรองเลยนะ!”
ว่าจบเขาก็ชำเลืองมองภายในร้าน “แค่บรรยากาศไม่ดีเท่าร้านอาหารฝรั่งก็เท่านั้น ไม่งั้นเหมาะจะเป็นสถานที่สำหรับคุยธุรกิจเลยนะ!”
ชีจิ้งอวี่ไม่คิดเลยว่าฮั่วซือเหนียนจะคาดหวังกับร้านแห่งนี้ไว้สูงขนาดนั้น
ร้านอาหารฝรั่ง…
แต่เพื่อนเขาพูดอะไร มันไม่เคยพลาดเลยนะ!
แต่ถ้าเจ้าตัวบอกว่ามันไม่สด นั่นแหละคือปัญหาแน่นอน
การที่เพื่อนพูดแบบนี้จะต้องดีจริงแน่ ๆ
ตอนนั้นเองที่ครัวหลังร้าน คุณย่าซูกำลังทำกุ้งอบน้ำมันอยู่ แกเอาแต่มองหลานสาวไม่ละสายตา
“เสี่ยวเถียนเอ้ย ขายจานละหกสิบหยวนมันไม่แพงไปหน่อยหรือ?”
ในที่สุดคุณย่าซูก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา ถ้าโดนรายงานขึ้นมาจะไม่คุ้มเอานะ
เสี่ยวเถียนส่ายหัว “ไม่แพงค่ะ”
คุณย่าซู “…”
มันแพงกว่าร้านอาหารส่วนตัวของพ่อครัวติงอีกนะ ลูกค้าไม่ค้านอะไรหน่อยหรือ?
ถ้าเกิดร้านเราโดนรายงานขึ้นมาจะทำอย่างไร?
จะไม่โดนคนเขาจัดการเพราะเป็นร้านผิดกฎหมายใช่ไหม?
หญิงชราไม่คิดเลยว่าอาหารที่เธอทำ รสชาติจะเทียบได้กับฝีมือของพ่อครัวที่เป็นทายาทพ่อครัวในวังได้ เพราะมันเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว
“คุณย่า ปูราคาแพงนะ ตอนหนูซื้อก็ตัวละหกหยวนแล้ว ไหนจะต้องเอามาทำอีก จะไม่สิบหยวนได้ยังไงคะ?” เสี่ยวเถียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ในยุคนี้ปูราคาไม่เท่าไร และราคาในระบบร้านค้ามันจะขึ้นอยู่กับยุคด้วย
เพราะงั้นเธอจึงซื้อมาได้ในราคาย่อมเยา
แต่เธอไม่บอกหรอกนะ
อีกอย่างปูขนในเมืองหลวงมันไม่สดเท่านี้ด้วย
คุณภาพไม่เหมือนกัน ราคาไม่คุ้มค่า
คุณย่าซูได้ยินก็พลันทำช้อนในมือหล่นจนเสียงดังโครมคราม
สงสัยจะฟังผิด
“เสี่ยวเถียนพูดว่าอะไรนะ?” แกถามด้วยความไม่เชื่อ
“เป็นอะไรไปคะย่า? ก็ตัวละหกหยวนไง”
แกแน่ใจแล้วว่าตัวเองฟังถูกแล้ว เลยร้องด้วยเสียงอันดัง “ตายแล้ว ตกใจแทบตาย!”
แม่เจ้า ตัวละหกหยวนเนี่ยนะ
แล้วเธอเพิ่งจะนึ่งไปกี่ตัวนะ?
ห้า สิบ สิบห้า ยี่สิบ…
สามสิบตัวเลย!
รวมแล้วราคาเท่าไร? หนึ่งร้อยแปดสิบหยวน!
แล้วให้ลูกค้าไปหกตัว ราคาหกสิบหยวน ก็เหลือร้อยยี่สิบ…
ตรากตรำทำงานมานานยังไม่พอกับมื้อนี้เลย!
หญิงชราอยากจะร้องไห้
“เสี่ยวเถียน ให้ลูกค้าไปอีกจานดีไหม เขาอยากได้สองจานไม่ใช่หรือ?”
คุณย่าซูถามออกมาอย่างลังเล
ราคาสูงเลยนะ ทำงานไม่พอข้าวมื้อเดียวจริง ๆ ยายแก่รับไม่ได้ ปวดใจจริง ๆ
“ย่า มันเป็นปูจากธรรมชาติค่ะ กินเยอะไม่ได้ ถ้าเขากินมากไปจะไม่ดีต่อร่างกาย!”
เสี่ยวเถียนจะไม่เข้าใจความหมายที่ย่าสื่อได้อย่างไร
แต่นี่เป็นรางวัลสำหรับบ้านเรานะ จะให้คนอื่นไม่ได้
“ถ้ากินแล้วแย่ ทำไมมันราคาแพงแบบนั้นล่ะ? เสี่ยวเถียน หลานไม่ได้โดนหลอกใช่ไหม?”
คุณย่าซูคิดว่าหลานจะต้องโดนหลอกเพราะเธอยังเด็กแน่ ๆ
“คุณย่า กินน้อย ๆ จะดีต่อร่างกายค่ะ กินมากไปจะทำร้ายร่างกายเอาต่างหาก!” เสี่ยวเถียนรีบอธิบาย
*[1] ในที่นี้เป็นการเปรียบเทียบถึงการกระทำที่ศัตรูมักจะทำก่อนลงมือ